ตอนที่ 3 หุบปากให้สนิท

1576 คำ
ประตูรถตู้ปิดลงก่อนจะค่อยๆ ออกตัวไป ดาราสาวจึงขยับตัวลุกขึ้นจะไปนั่งที่เบาะด้านหลัง เหตุที่ไม่ทำแบบนี้ตั้งแต่แรกเพราะกลัวว่าผู้จัดการส่วนตัวจะกังวลจนไม่เป็นอันทำงานในเรื่องปัญหาของเธอกับเขาที่ยังคงรู้สึกประดักประเดิดเล็กน้อยเวลาเจอกันเพราะมันไม่สามารถต่อกันติดแบบเดิมได้ คนตัวโตแค่นยิ้มหยันกับการแสดงของดารามืออาชีพเมื่อครู่ เขารู้ว่าที่เธอแสดงออกมาให้เหมือนว่าเขากับเธอกลับไปเป็นเหมือนเดิมกันแล้ว มันเป็น Acting ล้วนๆ ไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เสียหน่อย “จะไปไหน” เขาดึงข้อมือเธอให้ลงมานั่งที่เดิม แต่รถที่กำลังแซง ส่งผลให้ร่างบางที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เซถลาลงไปนั่งบนตักของเขาอย่างหมดท่า หนุ่มสาวชะงักไปก่อนจะหันมามองหน้ากัน เธอที่ได้สติก่อนพยายามจะลุกขึ้นแต่เขากลับกอดเอวเธอเอาไว้ให้แน่นกว่าเดิม “ปล่อยนะพัชร์” แม้รถตู้หรูหราคันนี้จะถูกต่อเติมโดยการมีผนังกั้นโซนคนขับและโซนโดยสารให้แยกจากกันอย่างสิ้นเชิง มีเพียงหน้าต่างบานเล็กที่ยังปิดสนิทแน่นอยู่ ทำให้เสียงของเธอกับเขาไม่สามารถเล็ดลอดไปในโซนคนขับด้านหน้าได้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงพูดกับเขาด้วยเสียงลอดไรฟันอยู่ดีเพื่อความปลอดภัย “อะไรนะ” แม้จะได้ยิน แต่ก็อยากจะแกล้งเธอให้นั่งอยู่บนตักของเขานานๆ เสียหน่อย กลิ่นกายหอมกรุ่นกับน้ำหอมราคาแพงที่คุ้นเคยของเธอมันทำให้เขาสดชื่นอย่างประหลาด “ฉันบอกให้ปล่อย” เธอเน้นเสียงให้ดังขึ้นอีกนิด แต่เขากลับเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามเธออีกครั้ง คนที่หงุดหงิดเป็นทุนเดิมจึงสงเคราะห์คนหูหนวกให้ด้วยการไปกระซิบเสียงดังที่ริมใบหูขาวสะอาด “ฉันบอกให้ปล่อยไง” แม้เสียงของเธอจะดังจนเขาหูอื้อ แต่กลับลอยหน้าลอยตาล้อเลียนเธอ แล้วกอดเอวบางให้แน่นขึ้นกว่าเดิมอีกต่างหาก “เธอลงมานั่งตักฉันเองนะ” “แกเป็นคนดึงฉันมา” “ก็เธอจะลุกไปไหนล่ะ รถวิ่งแล้ว อยากล้มหน้าแหกหรือไง” “จะแหกไม่แหกก็หน้าฉัน ไม่ต้องมายุ่ง ฉันจะไปนั่งที่เบาะหลัง ปล่อย” “เธอไม่ชอบนั่งข้างหลังเพราะเวียนหัว” “แต่ฉันก็ชอบนั่งริมหน้าต่าง” “นี่ไง ริมหน้าต่างแล้ว นั่งนิ่งๆ” “แกประสาทกลับไปแล้วหรือไง นี่ฉันนั่งตักแกอยู่นะ ถ้าแกจะให้ฉันนั่งริมหน้าต่างตรงนี้ แกก็ขยับไปสิ” “ฉันก็ชอบนั่งริมหน้าต่างเหมือนกันนี่ นั่งด้วยกันแบบนี้ก็สบายดี” “แกสบาย แต่ฉันไม่ แกแข็ง ฉันเจ็บก้น” “หึหึ ฉันยังไม่แข็งเลย แต่ถ้าอยากให้แข็งก็ขยับบ่อยๆ แบบนั้นแหละ” คำพูดสองแง่สองง่ามของเขาทำเอาเธอหยุดชะงัก ที่เธอพูดมันหมายถึงขาของเขาที่ออกกำลังกายจนกล้ามเนื้อขามันแข็ง ไม่ได้นิ่มเหมือนที่เธอนั่งกับเบาะรถตูวีไอพีคันนี้ “ไอ้ลามก ฉันหมายถึงขาแก” “อ้าว ใครจะรู้ล่ะ ก็ไม่พูดให้ครบๆ แล้วที่เธอกำลังนั่งทับอยู่ก็มีลูกชายของฉันด้วย” “ไอ้ทุเรศ ปล่อยฉันลงได้หรือยัง” “ไม่ล่ะ หนาว นั่งแบบนี้ก็อุ่นดี ง่วงใช่ไหม นอนสิ เดี๋ยวถึงจะปลุก” เขากดศีรษะทุยให้ลงมาซบอก แล้วบังคับขืนใจเธอให้นั่งอยู่แบบนั้น แม้จะดิ้นรนแค่ไหนก็ไม่อาจสู้แรงเขาได้ ครั้นจะร้องตะโกนให้คนขับรถช่วยก็ใช่ที่ ไม่รู้จะได้ยินไหม หรือต่อให้ได้ยิน ถ้าเขาต้องมาเห็นฉากเด็ดระหว่างเธอกับพระเอกหนุ่มผู้เป็นเพื่อนรักอยู่กลุ่มเดียวกันมาสิบกว่าปีในสภาพคิดดีไม่ได้เลยแบบนี้ คงจะอับอายขายขี้หน้า เผลอๆ ได้จะเป็นข่าวใหญ่ “พัชร์ แกปล่อยฉันนะ” คนตัวบางดิ้นรนจะลงจากตัก ไม่รู้ว่าเขาเป็นบ้าอะไรถึงได้ล่วงเกินถึงเนื้อถึงตัวกับเธออีกแล้ว ไหนว่าจะกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมไง ตอนเป็นเพื่อนกันคราวนั้นก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้ “เราเคยทำมามากกว่านี้ตั้งเยอะ แค่นี้ทำเป็นสะดีดสะดิ้ง” ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตอบโต้อะไรกลับไปให้เจ็บแสบที่บังอาจมาลวนลามคนอย่างเธอ โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือก็สั่นเตือนสายเรียกเข้าเสียก่อน “คุณเอก..” ชื่อที่โชว์หราอยู่หน้าจอทำเอาเธอหลุดเสียงพึมพำออกมา ยังไม่กล้ากดรับสายเพราะร่างกายเธอยังโดนเพื่อนผู้เอาแต่ใจพันธนาการไว้ด้วยอ้อมแขนของเขา “ผัวใหม่โทรมา รับสิ..” เสียงทุ้มดังขึ้นชิดใบหู แม้มันจะฟังดูราบเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงขนลุกซู่ไปหมด “ฉันไม่เคยมีผัวเก่า คุณเอกจะเป็นผัวใหม่ได้ยังไง” มิตาหันขวับมองเขาด้วยความไม่พอใจ ปกติก็ชอบปากเสียใส่เธออยู่แล้ว ยิ่งมีเรื่องราวผิดพลาดของเธอกับเขาเกิดขึ้นมา คำพูดคำจายิ่งไม่น่าฟัง “แล้วฉันล่ะ” “แกชักจะพูดไม่รู้เรื่องอีกแล้วนะ ไหนว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกแล้วไง” “ฉันเคยพูดแบบนั้นด้วยเหรอ” “ก็แกบอกเองว่าจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับฉันอีก จะให้เรื่องนั้นมันจบไปไง” “แล้วฉันไปรื้อฟื้นเรื่องของเราตอนไหน” เขายื่นหน้าเข้าหาแล้วกระซิบถามเสียงแหบพร่า ราวกับจงใจปั่นประสาทเธอ แต่เธอกลับสั่นสะท้านไปทั้งร่างเมื่อได้ยินโทนเสียงแบบนั้นของเขาที่เมื่อสองเดือนก่อนคอยกระซิบชื่นชมเธอไม่ขาดปากในตอนที่เขาตักตวงความหวานจากร่างกายของเธอ ภาพความวาบหวามระหว่างคนทั้งคู่หลั่งไหลเข้ามาในสมองไม่ขาดสาย ความทรงจำแสนเร่าร้อนผุดขึ้นเป็นฉากๆ ใบหน้าสาวเห่อร้อนแดงเรื่อทันตา ดีที่ในตอนนี้ยังไม่สว่าง จึงไม่มีแสงจากภายนอกเล็ดลอดเข้ามาให้เธอได้อาย “ก็แกดึงฉันลงมานั่งทับแกนี่ไง” กว่าที่เธอจะพยายามควบคุมความประหม่าได้ก็นานพอควร “ก็ฉันหนาว” “แต่แกใส่เสื้อแขนยาวและมีผ้าห่ม ฉันไม่ได้ใส่ ยังไม่หนาวเลย” เขาก้มมองหน้าอกตัวเองที่มีผ้าห่มผืนเล็กคลุมทับเอาไว้ จึงดึงมันออกมากางห่มคลุมทั้งเธอและเขา ก่อนจะเอนเบาะลงอีกนิดแล้วกอดเธอแน่นๆ ไม่ยอมปล่อยให้ลุกไปไหน “ฉันบอกว่าไม่หนาวไง ปล่อยสิ ฉันจะรับสายผัวฉัน” “หึ ฉันไม่ให้รับแล้ว อีกอย่างฉันว่าเธอหนาวนะมิตา แขนเธอขนลุก ตอนที่ฉันกระซิบที่หูเธอเมื่อกี้” “ไอ้บ้า” เธอทุบอกเขาดังอึก โทษฐานที่ล้อเลียนทำให้เธอได้อายและฉวยโอกาสกับร่างกายของเธอ..ที่ไม่มีวันเป็นของเขา “ฉันเจ็บนะมิตา” “เจ็บก็ปล่อยสิ ฉันนั่งไม่ถนัด” ในที่สุด ดาราหนุ่มก็ยกมือขึ้นทั้งสองข้างเป็นเชิงยอมแพ้ ก่อนจะจับคนตัวบางลงนั่งแทนที่ตัวเองในฝั่งชิดกระจก ตั้งใจกักขังไม่ให้เธอขยับไปนั่งที่เบาะด้านหลัง โทรศัพท์มือถือยังคงสั่นเตือนต่อไปเรื่อยๆ แม้คนปลายสายจะรอจนกว่าสัญญาณจะตัดไป แล้วโทรกลับมาใหม่อีกหลายครั้ง แต่เจ้าของเครื่องก็ยังไม่ยอมรับสายเสียที ท่าทีลังเลของเธอทำให้เขาเดาออกว่าเธอคงยังไม่ได้บอกผู้ชายคนนั้นว่าต้องเดินทางมาพร้อมเขา “ก็รับสิ หรือเพราะมีฉันนั่งอยู่ตรงนี้ เธอเลยไม่กล้ารับสาย มีชนักติดหลังหรือไง ผู้ชายคนนั้นรู้ใช่ไหมว่าเราเคยมีอะไรกัน” “หุบปากของแกให้สนิท แล้วก็นั่งไปเงียบๆ ไม่งั้นฉันเอาแกตายแน่ไอ้พัชร์” “หึ” “สวัสดีค่ะ คุณเอก” “มิตา ถึงไหนแล้วครับ หลับเหรอ ไม่ยอมรับสายผมเลย ผมเป็นห่วง” คนที่ไม่เคยตื่นเวลานี้ ยอมตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อโทรมาส่งเธอขึ้นรถด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกผิดที่ทนต่อความต้องการตามธรรมชาติของร่างกายไม่ไหว จึงแอบนอนกับผู้หญิงคนอื่นเพราะเธอไม่ยอมใจอ่อนให้เขาเสียที เสียงทุ้มดังเล็ดลอดออกมาให้คนที่นั่งอยู่ด้านข้างได้ยินอย่างชัดเจน แต่ก็ต้องทำทีไม่สนใจ เอนเบาะลงต่ำแล้วหลับตาลงแต่กลับแอบเงี่ยหูฟังเธอคุยกับผู้ชายที่เธอเลือก กรามแกร่งขบกันแน่นเมื่ออดีตเพื่อนรักที่เคยร่วมหลับนอนพูดจาออดอ้อนเสียงหวาน ทั้งที่พยายามทำใจมาสองเดือนแล้วว่าเขากับเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน และคิดว่าตัวเองก็ทำได้ดีในระดับหนึ่ง แม้จะแอบคิดถึงเธอก่อนนอนทุกคืนก็ตาม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม