บทที่7วันสุดท้ายชีวิต1.1
บ้านหลังใหญ่เงียบเหงากว่าทุกวัน หลังจากที่ฉันบอกป้าสมรว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อน…พรุ่งนี้วันอาทิตย์แล้วสินะ วันที่ฉันจะได้อยู่ที่นี่อีกแค่คืนเดียว…หลายวันที่ผ่านมาฉันออกไปซื้อของมาเก็บไว้ในกำไลมิติหมดแล้ว
วงเงินในบัตรเครดิตทุกใบถูกรูดที่ร้านห้างทองกับร้านเพชรพลอยชั้นนำ คิดว่ายุคที่ฉันจะไปอยู่นั้นทองคำกับเพชรพลอยต้องมีประโยชน์มากกว่าธนบัตรที่นี่ ส่วนเช็ดเงินสดมูลค่า 10 กว่าล้านถูกส่งไปที่มูลนิธิตั้งแต่เมื่อวาน เป็นเงินที่ญาติของพี่ธันโอนเงินค่าแบรนด์เนมมือสองมาให้ฉัน…
“ขอบคุณนะคะคุณนวลพรรณ…ตอนที่แม่ศรีจากพวกเราไป ดิฉันกลัวมาก กลัวคุณนวลจะทิ้งเด็ก ๆ แต่ไม่เลย ทุกปีคุณนวลยังคงส่งเช็ดเงินสดมาให้ทางมูลนิธิ ดิฉันขอเป็นตัวแทนเด็ก ๆขอให้คุณนวลมีความสุขมาก ๆ ความดีที่คุณนวลทำมาตลอด ขอให้กลับไปหาคุณนวลเป็นร้อยเท่าพันเท่านะคะ”
“ขอบคุณนารา…คุณทำหน้าที่แทนแม่ศรีได้ดีมาก ๆแม่ศรีกับฉันภูมิในตัวคุณมากนะ…ฉันขอให้สิ่งที่คุณทุ่มเทให้เด็ก ๆกลับมาหาคุณ ขอให้คุณมีความสุข สุขภาพกายใจแข็งแรง อยู่กับเด็ก ๆไปนาน ๆ”
“ขอบคุณค่ะคุณนวล”
นรากรคิดแม่ศรี คนที่เก็บคุณนวลพรรณมาเลี้ยงให้ความรักเสมือนแม่ลูกกัน อยู่ที่มูลนิธิแห่งนี้ ตอนที่คุณนวลพรรณจบม. 6 ได้ทุนไปเรียนต่างประเทศ ตอนนี้นเธออายุแค่ 21 ปี แม่ครูให้เด็ก ๆทุกคนดูคุณนวลพรรณเป็นตัวอย่างของคนขยัน ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต
ท่านกับคุณนวลติดต่อกันตลอด คุณนวลพรรณจบมามีงานทำที่ดี กลับมามอบทุนการศึกษาให้เด็ก ๆที่นี่ทุกปี แล้วยังบริจาคเงินเพิ่มขึ้นทุกปีด้วย เมื่อ 3 ปีที่แล้วแม่ศรีจากไปตอนอายุ 65 ปีเนื่องจากโรคชราคราบชีวิตท่านไป
นรากรที่เป็นเด็กกำพร้า จบปริญญาตรีมาทำงานช่วยแม่ศรี พอท่านจากไปเธอคือคนที่อยู่ข้างกายแม่ศรี หน้าที่รับผิดชอบทั้งหมดตกมาอยู่ที่เธอ แล้วเวลานั้นหญิงสาวกลัวว่าคุณนวลจะไม่มอบทุนหรือบริจาคเงินให้เด็ก ๆอีกแล้ว
เพราะแม่ศรีจากไป…แต่ไม่เลย คุณนวลยังคงให้ทุนการศึกษาเด็ก ๆและบริจาคเงินค่าอาหาร ค่าน้ำค่าไฟเข้ามาทุกปี แต่คราวนี้เป็นจำนวนเงินที่มากกว่าทุกครั้งเกือบ 10 เท่า
“จำไว้นะนวล…แกจะไปเที่ยวที่ไหนฉันไม่ว่า แต่อย่าคิดสั้นนะเว้ย” นี่คือคำพูดของเจต วันที่เธอไปหาเพื่อน แล้วเป็นวันสุดท้ายที่พวกเราได้เจอกัน
คืนนี้นวลพรรณหลับไปด้วยความเพลีย…เธอยอมรับว่า 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา เธอใช้ความคิดตลอดเวลา แล้วในห้วงความฝันนั้น………เธอกลับไปที่กระท่อมหลังนั้นอีกแล้ว
ภาพที่เธอเห็น…
“ท่านพี่…ให้อภัยข้าด้วย…ข้าถูกมันล่อลวง…ข้าคิดถึงท่านพี่ยิ่งนัก…สวรรค์มีเมตตา ให้ข้าหนีออกมาได้” ไอ่ตาทึ่มเข้าไปกอดเมียมันแล้วลูบหัวนางเบา ๆ
“พี่ไม่เคยโกรธเจ้าชิงเอ๋อร์ พี่กับลูก ๆ รอเจ้ากลับมาทุกวัน…เจ้ามิต้องร้องไห้อีกแล้ว ดูซิใบหน้างดงามของเจ้าจะเปื้อนเสียเปล่า ๆ”
“นี่ฉันมาดูไอ่ตาทึ่มปลอบเมียหรือนี่ แต่ทำไมสายตานังชิง…อะไรนะฉันขอเรียกนังชิงชังละกัน สายตามันไม่น่าไว้ใจสักนิด” ไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอ
“ฮือ ๆ ขอบคุณท่านพี่…ข้ารักท่านพี่ที่สุด” ใบหน้างามแนบลงไปกับหน้าอกซ้ายแล้วหันมาทางที่ฉันยืนอยู่ แม่นางชิงชังแสยะยิ้ม…ช่างเป็นรอยยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งนัก
แล้วสิ่งที่เธอคิดก็เป็นจริง ภาพตัดมาที่ตาทึ่มกับลูกชายคนโตจะออกไปรับจ้าง เขาร่ำลาภรรยากับลูก ๆ อีกสองคนแล้วออกเดินทาง นางชิงชังเห็นว่าลูก ๆ สองคนหลับ จึงเข้าไปในห้องนอน ค้นหาของบางอย่าง เมื่อไม่เจอนางทำหน้าวีนเหวี่ยง
ฉันได้แต่ลุ้นว่าอย่าให้นางเจอของที่หา แต่เมื่อนางเอาเก้าอี้มา แล้วขึ้นไปดูบนคานบ้าน พร้อมกับนำห่อผ้าลงมา สีหน้านางชิงชังยามนี้ยิ้มกว้าง รีบเปิดถุงออกมา ที่แท้เป็นเงินเก็บหอมริบของตาทึ่มกับลูกชาย ดูจากความหนาแล้วเป็นจำนวนที่มากพอสมควรอยู่
นางชิงชังเอาเงินทั้งหมดใส่ในถุงผ้าของตัวเอง แล้วเอาถุงผ้าเก่าขึ้นไปเก็บไว้ที่เดิมข้าวของที่นางรื้อถอนก็ถูกเก็บเป็นระเบียบเรียบร้อย จากนั้นถือถุงผ้าออกมานอกบ้าน มองซ้ายมองขวาแล้ว เมื่อไม่เห็นใคร เด็ก ๆก็หลับอยู่ นางรีบเดินออกจากบ้านทันที…
ภาพตัดมาที่ตาทึ่มกลับมาบ้านช่วงเย็น เห็นลูก ๆร้องไห้ตามหามารดา…สองพ่อลูกมองหน้ากัน ขออย่าให้เป็นเช่นที่เขาคิด ทางด้านลูกชายคนโต ก็คิดว่าขออย่าให้มารดาทิ้งบิดากับพวกเขาอีกเลย
ตาทึ่มเข้าไปกอดลูก สองคน ส่วนลูกชายยืนมองบิดาปลอบน้อง ๆ แววตาเจ็บปวดของสองพ่อลูกที่ส่งมาให้กัน ทำน้ำตาฉันไหลออกโดยไม่รู้ตัวตัว…
“เอ๊ะ…นี่เช้าแล้วหรือ” นางรู้ตัวพร้อมกับปาดน้ำตาออก นาฬิกาบนหัวเตียงบอกว่า07.00น. แล้ว
“วันนี้สินะ ที่ท่านตาบอกวิญญาณเราจะออกจากร่าง…ดีเหมือนกัน…ฉันทนดูเด็ก ๆและตาทึ่มถูกหลอกซ้ำซากไม่ได้แล้ว” นวลพรรณพึมพาคนเดียว แววตาเจ็บปวดของสองพ่อลูกกับน้ำตาของเด็ก ๆ ยังคงติดตาเธออยู่
“ฉันไปก่อนนะป้าสมร…กาแฟป้ายังอร่อยเหมือนเดิม” หลังจากที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จ เธอสะพายกระเป๋าใบเล็กกับโทรศัพท์ 1 เครื่องพร้อมกุญแจรถยนต์เดินลงบันได บ้านหลังใหญ่เหมือนไม่มีคนอยู่ เพราะโซฟา โทรทัศน์จอใหญ่ หรือของตั้งโชว์ต่าง ๆ ที่เคยมี ตอนนี้ว่างเปล่า ทุกอย่างดูโล่งตาโล่งใจ……