“ผมอยากได้แบบหน้าใกล้ๆ กำลังจะจูบกัน แบบใกล้ชิดสุดๆเลย”
ปัณณธี ผู้จัดละครที่มารับหน้าที่แทนพี่สาวร้องสั่งเพื่อนรักของพี่สาวทั้งสองคนที่มารับบทเป็นพระเอกนางเอกของเรื่อง ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเข้าวงการมาพร้อมกันเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว แต่ยังไม่เคยโคจรมาเจอกันแบบจริงๆ จังๆ เสียที ก็คงไม่แปลกที่จะยังมีท่าทีประดักประเดิดต่อกันแบบนี้
แต่ด้วยสปิริตนักแสดงมืออาชีพ หนุ่มสาวที่แทบไม่เป็นตัวของตัวเองในอ้อมกอดของกันและกัน จึงค่อยๆ โน้มหน้าเข้าหากันช้าๆ ก่อนจะหยุดลงเมื่อคิดว่าระยะห่างขนาดนี้กำลังพอดี ซึ่งมันยังไม่เพียงพอสำหรับปัณณธีอยู่ดี
“อีกนิดนะครับพี่พัชร์ พี่พัชร์เอียงหน้าอีกนิด ครับ แบบนั้น ตามองต่ำครับ ส่วนพี่มิตาเผยอปากนิดนึงครับ ดีครับ ตากล้อง เอาเลย”
เสียงชัตเตอร์กดรัวๆ จากทุกทิศทุกทางเพราะต้องการเก็บภาพนี้ไปทำโปรโมตเรียกกระแสละคร ก่อนที่คู่พระนางจะแทบลืมหายใจเมื่อได้รับคำสั่งจากผู้จัดอีกครั้ง
“คราวนี้ผมขอเอาปากแตะกันเลยครับ”
คนตัวบางเกร็งตัวขึ้นทันทีแม้จะยังคงยืนให้เขากอดอยู่ในท่วงท่าเดิม แต่ไม่มีเหตุผลเลยที่เธอจะปฏิเสธคำสั่งของผู้จัดเพื่อความสมบูรณ์แบบของละคร จึงหลับตานิ่งๆ แล้วแต่ผู้ชายคนนั้นจะเป็นฝ่ายกระทำ
ธพัชร์หลุบตามองริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูสดที่เขาคิดถึงจับใจ ความนุ่มนิ่มหอมหวานและสัมผัสอบอุ่นรุ่มร้อนนั้นเขายังจำได้ไม่มีลืมเลือน แม้เขาจะเดินหน้ากับชีวิต มีคู่นอนคู่ควงมากลบทับร่องรอยของเธอบนร่างกายของเขาจนหมดแล้ว แต่ในหัวใจ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำได้เลย
ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงเร็วๆ จากการกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เขาลอบถอนหายใจยาวลดความประหม่าแล้วค่อยๆ โน้มลงไปแตะริมฝีปากนุ่มนิ่มสั่นระริกนั้นอย่างแผ่วเบา
ทันทีที่ริมฝีปากของเขาสัมผัสลงบนความนุ่มนิ่มของเธอ หัวใจของคนทั้งคู่ก็เต้นกระหน่ำแทบทะลุออกมานอกอกจนอีกฝ่ายสัมผัสได้ เลือดในกายไหลวนวิ่งพล่านไปทุกส่วนจนร้อนวูบวาบไปทั้งร่าง
เขาพยายามสะกดจิตตัวเอง ไม่ให้เผลอตัวขยับปากบดเบียดความนุ่มนิ่มนั้นให้สาสมกับความคิดถึง เพราะเจ้าของตัวจริงของเธอนั่งอยู่ตรงนั้น
กว่าที่วันอันหนักหน่วงต่อหัวใจของเธอจะหมดลง เล่นเอาแทบไม่มีแรงยืน มิตากลับคอนโดมิเนียมของตัวเองพร้อมกับคนรักหนุ่มที่นั่งรอเธอทำงานทั้งวันอย่างไม่มีบ่นสักคำ
“ขอผมขึ้นไปที่ห้องมิตาได้ไหมครับ”
แม้จะคบหากันมาถึงสองเดือนแล้ว แต่น้อยครั้งที่เธอจะยินยอมให้เขาขึ้นไปส่งเธอถึงบนห้อง เพราะทุกครั้งที่เขาได้มีโอกาสขึ้นไป เขาจะกอดจูบเธอและมีความต้องการตามประสาชายหนุ่มในแบบที่เธอไม่สามารถให้ได้ จึงตัดปัญหาด้วยการไม่ค่อยยอมให้เขาได้มีโอกาสขึ้นไปบนห้องเธอบ่อยนัก
“เอ่อ คือ..”
เขามองเธอด้วยแววตาผิดหวัง เพราะทุกครั้งที่เธอเอ่ยออกมาแบบนี้ จะตามด้วยคำปฏิเสธและเหตุผลต่างๆ นานา ที่เขาไม่เข้าใจสักนิด แต่จำต้องทำตัวเข้าใจเพราะไม่อยากให้เธอต้องรู้สึกอึดอัดที่ยอมคบกับเขาเป็นแฟน
“ก็ได้ค่ะ แต่ไม่ค้างนะคะ”
“ครับ”
เสียงริมฝีปากบดเบียดผ่านความฉ่ำชื้นของน้ำลายดังอยู่ในห้องรับแขกของคอนโดมิเนียมสุดหรู เอกอนันต์ใช้สิทธิ์คนรักทันทีที่ประตูห้องปิดลงด้วยการกอดจูบคนรักสาวเพื่อลบเลือนสัมผัสของผู้ชายคนนั้น
เสียงหอบหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เธอต้องใช้มือดันอกแกร่งเพื่อพยายามหยุดเขา แล้วเบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากร้อนรุ่มที่พลาดเป้า จึงเปลี่ยนมากดจูบซุกไซ้ที่ซอกคอของเธอแทน
“คุณเอก หยุดค่ะ”
“มิตา ไม่ห้ามผมสักครั้งไม่ได้เหรอ ผมขอนะครับ เราเป็นแฟนกันนะมิตา”
“คุณเป็นแฟนกับมิตา เพราะแค่อยากนอนกับมิตาใช่ไหม”
ประโยคเด็ดที่เธอเอาไว้ใช้หยุดอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านของเขา และมันก็ได้ผลในทุกครั้ง รวมถึงครั้งนี้ด้วย
“มิตา..”
“มิตายังไม่พร้อมค่ะ เราเพิ่งคบกัน”
คนตัวโตถอนหายใจยาวแต่ก็ยอมพยักหน้ารับรู้ในเหตุผลเดิมๆ เขาเข้าใจเธอนะ แม้จะไม่อยากเข้าใจก็ตาม เขารู้สึกว่าเขาชอบเธอมาก จนสามารถเรียกมันว่าความรักได้ เขาอยากอยู่กับเธอไปนานๆ เลยไม่อยากที่จะหักหาญน้ำใจของเธอด้วยการใช้กำลังบังคับให้เธอตกเป็นของเขา ทั้งที่ความจริงมันไม่ได้ยากเลยสักนิด
“ครับ ผมจะรอ”
“ขอบคุณที่คุณเอกเข้าใจมิตานะคะ วันนี้คุณกลับก่อนดีไหมคะ อยู่กับมิตาคุณอาจทรมาน”
ทั้งที่เธอก็รู้ว่าเขาทรมาน แต่เธอก็ไม่เคยยอมใจอ่อน และทั้งที่จริงแล้วเธอเองก็ไม่มีอะไรที่ต้องเสีย เพราะพรหมจรรย์ก็ดันตกไปเป็นของเพื่อนรักเสียแล้ว แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงรู้สึกขยะแขยงเมื่อคิดภาพที่เขาจะขึ้นมาโยกขย่มอยู่บนกายเธอเพื่อลบเลือนร่องรอยของผู้ชายคนนั้น
“ขอผมนอนค้างที่นี่ได้ไหม ผมไม่ทำอะไรมิตาก็ได้ นะครับ”
“เอ่อ อย่าดีกว่าค่ะ พรุ่งนี้มิตาต้องออกไปกองถ่ายตั้งแต่ตีสี่ ตอนนี้ก็เพลียมากแล้วด้วย อยากจะอาบน้ำนอนแล้วค่ะ เอาไว้เป็น..”
“คราวหน้า..ครับ ก็ได้”
คำปฏิเสธประจำที่เขาจำได้จนขึ้นใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงคราวหน้าที่เธอว่าเสียที แล้วคืนนี้ อารมณ์ที่มันกำลังพลุ่งพล่านของเขาก็ต้องมีผู้หญิงชั่วคราวในความลับมาคอยดับให้อีกแล้ว
“พัชร์ มิตา ตั้งใจทำงานนะ เดี๋ยวพี่เสร็จธุระแล้วจะรีบตามไป”
ปิ่นยืนส่งดาราในสังกัดทั้งสองคนอยู่ที่ประตูรถตู้วีไอพีของนางเอกสาวที่มักจะเรียกใช้งานรถตู้พร้อมคนขับก็เฉพาะเวลาต้องยกกองไปถ่ายทำที่ต่างจังหวัดหรือในช่วงที่ทำงานหนักจนแทบไม่ได้พักผ่อนเท่านั้น ซึ่งวันนี้เป็นวันเปิดกล้อง สถานที่ถ่ายทำฉากแรกคือร้านอาหารในสวนชานเมือง และเพื่อความสะดวก ผู้จัดการดาราอย่างเธอจึงจัดแจงให้พระเอกนางเอกเดินทางไปกลับด้วยกันทุกวัน
ปกติถ้าเธอไม่มีงานสำคัญที่ไหน ก็จะสลับคิวตามไปดูแลดาราในสังกัดทั้งสองตลอดเวลา แต่วันนี้เธอกลับมีงานที่สำคัญกว่า เนื่องจากต้องพานางเอกน้องใหม่ที่เพิ่งเซ็นสัญญาเข้ามาในสังกัดของเธอไปแคสละครฟอร์มยักษ์แห่งปี
เมื่อก่อนถ้าเธอมีงานสำคัญกว่าแทรกเข้ามา เธอก็จะปล่อยให้ดาราของตัวเองเดินทางไปกับรถตู้ส่วนตัว หรือบางทีธพัชร์จะชอบขับรถไปกลับเองเพราะรู้สึกมีอิสระมากกว่า ซึ่งเรื่องเล็กแค่นี้ไม่เคยทำให้เธอวุ่นวายเดือดเนื้อร้อนใจเหมือนคราวนี้เลยสักครั้งที่ต้องปล่อยให้คนสองคนที่เคยมีประเด็นร้อนแรงกัน และยังไม่ทันจะสามารถประสานรอยร้าวในความสัมพันธ์กันติดเดินทางไปด้วยกันสองต่อสองแบบนี้
“พี่ปิ่นคะ มิตากับพัชร์โตแล้วนะคะ อยู่ในวงการมาสิบปีแล้ว พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ทำอย่างกับเราสองคนเพิ่งเข้าวงการมาเมื่อวาน”
“เรื่องนั้นพี่ไม่เป็นห่วงหรอก แต่เรื่องเธอสองคน..”
“พี่ปิ่น มิตากับพัชร์ เราเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมค่ะ มีอะไรน่าห่วงที่ไหนกัน แล้วอย่าพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าคุณเอกเด็ดขาด เดี๋ยวคุณเอกจะไม่สบายใจ”
คนตัวโตที่นั่งอยู่ด้านข้างฝั่งติดกระจกรถเหลือบตามองเธอด้วยความไม่พอใจแวบหนึ่ง ก่อนจะเอนเบาะ หยิบหูฟังขึ้นครอบหูแล้วเปิดเพลงเสียงดัง ตั้งใจกลบเสียงหวานๆ ที่เอ่ยถึงผู้ชายคนอื่นหน้าตาเฉย
“พี่ปิ่น รีบไปเถอะครับ ผมจะสายแล้วนะ”
ด้วยความที่เปิดเพลงเสียงดัง ทำให้คนที่นั่งอยู่ด้านในตัวรถเอ่ยเสียงดังกว่าที่ควร และมันดันไปรบกวนโสตประสาทของเพื่อนเคยรักที่ต้องการสมาธิในการนั่งเฉยๆ เพื่อคิดถึงแฟน
“โอ๊ย ไอ้พัชร์ ตะโกนมาได้ หูฉันจะหนวกแล้วนะ”
เธอหันหน้าไปแหวใส่เขาอย่างลืมตัว ก็ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเขายกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง มองเธอด้วยดวงตาคมกริบมีเสน่ห์ชวนใจสั่น แต่เธอกลับรู้สึกว่าเขากำลังตั้งใจกวนประสาทเธออยู่
“อะไร”
เขาแค่นยิ้มแล้วหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ยิ่งกระตุ้นให้เธอหงุดหงิดเป็นเท่าตัว จึงดึงหูฟังของเขาออกแล้วตะโกนเข้าไปในหูของเขาแทน
“ตะโกนมาได้ หูหนวกหรือไง ถึงไม่ได้ยินเสียงตัวเองว่ามันดังขนาดไหน”
“เธอนั่นแหละ ตะโกนมาได้ หูหนวกหรือไงมิตา”
เขาใช้นิ้วปั่นเข้าไปในรูหู ดึงหูฟังออกแล้วปิดเพลง หมดอารมณ์จะฟังอะไรแล้ว เพราะเสียงแหลมๆ ของเธอมันเข้ามากระทบจนประสาทหูของเขาแทบพัง
“พอๆ หยุดทะเลาะกัน”
แม้จะเอ่ยห้าม แต่คนเป็นผู้จัดการส่วนตัวก็สบายใจขึ้นที่เห็นเด็กในสังกัดทั้งสองคนกลับมาพูดคุยด้วยท่าทีไม้เบื่อไม้เมาเหมือนเดิม
“ไปได้แล้วค่ะพี่ปิ่น เราทุกคนกำลังจะสาย แล้วก็ไม่ต้องตามไปนะคะ เสร็จธุระก็กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ พวกเราทำงานกันได้ค่ะ”
“โอเค งั้นพี่ไปก่อนนะ”