ชวินทร์มองตามรถยุโรปแล่นสวนเลนส์ตัวเองทว่าไม่ได้ให้ความสนใจ ขับรถมุ่งหน้าเข้ามาในอาณาเขตบ้านชนานนท์ ก่อนลงจากรถมือบอบบางของคนรักเอื้อมมาจับไว้ราวกับอยากพูดอะไรสักอย่าง “มีอะไรหรือเปล่าข้าวหอม”
“ข้าวหอม… อยากขอร้องคุณวินให้ทำตัวปกติตอนอยู่ต่อหน้าทุกคนได้ไหมคะ มันเร็วเกินไปข้าวหอมตั้งตัวไม่ทัน”
“ได้สิ ไว้รอข้าวหอมพร้อมวันไหนเราค่อยเข้าไปกราบคุณพ่อคุณแม่พร้อมกันเนอะ” ลูบศีรษะบอบบางเอ็นดูหล่อนเช่นเคย
“ขอบคุณค่ะ น่ารักที่สุดเลย”
“น่ารักก็ต้องให้รางวัล”
ชายหนุ่มยักคิ้วกวนๆ จิ้มนิ้วชี้ตรงริมฝีปากทว่าแฟนหมาดๆ กลับอมยิ้มส่ายหน้าท่าเดียวเขาก็เลยต้องเปลี่ยนจากปากเป็นแก้มถึงได้รับรางวัล “จุ๊บเหมือนแมวดม มันต้องอย่างนี้สิ” ฉวยโอกาสจุ๊บริมฝีปากสีหวานด้วยความรวดเร็ว
“คุณวิน!”
ฐานิดายกมือขึ้นตีหัวไหล่คนเจ้าเล่ห์แทบไม่ทัน คนบ้า มือไวปากไวที่สุด ทำทีเป็นงอนใส่ลงจากรถยนต์เดินเข้าบ้านแบบไม่รอก็พบคุณลุงคุณป้านั่งเงียบกลางห้องโถงสีหน้ามีความวิตกกังวล ทว่าเพียงหล่อนปรากฏตัวท่านทั้งสองก็รีบปรับสีหน้า
“สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า”
“กลับช้าจังเลยลูก กินอะไรมาหรือยังจ๊ะ”
“ข้าวหอมเรียบร้อยแล้วค่ะเผอิญเจอคุณวินก็เลยกลับมาพร้อมกัน แล้วคุณลุงคุณป้าล่ะคะ” หล่อนนั่งลงข้างคุณขวัญชีวา
“ลุงกับป้าเรียบร้อยเหมือนกันจ้ะ เมื่อตอนหัวค่ำมีแขกมาเยี่ยมก็เลยกินกันก่อนไม่ได้อยู่รอ” ท่านยกมือขึ้นจับปลายคางสวยขึ้นพินิจดวงหน้างดงาม สวยหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้าเหมาะสมกับชวินทร์สุดๆ แล้ว เห็นทีท่านต้องพยายามจับคู่ให้สองคนได้แต่งงานกันโดยเร็วก่อนทุกอย่างจะสายเกินไปจนเกิดเรื่องราวไม่ดีขึ้น การมาของแขกคนนั้นเหนือความคาดหมายมาก
“ข้าวหอมกับคุณวินช่วยกันเลือกขนมอร่อยๆ มาฝากคุณลุงคุณป้าด้วยนะคะ รับรองไม่เลี่ยนและห่างไกลเบาหวานค่ะ” หล่อนเอาใจคุณธีรันที่เป็นโรคเบาหวาน
ท่านหัวเราะขบขันเอื้อมมือมาลูบศีรษะบอบบาง “ไปไหนมาไหนก็คิดถึงลุงกับป้ามีของมาฝากตลอด ขอบใจมากนะหนูข้าวหอม” รอยยิ้มของท่านอ่อนโยนจริงใจทว่าเศร้าชอบกล
“ขนมอร่อยๆ มาแล้วครับ” ชวินทร์เดินเข้ามาพร้อมของพะรุงพะรังวางมันลงบนโต๊ะปล่อยให้สาวใช้เอาไปเก็บในห้องครัว
“วันนี้พาน้องไปเที่ยวไหนมาบ้างทำไมกลับบ้านค่ำๆ มืดๆ ใครมาเห็นเข้าน้องจะเสียหายรู้หรือเปล่า” คุณธีรันถามรัว
“แหม ก็แค่ดูหนังกับแวะซื้อของนิดๆ หน่อยๆ เองครับ เราบังเอิญเจอกันที่สยาม ใช่ไหม?” ยักคิ้วขึ้นลงถามแบบกวนๆ
“ไม่ต้องมามโนแถวนี้ แม่รู้หรอกว่าลูกแอบตามน้องไป”
คุณขวัญชีวาเถียงแทนว่าที่ลูกสะใภ้ก่อนจะออกปากไล่ “พาน้องไปพักผ่อน พ่อกับแม่อยู่รอตาธันหนูเอ๋ยอีกนิดก็จะไปพักบ้าง”
“รู้ทันลูกชายดีจังเลยนะครับคุณนายแม่”
“แน่นอนอยู่แล้วฉันซะอย่าง”
“เราขึ้นห้องกันเถอะข้าวหอม พี่เมื่อยตัวจะแย่แล้ว” มืออบอุ่นจับข้อมือเล็กฉุดให้เดินตามตนเองออกมา ไม่สนใจฟังคำด่าของคุณนายแม่เหตุเพราะท่านรับไม่ได้กับคำว่า ‘ขึ้นห้อง’
คล้อยหลังทั้งสองคนสองสามีภรรยาก็หันมองหน้ากันแววตาเศร้าสร้อยเช่นเดิม คุณขวัญชีวาเคยเข้มแข็งมาตลอดกลับอ่อนแอลง สามีต้องปลอบใจ “อย่ากังวลเลยนะขวัญพี่เชื่อว่าลูกๆ ของเราเก่งพอจะประคองตัวเองได้ ถ้าไม่ขัดคอเขาเราก็ต้องตกเป็นเบี้ยล่าง”
“ไม่นะคะ ขวัญไม่อยากรู้สึกแย่เหมือนตอนนั้น แต่ถ้าเราปฏิเสธก็เท่ากับว่าประกาศตัวเป็นศัตรูกับเขานะคะคุณ”
“พี่ว่าเราอยู่นิ่งๆ รอดูสถานการณ์ไปก่อนดีกว่านะ เราจะต้องผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกันให้ได้”
“ค่ะ เราจะผ่านเวลานี้ไปด้วยกันให้ได้”
ถึงแม้น้ำเสียงจะแผ่วเบาแต่คุณขวัญชีวาก็พยายามเข้มแข็งไม่นึกถึงเรื่องราวในอดีต อดีต... ที่แสนปวดร้าว
..............
ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ ^//^