แรงบันดาลใจในการเขียนเรื่อง ‘ดวงใจจักรภัทร’ ขึ้นมานั้นมีอยู่ว่า กันเกราชอบดูหนังเรื่อง ซิลเดอเรลล่ามาก จนสงสัยต่อไปว่า ถ้าเราจะต้องเขียนแนวนี้จริงๆ จะให้ออกมาในรูปแบบไหน พระเอกอยากให้เป็นคนแบบไหน นิสัยอย่างไร นางเอกจะต้องสวยแค่ไหน มีคุณสมบัติอย่างไรถึงจะดึงใจพระเอกให้มารักได้
โดยได้ตั้งเงื่อนไขให้ตัวเองเอาไว้ว่า เนื้อเรื่องจะต้องใกล้เคียงกับความเป็นไปได้ในโลกแห่งความจริงมากที่สุด เพราะในชีวิตจริง การที่ชายหนุ่มหน้าตาดี ฐานะร่ำรวย ครอบครัวสมบูรณ์แบบอย่างจักรภัทรผู้เป็นพระเอกของเรื่องจะเลือกคู่ชีวิตทั้งทีนั้น คงไม่มองที่ความสวยงามของผู้หญิงเพียงอย่างเดียวแน่ อีกทั้งผู้หญิงสวยๆ ทุกวันนี้มีให้เห็นเกลื่อนเมือง
และบางครั้งความสวยก็ไม่ใช่บันไดแห่งความสำเร็จทุกขั้นของผู้หญิงเสมอไป แต่จะต้องมีอย่างอื่นประกอบกันด้วย ถึงจะดึงให้ก้าวขึ้นไปพบกับความสำเร็จในชีวิต นั่นคือการได้ผู้ชายดีๆ มาเป็นคู่ครอง มาเป็นผู้นำชีวิต มาเป็นผู้นำครอบครัวและกว่าที่มัทรี ซึ่งเป็นนางเอกในเรื่อง และเป็นตัวแทนของสาวสวยในสังคมปัจจุบันจะเดินทางมาถึงจุดนี้ได้นั้น จะต้องพบเจออะไรมาบ้าง จะต้องสูญเสียอะไรมาบ้าง
..................................................................................
“ไม่ต้องกลัวนะครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ”
และด้วยสัญชาตญาณ สองวงแขนของเขา ก็รับเอาร่างเล็กๆ มากอดแนบอกไว้เช่นกัน ตอนแรกนั้นเพราะความอยากปกป้องเพศที่อ่อนแอกว่า และกำลังต้องการที่พึ่งพิง ต่อมานั้นมีความต้องการด้านจิตใจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ก็ใครจะไปอดรนทนไหว ในเมื่อมีสาวสวยมาให้กอดขนาดนี้ สองวงแขนของเขาเลยกระชับเอาไว้แนบแน่น
เสียงฟ้าร้อง บวกกับสายฟ้าแลบแปลบปลาบ จนเกิดแสงสว่างว้าบเป็นครั้งคราวนั้น ทำให้เขาเห็นเจ้าของใบหน้าสวย ที่ดูเหมือนจะตกอกตกใจไม่หายได้ชัดเจน สองแขนเล็กเรียวที่โอบกอดเขาอยู่นั้น ก็กระตุ้นให้หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นได้ไม่ยาก กลิ่นกายหอมๆ บวกกับกลิ่นแชมพูอ่อนๆ จากเรือนผมยาวสลวย ก็ช่วยให้เขาไม่อาจจะผละหนีไปไหนได้
ปลายคางมนของคนตกใจ เลยถูกเขาเชยขึ้นช้าๆ สายฟ้าแลบแต่ละครั้ง ทำให้เขาได้เห็นใบหน้าสวยใสได้ไม่ยาก รวมทั้งริมกระจับงาม ที่เขาทนฝืนใจไม่ให้ก้มลงไปหาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่กี่วินาที เขาก็ได้ลิ้มลอง และเจ้าของก็ไม่มีท่าทีขัดขืนใดๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นฝ่ายเชื้อเชิญด้วย เป็นเขาเองที่โน้มใบหน้าลงไปหา ด้วยยากจะหักห้ามใจ