“พี่รัญจะหย่าจริงๆ ใช่ไหมคะ” เสียงหวานปนความน้อยใจเอ่ยถามชายผู้เป็นที่รักออกมาหลังจากอยู่ในห้องด้วยกันสองต่อสอง
“เอมไม่ไว้ใจพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่” แม้ประโยคที่ถามจะเหมือนเป็นการตำหนิ แต่น้ำเสียงกลับดูอบอุ่นและอ่อนโยนไม่น้อย เพียงเพราะเธอคือผู้หญิงที่เขารัก และเขาก็เข้าใจว่าเธอเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องทนมองคนรักของตัวเองแต่งงานกับคนอื่นถึงสองปี
“เอมไม่ได้ไม่ไว้ใจพี่รัญ แต่เอมแค่คิดว่าอัญคงไม่ยอมง่ายๆ” อัญญารักอรัญแค่ไหนทำไมเธอจะไม่รู้ ขนาดที่ทำเรื่องโง่เขลาต่อหน้าผู้คนนับร้อยได้ขนาดนั้น เธอคิดว่าอัญญาคงไม่มีทางยอมปล่อยอรัญไปง่ายๆ แน่ ถึงตอนนั้นอาจจะใช้มารยาอะไรมาทำให้อรัญหย่าไม่ได้ก็เป็นได้
“พี่ไม่สนว่าเธอจะยอมหรือไม่ยอม เพราะสัญญาได้ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าสองปีคือหย่า และถ้าเธอไม่หย่าพี่ก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ใบหย่ามา” น้ำเสียงหนักแน่นดังขึ้นเพื่อเป็นสัญญาให้กับหญิงผู้เป็นที่รักของเขา
“เอมรักพี่รัญนะคะ” เอมอรพูดก่อนจะเข้าไปสวมกอดอรัญไว้แน่น
“พี่ก็รักเอม” ถ้าเกิดเมื่อปีก่อนไม่เกิดข้อผิดพลาดขึ้น ตอนนี้เขากับเอมอรคงได้แต่งงานกันไปแล้ว เขาต้องเสียเวลาถึงสองปีเพื่อแต่งงานกับคนที่เขาไม่ได้รัก ต้องทนมองหน้าอยู่บ้านหลังเดียวกันกับผู้หญิงที่เขาเกลียดเพื่อรอเวลาที่สมควรในการหย่าอย่างทนแทบไม่ไหวแล้ว แต่เขาก็ต้องทน ทนเพื่อผู้หญิงที่เขารักจะไม่ถูกกล่าวหาไปในทางที่ไม่ดี
“พี่รัญ” เสียงหวานเรียกอรัญขึ้นพร้อมสายตาหวานเยิ้มที่จ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า ใบหน้าหวานค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ใบหน้าหล่อเหลามากขึ้นเรื่อยๆ และเพราะความรักนั่นยิ่งเกิดการดึงดูดกันก่อนทั้งสองจะจูบกันในที่สุด
ความต้องการของคนถือเป็นเรื่องที่ห้ามกันยากมากที่สุด ความต้องการของคนถือเป็นเรื่องที่ไม่เข้าใครออกใคร ต่อให้จะเกิดมาในครอบครัวชนชั้นสูงหรือถูกปลูกฝังมาอย่างดีแค่ไหน แต่เมื่อไหร่ที่เกิดความต้องการขึ้นภายในใจ เกิดอารมณ์ปรารถนาขึ้นมา สุดท้ายก็ไม่มีอะไรขวางกั้นสิ่งนั้นได้
เพราะแบบนั้นจากการจูบมันจึงไม่ได้จบที่จูบอย่างเดียว บนเตียงกว้างภายในบ้านที่เป็นเรือนหอของอรัญและอัญญา แต่มันกลับเป็นที่ที่มีความสุขของอรัญและเอมอรเมื่อสองร่างสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน สาดใส่ความเร่าร้อนอย่างไม่มีใครยอมใคร เสียงครวญครางดังไปทั่วห้องดังชนิดที่วัสดุอย่างดีแต่มันกลับเล็ดลอดออกมายังประตูบานใหญ่ได้อย่างง่ายดาย
และนั่นก็ทำให้คนที่ตามขึ้นมาและพยายามแอบฟังคนในห้องคุยกัน มันกลับไม่ได้ยินเสียงพูดคุย แต่สุดท้ายกลับได้ยินเสียงที่กำลังบอกเธอได้อย่างดีว่าภายในนั้นพวกเขากำลังมีความสุขแค่ไหน
“ฮึก!” มันไม่ง่ายเลยสักนิดที่จะห้ามน้ำตาตัวเองไม่ให้ไหลได้กับการยืนฟังสามีที่เธอรักมีสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เขารักในเรือนหอของเธอกับเขาโดยที่เธอทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายอัญญาก็ร้องไห้ออกมาอย่างง่ายดาย แต่มือเล็กพยายามยกขึ้นปิดปากของตัวเองไว้ มืออีกข้างกอบกุมหน้าอกข้างซ้ายที่มันกำลังบีบรัดอย่างแรง
สุดท้ายเธอก็ต้องฝืนร่างกายที่หนักอึ้งของตัวเองกลับไปยังห้องพักของเธอ กลับไปพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเต็มไปหมด
“ฮืออ!” เมื่ออยู่ในพื้นที่ของตัวเองสุดท้ายเสียงร้องไห้ก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างทุกข์ทรมาน ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดเจียนตาย
เขาทำเกินไปหรือเปล่า ไม่รักเธอ บอกรักคนอื่นให้เธอฟังบ่อยๆ เจอกับผู้หญิงที่เขาเป็นว่าเล่น พาผู้หญิงที่เขารักมาเหยียบย่ำเธอถึงในบ้าน แต่นี่เขายังจะควักหัวใจของเธอด้วยการมีอะไรกับผู้หญิงที่เขารักภายในเรือนหอของเขากับเธอ มีโดยไม่นึกถึงใจของเธอเลยสักนิดอย่างนั้นหรอ เขาทำกับเธอเกินไปหรือเปล่า
“ฮืออ!” อัญญาทำได้เพียงร้องไห้ออกมาอย่างฝืนทนฝืนกลั้นไม่ไหว เธอร้องไห้ออกมาราวกับทั้งชีวิตของเธอกำลังสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด แต่ให้เธอร้องเถอะ เพราะความเจ็บตอนนี้ถ้าเธอไม่ได้ระบายออกมาเธอคงอกแตกตายไปก่อนเป็นแน่
แต่ไม่มีใครร้องไห้จนตายหรอก เมื่อได้ระบายความอัดอั้นภายในใจออกมาจนหมดความเจ็บปวดที่ไม่ได้บรรเทาลงแต่ความรู้สึกอึดอัดมันก็หายไปได้บ้าง เพราะแบบนั้นอัญญาเลือกจะเข้าไปล้างหน้าล้างตาและเปลี่ยนเสื้อผ้าออกจากบ้านไปเพื่อตั้งสติในการกลับมารับมือกับความเกลียดชังของอรัญต่อ ตอนนี้เขาอยากอยู่กับคนที่เขารักก็อยู่ไป เพราะยังไงพวกเขาสองคนก็เป็นได้แค่ชู้กันเท่านั้น
“อัญ” เสียงทุ้มนุ่มหนึ่งดังขึ้นทำให้อัญญาที่เดินเหม่อลอยอยู่ในห้างสรรพสินค้าได้สติและหันไปยังต้นเสียง
“พี่คิน” อัญญาที่เห็นรุ่นพี่ที่เธอเคารพก็เอ่ยเรียกออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ
“มาทำอะไร ทำไมเดินเหม่อลอยแบบนี้ล่ะ” คิราเอ่ยถามหญิงสาวออกไปด้วยความสงสัย มาเดินห้างแต่กลับเดินเหม่อลอยเหมือนไม่ได้อยากมา
“อัญมาเดินเล่นค่ะ” อัญญาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่ถูกจับได้
“มาคนเดียวหรอ” เขาไม่น่าถามเลยว่าเธอมากับใคร เพราะเขารู้ดีแก่ใจว่าเธอคงมาคนเดียวแน่นอน
“ค่ะ” อัญญาตอบกลับออกไปอย่างไม่ปิดบัง
“เดี๋ยวพี่เดินเป็นเพื่อน” คิราเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินไปหยุดข้างกายของอัญญา
“พี่คินมาทำธุระหรอคะ” อัญญาถามขึ้นอย่างเกรงใจ
“เปล่าหรอก พี่มาซื้อของน่ะ แต่มาคนเดียวเหมือนกัน” คิราตอบออกไปทั้งที่จริงๆ ก่อนหน้านี้เขามากับเพื่อน แต่หลังจากเขาได้เห็นเธอก็ขอแยกกับเพื่อนและเดินตามเธอมา
“อ๋อ แล้วพี่คินมาซื้ออะไรคะ ให้อัญช่วยไหม” อัญญาถามขึ้นเพื่อไม่ให้เสียมารยาท
“พี่ว่าจะมาดูเสื้อผ้าสักหน่อยน่ะ” แผนที่พึ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ตอนเธอถามถูกตอบออกมา
“อ๋อ งั้นให้อัญช่วยนะคะ” อัญญาได้ยินแบบนั้นก็เสนอตัวขึ้นด้วยรอยยิ้ม เพราะเรื่องซื้อของผู้ชายเธอถนัด เธอมักจะเลือกซื้อของใช้ส่วนตัวให้อรัญบ่อยๆ แม้ว่าของส่วนใหญ่ที่เขารู้ว่าเธอซื้อแล้วจะไม่แตะต้องมันเลย แต่เธอก็ยังจะซื้อให้เขาตลอด
“ได้สิ งั้นไปร้านนั้นกัน” คิราที่ได้ยินและได้เห็นรอยยิ้มของเธออีกครั้งก็ตอบรับอย่างไม่รอช้า
หญิงสาวที่เมื่อก่อนเคยมีรอยยิ้มประดับหน้าบ่อยๆ หญิงสาวที่ปกติเป็นคนสวยและมีใบหน้าเหมาะกับรอยยิ้มที่สุด แต่กลับมีแต่ความเศร้าหมองหลังจากได้แต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองรัก
แต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อนั่นเป็นผู้ชายที่เธอรัก แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ได้รักเธอ มันก็ย่อมไม่มีความสุขแบบนี้แหละ
หลังจากเข้ามาในร้านเสื้อผ้าอัญญาก็ตรงไปเลือกเสื้อผ้าของผู้ชายอย่างไม่รอช้า แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เธอกำลังลืมตัวคิดว่ากำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าให้สามีตัวเองอยู่ นั่นเลยทำให้คิรายืนมองเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสารไม่น้อย
อรัญโชคร้ายที่ไม่ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ตัวเองรัก แต่ก็โชคดีที่ได้รับความรักดีๆ จากผู้หญิงคนนี้ไม่น้อย แต่เพราะไม่ใช่ผู้หญิงที่อรัญรัก มันก็เลยทำให้ความรักของอัญญาดูไร้ค่าและไม่ถูกรับไว้ จนเขาอยากไปรับมันไว้แทน
“อัญเลือกเสื้อผ้าเก่งจังนะ” คิราเลือกจะปรับสีหน้าก่อนจะเดินเข้าไปชวนอัญญาพูดคุยให้เธอได้ลืมผู้ชายในหัวใจของเธอไปบ้าง แล้วมองผู้ชายข้างกายเธออย่างเขาบ้างแม้จะเป็นเวลาสั้นๆ ก็ยังดี
“หรอคะ” อัญญาหันมายิ้มให้คิราบางๆ กับคำชมของเขา
“ครับ งั้นช่วยเลือกเสื้อลำลองให้พี่สักสามตัวนะ” คิราตอบก่อนจะฝากให้อัญญาช่วยโดยที่เขาก็ยังยืนอยู่ข้างกายของเธอ
“ได้ค่ะ” อัญญาตอบรับออกมาก่อนจะจัดการเลือกเสื้อผ้าให้คิราตามแบบที่เธอมักจะเลือกให้อรัญ แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าสิ่งที่อัญญาเลือกมามันเป็นสไตล์ของอรัญ แต่เขาก็เลือกจะรับน้ำใจของเธอไว้โดยไม่ได้พูดอะไร
“แล้วอัญจะซื้ออะไรไหม เดี๋ยวพี่ช่วยเลือกบ้าง” เมื่อซื้อเสื้อของเขาเสร็จคิราก็ถามและเสนอตัวขึ้นบ้าง
“อัญไม่ได้จะซื้ออะไรหรอกค่ะ” อัญญาที่ไม่ได้ตั้งใจออกมาซื้ออะไรก็ไม่รู้จะซื้ออะไรเลยปฏิเสธออกไป
“งั้นเดี๋ยวพี่พาไปดูเสื้อผ้าดีกว่า พี่จะได้เลือกให้อัญสักชุด” คิราที่เห็นแบบนั้นก็เลือกจะจับมืออัญญาพาไปยังร้านเสื้อผ้าผู้หญิงร้านหนึ่งและจัดการเลือกชุดชุดหนึ่งมาให้เธอ
“ตัวนี้หรอคะ” อัญญาถามคิราขึ้นหลังจากเห็นชุดที่เขาเลือกให้เธอ ชุดที่ดูไม่ใช่สไตล์เธอเลยสักนิด
“อืม ถ้าอะไรเดิมๆ มันไม่ดี ก็ลองเปลี่ยนสิ่งใหม่ดู บางครั้งมันอาจจะเหมาะกับเรามากกว่าสิ่งที่เราคิดก็ได้” คิรายื่นชุดในมือให้อัญญาแล้วพูดกับเธอออกไป แต่สิ่งที่เขาพูดแน่นอนว่าเขาไม่ได้หมายถึงเสื้อผ้าที่เธอใส่ แต่เขากำลังหมายถึงทางเลือกของเธอ ทางเลือกที่มันไม่ได้เข้ากับเธอเลยสักนิด
“ค่ะ” อัญญารู้สึกได้ว่าคำพูดของคิรามันฟังดูเหมือนไม่ได้หมายถึงเสื้อผ้า แต่สุดท้ายเธอก็ตอบรับสั้นๆ แล้วหยิบชุดในมือของคิราเข้าไปลอง
จากเดรสผ้าระบายแขนยาวตอนแรกถูกเปลี่ยนเป็นเดรสเกาะอกเข้ารูปสีขาว เว้าช่วงอกเล็กน้อยเพิ่มความเซ็กซี่ แต่งสายเส้นเล็กสามเส้นฝั่งซ้าย ด้านล่างเป็นกระโปรงความยาวประมาณสิบหกนิ้วแต่งทับด้วยการพาดจากขวาไปซ้ายเว้ากลางสูงกว่าส่วนอื่นเหลือความยาวเพียงสิบสี่นิ้ว
“เลือกชุดนี้ให้อัญจริงๆ หรอคะ” อัญญาเปิดห้องลองชุดออกมาถามคิราขึ้น
“ครับ ใส่ชุดนี้เลย” คิราที่ยืนอึ้งกับความสวยของอัญญาดึงสติตัวเองกลับมาแล้วตอบออกไป
“จะให้ใส่ชุดนี้เลยหรอคะ!” อัญญาถามออกไปอย่างไม่อยากเชื่อ
“อืม เชื่อมือพี่นะ” คิราตอบพร้อมรอยยิ้มออกมา แม้จะรู้สึกไม่อยากให้เธอใส่ชุดนี้ออกไปเดินให้คนมองเท่าไหร่ แต่อีกใจหนึ่งเขาก็อยากช่วยเธอสักนิด ช่วยให้เธอเพิ่มเสน่ห์ให้อรัญได้เห็นบ้างว่าตัวเองมีของดีอยู่ใกล้ตัวแค่ไหน
สุดท้ายอัญญาก็ใส่ชุดที่คิราเลือกให้เดินซื้อของกับเขาต่อสักพักใหญ่ก่อนทั้งสองจะแยกย้ายกันกลับบ้านของตัวเอง กลับมาเพื่อเผชิญหน้ากับความเป็นจริงอีกครั้ง