ก๊อก ก๊อก!
หลังมือบอบบางยกขึ้นเคาะประตูก่อนผลักเข้าไป
ในห้องนอนผ้าม่านทุกผืนถูกรูดปิดหมดทำให้ในห้องแสงน้อยมาก ฐานิดาเลื่อนมือคลำหาหลอดไฟกดเปิดให้สว่าง เดินเข้าไปหาปลุกเขาขึ้นมากินยา “คุณวินคะ ข้าวหอมเอายามาให้ค่ะ”
ปลุกอีกสองสามครั้งเขาก็ลืมตาขึ้นมามอง “นึกว่านางฟ้าที่ไหนมาหาที่แท้ก็แฟนของพี่นี่เอง มาเป็นหมอนข้างให้กอดหน่อยเร็ว”
“ไม่ค่ะเดี๋ยวข้าวหอมติดไข้จากคุณวิน ลุกขึ้นมากินยาก่อนนะคะเดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงทำงาน” ประคองแผ่นหลังกำลังให้ลุกขึ้น ป้อนยาให้แล้วส่งแก้วน้ำให้เขาดื่มไล่เม็ดยาแสนขมลงลำคอ
ชวินทร์ทอดสายตามองคนรักตลอดเวลาดีใจที่มีหล่อนคอยดูแล “เสียใจจังที่มีไข้น้อยๆ ไม่อย่างนั้นพี่จูบให้รางวัลไปแล้ว”
แววตาคนตัวเล็กระยิบระยับยามแยกแย้มเรียวปากหัวเราะแผ่วเบา “คุณวินหมดสิทธิ์เพราะมีไข้แต่ข้าวหอม... ไม่มี”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นไม่เข้าใจว่าฐานิดาตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่ งงอยู่ชั่วอึดใจเท่านั้นหล่อนก็ทำตัวน่ารักจูบแก้มสากฟอดใหญ่
“หายไวๆ นะคะ” นางฟ้าตัวน้อยขยิบตาให้ทีหนึ่งก่อนจะก้าวลงจากเตียงโดยไม่ยอมละสายตาไปเลยสักเสี้ยววินาที
หัวใจคนป่วยตกลงไปอยู่บนตาตุ่มใจเต้นแรงคลั่งรักแทบบ้า ทำไมฐานิดาถึงชอบทำตัวน่ารักจังเลยนะ เขามองตามแผ่นหลังกระทั่งร่างบางเดินลับหายออกไปภายในห้องมืดมิดดังเดิม ก้อนเนื้อใต้อกซ้ายกระสับกระส่ายเต้นรุนแรงแทบนับจังหวะไม่ได้ ยกมือขึ้นมาสัมผัสก็แล้วแต่ความตื่นเต้นก็ยังไม่เลือนหายไป เกิดมาโชคดีอะไรขนาดนี้นะนายวิน แอบรักสาวน้อยมาซะนานคอยปิดปากเงียบไม่กล้าบอกความในใจเพราะกลัวแห้วแต่ที่ไหนได้สาวเจ้าก็แอบมีใจให้เหมือนกัน ถือเป็นคราวซวยผู้ชายคนอื่นแล้วที่บนโลกนี้ผู้หญิงโสดน่ารักๆ ลดหายไปแล้วหนึ่งคนกลายมาเป็นคนรักของเขาเต็มตัว
หนุ่มหล่อหลับตานอนด้วยรอยยิ้มนึกย้อนอดีตไปเมื่อเก้าปีก่อนที่บังเอิญเจอฐานิดาครั้งแรก ตอนนั้นหล่อนยังเด็กมากแต่ความน่ารักเริ่มฉายแวว เขาเอ็นดูหล่อนถึงขั้นต้องกลั้นใจคบกับไอ้เวรข้าวโอ๊ตพี่ชายของหล่อน มันเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่โคตรจะกวนโคตรจะเสี่ยวแต่เพราะน้องสาวมันน่ารักก็เลยต้องทำใจยอมรับนิสัยมัน
ครอบครัวของฐิติวัฒน์มีเพียงฐานิดาคนเดียวเท่านั้น ไม่มีบิดามารดาฉะนั้นมันจึงค่อนข้างหวงน้องสาวมากแถมยังรู้ทันอีกว่าเขาชอบแอบมองฐานิดาบ่อยๆ เวลาไปเล่นเกมที่บ้านมัน แบบนี้หรือเปล่านะที่เขาว่ากันไว้ว่าคนที่อยู่ใกล้กันนิสัยมักจะคล้ายกัน น้องโตมาถึงได้ขยันรู้ทันเขาหมดทุกซอกทุกมุมไม่มีละเว้น นึกย้อนไปแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มบนเตียงกว้างมีความสุขอยู่คนเดียว
เจ้าของร่างบอบบางเลือกสวมเสื้อว่ายน้ำรัดกุมปกปิดรอยแดงจากการแพ้โลหะส่วนท่อนล่างเป็นบิกินี หลังตัดสายจากปริวัตรก็วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ก้าวลงสระน้ำแหวกว่ายไปทิศทางเดียวกับคุณขวัญชีวาอดีตแอร์โฮสเตสสายการบินตะวันออกกลางเลื่องชื่อผ่านมาหลายสิบปีท่านก็ยังสวยไม่สร่าง
“คุณป้าขา ข้าวหอมอยากเป็นแอร์เหมือนคุณป้าบ้างจังเลยค่ะ” เงินเดือนเยอะแถมยังได้ท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยไม่ต้องรบกวนเงินในกระเป๋าของคุณวิน นี่แหละความฝันของหล่อน
“ป้าแนะนำให้ได้จ้ะถ้าข้าวหอมสนใจจริงๆ แต่ข้าวหอมต้องปรึกษาพี่วินก่อนนะลูกเดี๋ยวได้ทะเลาะกันบ้านแตก”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำอย่างว่าง่ายก่อนแหวกว่ายกลางสระงดงามปานนางเหงือกตัวน้อย ผู้มาใหม่แอบถ่ายรูปไม่ยอมหยุดมือ
“ว่าแต่เมื่อกี้ใครโทรมาเหรอ”
“พี่หมอปุ๊ค่ะ” ยกมือขึ้นลูบน้ำออกจากใบหน้าเนียนใส “โทรมาบอกว่ามีธุระจะเข้ามากรุงเทพแล้วอยากนัดเจอข้าวหอม”
“ชวนพี่เขามากินข้าวบ้านเราด้วยนะลูก”
“ได้ค่ะคุณป้า ถ้าพี่หมอปุ๊มีเวลาว่างข้าวหอมจะลองชวนดูนะคะ” ฐานิดาตอบรับด้วยรอยยิ้มแหวกว่ายสนุกสนานพักใหญ่กว่าจะสังเกตว่าคุณป้าขึ้นจากสระว่ายน้ำไปแล้วและบนขอบสระมีชายหนุ่มหน้าตาดีกำลังนอนเอนกายมองมายังตน นัยน์ตาคู่สวยหลบวูบแสร้งมองไปทางอื่นซ่อนพวงแก้มสีแดง
แช่ในน้ำจนตัวเกือบเปื่อยเขาก็ยังไม่ยอมเดินหนีไปทางไหนสักทีจึงต้องจำใจขึ้นจากสระในชุดว่ายน้ำ พึมพำขอบคุณรับผ้าเช็ดตัวที่ถูกนำมาปกคลุมกายบอบบางของตนเอง
มือใหญ่วางทาบบนเส้นผมเปียกโยกคลอนเบาๆ “เล่นน้ำนานแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก ไปอาบน้ำแต่งตัวนะเดี๋ยวพี่จะสั่งพิซซ่ามากินกันก่อนกลับบ้านของเรา” กล่าวจบก็ใช้มือรุนหลังหล่อน
หญิงสาวไม่ยอมเดินไปแต่โดยดีรีบหันหน้ากลับมาชูสองนิ้วกระดิกดุ๊กดิ๊ก “ขอสองถาดใหญ่ๆ เลยนะคะ”
“แถมสปาเก็ตตี้ให้อีกสองเลย” เพิ่มโปรโมชั่นอย่างมีความสุข แม่คนตัวเล็กตาพราวอยากกินเต็มแก่รีบวิ่งเข้าบ้านในทันที
ชวินทร์สั่งมาชุดใหญ่เผื่อครอบครัวของธนาตย์ด้วยเมื่อทางนั้นกลับมาจากโรงพยาบาลก็มาล้อมวงกันกินพิซซ่า หนูน้อยกลัวจะอดกินก็เลยแสร้งทำตัวร่าเริงสุดท้ายได้ของรางวัลเป็นพิซซ่าหนึ่งชิ้นกับสปาเก็ตตี้หนึ่งจาน หัวเราะอิ๊กๆ ชอบใจใหญ่ลืมไข้ในชั่วพริบตา
“น้องเกวสัญญากับอาข้าวหอมแล้วนะว่าหลังกินอิ่มแล้วต้องกินยาแสนอร่อยของคุณหมอ อย่าลืมนะคะ”
“ค่า น้องเกวไม่ลืม ยาหว๊านหวานน้องเกวชอบ”
“น่ารักที่สุดเลยน้องเกวของอา”
“น้องเกวน่ารัก อิอิ”
ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนระเบิดเสียงหัวเราะ เอ็นดูระคนมันเขี้ยวหนูน้อยที่นั่งอยู่บนโต๊ะข้างถาดพิซซ่า ก่อนออกจากบ้านยังงอแงเกาะติดณิชาภัทรอยู่เลยพอเห็นของกินเข้าหน่อยก็หายป่วยเร็วเชียว
ณิชาภัทรยิ้มจนตาหยีใช้ส้อมตักกินสปาเก็ตตี้ในจานเดียวกับลูกสาวช่วยกินเนื่องจากรู้ว่ายังไงลูกก็กินไม่หมด และในช่วงเย็นวันอาทิตย์สองครอบครัวก็แยกย้ายกันกลับบ้านของตัวเอง
บ้านธนาตย์อบอุ่นแล้วมีกันพ่อแม่ลูกพร้อมหน้าพร้อมตาต่างจากบ้านของชวินทร์ที่การทดลองใช้ชีวิตคู่ร่วมกับฐานิดากำลังจะเริ่มขึ้น!