CHAPTER 03
ใช่เขามันเลว
เขามันเป็นคนชั่ว
เขามันเป็นผู้ชายอันตราย
ผู้ชายที่อยู่ต่อหน้าแสนดีแต่ลับหลังแสนเลว
คำจำกัดความของคำว่าเลวใช้กับผู้ชายคนนี้ไม่หมดหรอกและก็ไม่มีอะไรกำจัดความร้ายความเลวได้ในเมื่อเขามันยิ่งกว่านั้น ลมหายใจอุ่นเคลื่อนปัดเข้าใบหูของฉันในตอนที่ผู้ชายคนนั้นพูดออกมาด้วยความเบาระดับหนึ่งทว่าฉันกลับได้ยินเสียงชัดเจน
หัวใจเต้นตึกตักสั่นรัวทั้งที่ประโยคนั้นผ่านไปได้สักพักแล้วกิริยาตอบกลับของฉันคือการนิ่ง ยืนนิ่งไม่ขยับถึงแม้จะแม้อ้อมแขนใหญ่รัดตัว จะว่าไปตอนนี้เหมือนกับตัวเองเป็นเหยื่อที่โดนงูตัวใหญ่รัดตรึงอย่าว่าแต่หาทางออกเลยการหายใจก็ยังลำบากมากกว่าเดิมเสียอีก
“ตอบมาหนีทำไม”
“หนีคนเลว”
คราวนี้ฉันพูดออกมาแกมการด่าเขาไปด้วย ถ้าอยากรู้นักฉันก็จะบอกสาดใส่ใบหน้าของเขาหวังว่าทุกอย่างจะจบลงไม่มีอะไรอีกทว่าทุกอย่างไม่เป็นเช่นนั้นเมื่ออ้อมแขนใหญ่ออกแรงกอดรัดเพิ่มมากกว่าเดิมอีกทั้งใบหน้าของเขาก้มลงมาซุกซอกคอ
“คนเลวงั้นเหรอ”
“จะทำอะไร ปล่อยหนู!”
เพราะเหตุการณ์ซ้ำกับเมื่อหลายปีที่แล้วการดิ้นพร้อมทั้งฉุดยื้อเกิดขึ้นในเมื่อเขาไม่ยอมพยายามใช้กำลังกับฉันฉันก็ไม่หยุดนิ่งดีดดิ้นเอาตัวรอด
ไม่เด็ดขาด
มันจะต้องไม่ซ้ำรอย
แต่สุดท้ายเขาก็เหวี่ยงร่างกายฉันลงเตียงก่อนเข้ามาคร่อมตรึงแขนระนาบไปกับใบหน้าจึงสามารถเห็นใบหน้าหล่อของเขาชัดเจนใกล้จนลมหายใจเป่ารดกัน เส้นผมสีม่วงเด่นโยกย้ายไปมาในยามที่คนด้านบนเคลื่อนตัวลงเข้ามาจรดริมฝีปากลงประทับกับปากของฉัน
ยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อฉันหลีกเลี่ยงสัมผัสโดยการหันใบหน้าไปทางซ้ายทีขวาที่สุดท้ายมือใหญ่ก็สอดเข้าไปท้ายทอยบังคับให้หยุดรับสัมผัสของเขา
สัมผัสที่ครั้งหนึ่งเคยมี
สัมผัสที่ไม่เคยจางหายไปตามเวลา
สัมผัสที่ครั้งหนึ่งเหตุการณ์คล้ายกัน
และสุดท้ายคนด้านบนก็ทำให้ฉันเปิดริมฝีปากยอมรับให้ลิ้นรุกล้ำเข้ามา
และพอเวลาเนิ่นนานเขาก็ผละออกพร้อมใช้สายตาจ้องมองลงมาดูฉันนิ่งอีกทั้งสองมือก็ปล่อยการจับกุมเรียบร้อยเหลือแค่การคร่อมบนตัว
“อย่าบอกว่าเลวอีก”
“...”
“ขืนพูดขึ้นได้ยินมันจะไม่จบแค่นี้แน่”
“จะทำอะไร จะทำเลวระยำแบบนั้นกับหนูอีกงั้นเหรอ รู้มั้ยว่าคุณทำลายทุกอย่างของหนูไปหมดทำลายมันทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่อนาคต”
น้ำตาคลอเบ้าต่อหน้าผู้ชายคนนี้แต่ฉันไม่สนใจอีกแล้ว ไม่สนใจว่าตัวเองจะน่าสมเพชมากแค่ไหนในสายตาของเขาแม้จะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีก็ตาม ฉันก็อยากมีอนาคตอยากมีช่วงเวลาเหมือนกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันแต่พอเรื่องราวเกิดขึ้นต้องกระโดดข้ามช่วงระผิดชอบอะไรที่หนักหนาคิดหรือว่าจะไม่อ่อนแอ
“...”
“ออกไปจากตัวหนู ออกไปจากชีวิตหนูเลย!”
พอฉันตะคอกตวาดสาดใส่หน้ามือใหญ่ก็กระชากชุดทำงานออกจนมันฉีกขาดเผยร่างกายต่อหน้าผู้ชายใจร้ายคนนี้อีกครั้งหนึ่งแล้ว
เผียะ!
รู้ว่าตัวเองทำอะไร
รู้ว่าตัวเองเลือดร้อนขนาดไหน
ไม่ต่างจากผู้ชายตรงหน้าและก็ไม่สนแล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นในเมื่อทำขนาดนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้รับความเกรงใจจากฉันเหมือนกัน แรงมาก็แรงกลับฉันไม่ใช่คนอ่อนโยนไม่สู้คนถ้าไม่มีอะไรมาต่อรองทำแรงมาแบบไหนก็จะแรงกลับไปเช่นกัน
“ได้...”
“...”
“เอาตรงนี้ก็ได้”
เผียะ!
เสียงครางในลำคอบวกกับกับใช้ลิ้นกระทุ้งแก้มตรงที่โดนตบถึงสองครั้งที่เดิมด้วยหลังมือของฉัน แววตารุ่งโรจน์ราวกับสัตว์ป่าคู่นั้นแสดงขึ้นให้เห็นเหมือนกับคืนนั้นต่างกันแค่เพียงตอนนี้เขาทำตอนยังมีสติครบ รู้ตัวเองทุกอย่างว่ากำลังทำอะไรแต่เขาก็ยังเลือกทำ
พอเขากระชากเสื้อออกจากตัวฉันอย่างป่าเถื่อนไม่สนใจความเจ็บหรือเสื้อบาดผิวฉัน เขามันยิ่งกว่าสัตว์อีกไอ้ผู้ชายคนนี้ทว่าจู่ๆ มือใหญ่ก็ชะงัก
นัยน์ตาจดจ้องที่หน้าท้องฉัน
“นี่รอยอะไร รอยอะไรตรงหน้าท้องเธอซาน”
“...”
การเลือกเงียบเป็นคำตอบของฉันอีกเช่นเคย ความรุนแรงที่แสดงออกไปหยุดหมดแม้กระทั่งลมหายใจก็ขาดห้วงไปตามๆ กัน ชนวนเรื่องนี้เกิดขึ้นมาเนิ่นนานแต่ผลมันยังตามมาถึงปัจจุบันทั้งฉันและเขามีเพียงแค่ฉันเท่านั้นที่รู้ในข้อนี้และมันก็จะมีแค่ฉันตลอดไป
ความลับไม่มีในโลก
แต่ถ้ามีแค่ฉันที่เป็นผู้กุมมันก็จะเป็นความลับตลอดไป
“ทำไมยาวเหมือน...”
“...”
ความเงียบเข้ามากัดกินหัวใจ
อีกด้านหนึ่งก็ลุ้นจนตัวโก่งกับประโยคที่พูดเหมือนให้ลุ้น เพราะเขาพูดออกมาไม่จบประโยคแล้วหยุดไปทำให้เกิดความร้อนรนเป็นวัวสันหลังหวะอยู่แบบนี้
“ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นใช่มันในช่วงที่ผ่านมา”
เนิ่นนานเข้าลมหายใจของก็เหมือนถูกตัดออกไปชั่วขณะสมองขาวโพนไปหมดเมื่อได้ยินประโยคด้านบนของเขาดังขึ้นยังไม่พอนัยน์ตาคู่นั้นจ้องมองรอยแผลเป็นตรงหน้าท้องนิ่งราวกับกำลังพยายามคิด
“ผ่าตัด”
การกัดฟันพูดออกมาเล็ดรอดไรฟันทำให้โล่งใจขึ้นมาบ้างถ้าไม่ตอบโต้เลยเดี๋ยวจะดูแปลกไปจากเดิม รอยแผลที่ไม่จางหายใต้สะดือไปอีกคืบกว่านั้นมันไม่ราบไปกับเนื้อผิวยังนูนขึ้นนิดหน่อยทว่าพออยู่บนตัวฉันยิ่งทำให้เห็นชัดกว่ามากเพราะมันตัดกับสีผิวขาวของฉันอย่างสิ้นเชิง
แผลจากการผ่าคลอดสตางค์
ฉันไม่ได้คลอดธรรมชาติเนื่องจากลูกตัวใหญ่
“ผ่าตัดเหรอ?” เรี่ยวแรงของคนด้านบนที่คร่อมตัวฉันอ่อนลงไม่รุนแรงเหมือนกันก่อนหน้า เขาเบาแรงลงไปมากแต่สีหน้าก็ยังดูสงสัย “เป็นอะไรทำไมผ่าตัด”
“...”
ครั้งแรกที่ฉันนึกว่าผู้ชายคนนี้กวน
เขาทำไมขี้สงสัยกับไอ้เรื่องแค่นี้
“ถามว่าเป็นอะไร”
“ผ่าตัดไส้ติ่ง!”
“ไส้ติ่ง?”
ใบหน้านิ่งพยักหน้าทำราวบอกฉันว่าเข้าใจที่บอกไปแล้วแค่นี้อาการหนักอึ้งตรงใจฉันก็ผ่อนคลายออกไปบ้างแต่ที่ยังขยับตัวลุกไม่ได้ก็เพราะเขาคร่อมตัวอยู่
“ใช่”
“เอาตรงๆ เลยนะเธอนึกว่าพี่ฉลาดมั้ยซาน” และแล้วสายตาคนตรงหน้าก็กวาดขยับมองหน้าท้องสลับกับมองหน้าฉันอีกครั้ง “เผื่อเธอจะยังไม่รู้ว่าไส้ติ่งเขาผ่ากันใต้สะดือก็จริงแต่มันเยื้องออกไปข้างขวา ไม่ใช่ตรงใต้สะดือลงไปอย่างไอ้รอยที่มันอยู่ตรงหน้าท้องเธอ เอาความจริงมา...”
เขาหรี่สายตาลงเล็กน้อยสำหรับจ้องจับผิดโดยเฉพาะ
เขาชอบกดดันโดยใช้แววตาน่ากลัว
เขาชอบให้ตัวเองเหนือกว่า
และก็ชอบทำให้ฉันตกเป็นเบื้องล่าง
แล้วมันก็ยิ่งทำให้ฉันซึ่งเป็นผู้หญิงคนหนึ่งรนได้อย่างอัตโนมัติ ความกลัวมันกัดเซาะเกาะกินหัวใจเกินความอดทนไปหมดกระทั่งลมหายใจของฉันเกิดการขาดห้วงราวกับหยุดชะงักไปเมื่อสายตาเขาเคลื่อนไปหยุดลงยังรอยแผลเป็นนั้นอีกรอบ
รอยแผลที่ทั้งฉันและเขามีส่วนร่วมกัน
เพราะค่ำคืนนั้นเลย...
“...”
“เอาความจริงมาซาน”
เพราะโดนกดดันไม่เลิก
เพราะหลีกเลี่ยงหลีกหนีไม่ได้
เพราะจนหนทางฉันจึงถอนหายใจออกมาและจำใจพูดออกไป
“ฉันจะเป็นอะไรมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณนิคะ” หวังว่าจะเป็นทางออกให้กับตัวเองเมื่อการพยายามตั้งสติต่อสู้กับความกลัวด้วยการข่มมันไว้สุดใจก่อนที่จะเอ่ยพูด การทำอารมณ์ให้เยือกเย็นดั่งสายน้ำหวังจะช่วยดับรดความโกรธของเขาเพราะมันเริ่มบานปลายไปกันใหญ่แล้ว “ฉันป่วยไม่แข็งแรงเหมือนใครคนอื่นจะรับการผ่าตัดเพื่อแค่อยากมีชีวิตต่อมันก็ไม่เห็นแปลก”
เห็นไหมความตีเนียนที่ฉันยังดันทุรังคนเดียว
โดยที่อีกฝ่ายมองกลับมาด้วยสายตาไม่เชื่อเช่นเดิม
คำพูดที่ฉันตั้งใจคิดตั้งใจหาคำตอบเพื่อหลีกเลี่ยงกับเป็นเหมือนสิ่งที่ไร้ประโยชน์ไม่เข้าหูของอีกคนแม้แต่คำเดียว เขาไม่คิดใส่ใจด้วยซ้ำ
“เหรอ”
หมดแล้วหนทางที่ในตอนนี้ฉันเอามาแก้ไขปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่เปรียบดังกับฉันกำลังจะจมน้ำรอบตัวไม่มีอะไรสามารถคว้าหรือหามาพยุงเพื่อตัวเองได้เลย นาทีนั้นน้ำก็เพิ่มระดับขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่หยุดยั้งพวกมันกำลังดูดกลืนร่างฉันให้จมลงเหมือนกับเขาในตอนนี้
เขาทำให้ฉันเหมือนตกนรกอีกรอบหนึ่ง
“...”
นรกบนดินตอนแรกนึกว่าสวรรค์ที่ไหนได้พอตกหลุมพรางไปเท่านั้นแหละรสชาติที่ได้ลิ้มลองกับทำให้ฉันดิ้นทุรนทุรายหนีออกมาแทบไม่ได้ ตรรกะบ้าบอกพวกนั้นพอได้ฟังไม่มีใครหยิบยกขึ้นมาบูชาหรอกนอกจากคนไร้ความรู้สึกของความเป็นคนเท่านั้นจะเข้าใจ
“ไม่เกี่ยวจริงๆ สินะ”
“ใช่...”
ฉันยอมรับด้วยคำพูดที่ดังอยู่ในลำคออีกทั้งยังพยายามหลีกเลี่ยงสายตาคู่นั้น ก็เพราะไอ้ดวงตาคู่นี้แหละที่ทำให้ฉันเป็นอย่างทุกวันนี้ วันนั้นถ้าฉันไม่หันหลงไปมอง วันนั้นถ้าฉันไม่ยืนนิ่งแต่ใช้สายตามองกลับและถ้าวันนั้นฉันรับรู้ตื้นลึกหนาบางมากกว่านี้คงไม่เป็นเช่นนี้
“คิดว่าพี่จะเชื่อมั้ย?”
“...”
“คิดว่าพี่ไม่รู้อะไรขนาดนั้นเลย”