EP 13

1097 คำ
กระนั้น เขาก็ใช่ว่าจะรู้เรื่องราวของผู้คนในบริษัทได้มากมายนัก เพราะงานล้นหัว เลยต้องมีทั้งเลขา ทั้งผู้ช่วยเลขา และเนติ ผู้เป็นเสมือนมือขวาคอยช่วย คอยเป็นหูเป็นตาให้อีกแรง บางครั้งน้องสาวทั้งสองที่ทำงานอยู่คนละฝ่าย มาบอกข่าวความเคลื่อนไหวให้รู้ก็มี ส่วนน้องชายนั้น รับผิดชอบด้านกฎหมายทั้งในบริษัทและรับงานนอก เลยไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่ “วันนี้มีอะไรบ้าง จากทั้งสองคน” แม้ตาจะจ้องเอกสาร ที่ต้องอ่านก่อนจรดปลายปากกาลงลายมือชื่อต่อจากพ่อ แต่หูของเขาก็มีความสามารถพิเศษ แยกฟังรายงานด้วยปากเปล่าของเลขากับผู้ช่วยได้ “คุณเนก่อนแล้วกันค่ะ เดี๋ยวอรจะออกไปเอาชามาให้คุณเกียร์รอนะคะ” “มีอะไรบ้างว่ามาเลยเน” “ผมทำรีพอร์ต[1]ทริปยุโรปเสร็จแล้วครับ ถ้าคุณเกียร์อ่านแล้ว ผมจะเดินหน้าติดต่อกลับไปหาแต่ละคน ได้เรื่องยังไงจะทำรีพอร์ตมาให้ดูอีกครั้งนะครับ....” รายงานเรื่องนั้นเรื่องนี้จากผู้ช่วยยาวเป็นหางว่าว “เสร็จรีพอร์ตแล้ว เนเตรียมไปดูออฟฟิศที่พม่าให้ทีนะ บ่ายๆ จะประชุมเรื่องพิจารณาคนไปประจำที่นั่น วันก่อนผมคุยกับพี่ชาติไว้แล้ว ว่าจะเป็นใคร วันนี้เอาเข้าที่ประชุมใหญ่ฟังความเห็นของคนอื่นอีกรอบ...” ส่วนเขาก็มอบงานให้ยาวยืดกลับไปเช่นกัน จากนั้นก็เป็นคิวของเลขาใหญ่ ที่ช่วยเขาได้มากและมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนงานเล็กๆ น้อยๆ ของเขาไม่ให้สะดุด “คุณเกียร์ให้อรเตือนว่า อาทิตย์นี้จะนัดคุณนิรดาไปทานข้าว ไม่ทราบจะให้จัดตารางลงวันไหนคะ” เจ้านายหนุ่มหยุดมือที่เซ็นเอกสารไว้ชั่วครู่ แล้วมีภาพของสาวสวยหุ่นนางแบบ ลูกสาวผู้กำกับแล่นเข้ามาในหัว คะแนนในรายชื่อสาวๆ ของเขานั้น คนนี้อยู่ในระดับกลางๆ แต่เขาก็ยังไม่อยากทิ้ง เพราะชอบใจในอัธยาศัยไม่น้อย “อืม! เย็นวันพุธ หรือไม่ก็วันเสาร์เบื้องต้นก่อนครับ คุณอรเตือนให้ผมโทรไปนัดตอนบ่ายนี้ก็แล้วกันนะครับ” “ค่ะ แล้วก็มี...” เลขาทำให้งานของเขาประดังเข้ามามากมายในเช้าวันจันทร์ หลังจากไม่ได้เข้าออฟฟิศนานร่วมสองอาทิตย์ กับการตระเวนไปเยี่ยมลูกค้าในยุโรปมา จนแทบไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว ให้ได้คิดอะไรหรือคิดถึงใครเลยด้วยซ้ำ   ผิดกับพนักงานระดับล่างคนละเรื่อง เพราะไม่ว่าจะทำอะไรหรืออยู่ตรงไหน ก็มักจะมีใบหน้าและท่าทางของผู้บริหารหนุ่มเข้ามาอยู่ในความคิดและจิตใจเสมอ เจ้าของใบหน้าขาวสวยใสยิ้มน้อยๆ เมื่อแหงนมองภาพของเขาจากชาร์ตองค์กร ก่อนจะล็อกประตูออฟฟิศ แล้วเดินออกไปในเวลาบ่ายสอง ส่วนคนอื่นกลับไปตั้งแต่เที่ยงครึ่งแล้ว เพราะวันเสาร์ หญิงสาวจะถูกยัดเยียดคิวไปกินข้าวตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง กลับเข้าออฟฟิศตอนเที่ยงครึ่ง เพื่อให้รุ่นพี่ทั้งสามที่เตรียมกระเป๋ารออยู่แล้ว พอเข้ามาเพียงก้าวเดียว ต่างก็พากันรีบออกไปทันที ไม่สนใจแม้แต่จะสำรวจตรวจตรา โต๊ะทำงานของตัวเองด้วยซ้ำ แต่มัทรีไม่อยากสนใจ แค่เพียงจัดโต๊ะของตัวเองให้เรียบร้อยไว้ก็เป็นพอ วันนี้นัดกับสองเพื่อนไว้ ว่าจะไปเดินซื้อของจตุจักรก่อนกลับบ้าน เพราะบ่ายวันเสาร์ ถือเป็นวันทำงานกับเที่ยวในคราวเดียวกัน วันอาทิตย์เลยไม่ค่อยออกไปไหน จะใช้เวลาอยู่กับยายและทำความสะอาดบ้านยกใหญ่ เล่นกับเจ้าหลงเจ้าลอยบ้าง บ่ายคล้อยก็พักผ่อน เพื่อเก็บแรงไว้สู้กับงานในอาทิตย์ต่อไป “มาเร็วๆ มัท ทำอะไรอยู่ยะ พวกฉันรอตั้งนานแล้วนะ” นิยา เพื่อนในแผนกบัญชี กับรสรินทร์ฝ่ายประชาสัมพันธ์กวักมือเรียกอยู่ตรงหน้าลิฟต์ “รอป้าทำความสะอาดอยู่ แกคุยไปทำงานไป กว่าจะเสร็จตั้งนาน ฉันต้องช่วยเลยล่ะ” มัทรีปรับทุกข์น้อยๆ ขณะก้าวเข้าไปในลิฟต์ ที่ไม่มีคนแย่งเหมือนเวลาอื่น “ฉันอยากเมาส์เรื่องคุณนายชีเน่[2]ให้ฟังจะแย่แล้วล่ะแก...” จากนั้นสองสาวต่างก็เมาส์เรื่องเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ ที่เอาเปรียบรุ่นน้องให้ฟัง มีบางครั้งที่มัทรีเผลอบ่นคนในออฟฟิศของตัวเองออกไป แต่ก็พยายามพูดตามความจริง ไม่ใส่สีตีไข่ให้เป็นที่สนุกปากจนเกินเหตุ เพราะยายสอนมาตั้งแต่เด็ก และแม้จะพากันอยู่บนรถไฟฟ้าแล้ว แต่เพื่อนก็ยังไม่หยุดคุย จนต้องสะกิดแขนไว้ เมื่อผู้คนต่างมองมา เพื่อนถึงได้รู้ตัวแล้วยอมยืนนิ่งๆ แต่พอออกจากรถได้ ก็เริ่มคุยใหม่ มัทรีเลยได้แต่ยิ้ม เพราะเข้าใจเพื่อน ว่าถูกกดดันต่างๆ นานามา ย่อมอยากระบายออกบ้าง ตัวเองที่ว่าอดทนเป็นเลิศ เก็บความรู้สึกได้ดีเยี่ยม ยังเผลอบ่นเลย แต่เพื่อนเป็นคนตรงกันข้าม ก็ย่อมมีอะไรให้ระเบิดออกมาเป็นธรรมดา “โอเค! เจอกันวันจันทร์นะเพื่อนๆ” สี่โมงเย็นเป็นเวลาต้องแยกย้ายกันตรงมุมถนน เพราะต่างคนก็ต่างต้องกลับบ้าน มัทรีหิ้วถุงข้าวของหลายใบ เดินไปหาสถานีรถไฟฟ้าซึ่งอยู่ไกลพอสมควร ‘โคร๊ม!!! เอ๋งๆๆๆ’ ระหว่างผ่านสี่แยกไฟแดง ก็ได้ยินเสียงรถชนอะไรสักอย่าง หันไปมองก็เห็นสุนัขพันทาง นอนทุรนทุรายอยู่ข้างบาทวิถีอีกฟากของถนน มีเลือดไหลลงพื้น มัทรีไม่อาจจะเดินหนีไปได้ เลยยืนรอดู ว่าเจ้าของรถที่ชนจะลงมาให้ความช่วยเหลือบ้างไหม แต่ปรากฏว่าขับหนีหน้าตาเฉย รถคันอื่นๆ เมตตาหมาเคราะห์ร้าย ด้วยการขับอ้อมตัวมันไป ผู้คนแถวนั้นเพียงแค่ยืนมองมันกำลังทุรนทุรายเพราะความเจ็บปวดอยู่ ความที่เป็นคนจิตใจอ่อนโยน รักและสงสารสุนัขเคราะห์ร้าย ทำให้มัทรีตัดสินใจวางถุงข้าวของลงตรงริมบาทวิถี แล้วข้ามถนนไปอีกฟาก อุ้มสุนัขสีหม่นๆ เนื้อตัวสกปรกๆ มีเลือดไหลออกจากขา กับกระดูกโผล่ออกมาให้เห็น [1] Report = รายงาน [2] ศัพท์สแลงของวัยรุ่นหรือผู้คนบางกลุ่ม หมายถึง คนที่หน้าขาววอกใสสวยจนเกินเหตุเพราะการโบ๊ะแป้ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม