บทที่ 9

1308 คำ
“แล้วนั่นมึงจะไปไหนวะ” “ว่าจะตามไปดูสักหน่อย” ลับหลังที่ญาติกาไปเพียงไม่นาน คนที่บอกว่าจะไม่สนใจอย่างสิงห์คบก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว “เป็นห่วงรึไง ปล่อยๆ ไอ้หญ้ามันไปเถอะ คงแค่อยากไปเดินเที่ยว ดูข้าวของแบบผู้หญิงๆ ในเมืองบ้างละมั้ง” “กูไม่ได้ห่วง แค่กลัวจะไปทำคนอื่นเขาเดือดร้อน” พอสิงห์คบไปอีกคน รัฐศาสตร์จึงหันมาพูดกับภรรยา “ไอ้นี่มันปากแข็งนะว่าน” “ก็เหมือนคนแถวนี้แหละค่ะ” “อ้าว ทำไมงานเข้าคุณหนึ่งเฉยเลยล่ะจ๊ะเมียจ๋า หลายปีมานี้ผัวยังทำตัวไม่ดีพอเหรอ น่าน้อยใจจัง” “ว่านพูดแค่ไม่กี่คำเองค่ะ ไม่ต้องสะเทือนใจขนาดนั้นก็ได้มั้ง” แล้วเธอก็โดนรวบตัวไปกอดไว้ตามระเบียบเรียบร้อยโรงเรียนรัฐศาสตร์ “ก็เพราะรู้ดีว่าตอนนั้นคุณหนึ่งทำว่านเจ็บไว้แค่ไหน จนเกือบจะเสียว่านไปแล้วด้วยซ้ำ ตอนนี้คุณหนึ่งเลยไม่อยากให้ไอ้สิงห์มันเจริญรอยตาม อยากให้มันมีความสุขสักที” “แต่เรื่องของหัวใจบังคับกันไม่ได้นะคะ” มีกังวานรู้ดีว่ารัฐศาสตร์หมายมั่นปั้นมือให้คนที่เปรียบเสมือนน้องทั้งสองคนอย่างสิงห์คบและญาติกาได้ลงเอยกัน “แล้วว่านว่าหัวใจของไอ้สิงห์มันอยู่ที่ใครล่ะ” “ว่านจะรู้ได้ยังไงล่ะคะ คุณหนึ่งบอกว่านหน่อยสิ” “บอกดีมั้ยนะ คืนนี้ว่านต้องมีรางวัลให้คุณหนึ่งด้วย ขอแบบเด็ดๆ นะครับ ธรรมดาคุณหนึ่งไม่เอา” “อย่าลีลาสิคะ บอกว่านมาเร็ว” รัฐศาสตร์โน้มตัวลงมาหอมแก้มเมียสาวฟอดใหญ่ “สองเท้าของเราก้าวไปที่ไหน หัวใจของเราก็อยู่ที่นั่นแหละครับ...” ส่วนอีกคนที่กำลังรีบเร่งไปที่รถโฟร์วีลสีดำเงาของตัวเอง พอถึงแล้วก็แทบจะสบถออกมาดังๆ เมื่อรถที่ตั้งใจจะขับตามไปหายวับไปพร้อมกับยายตัวแสบแล้ว ‘ลืมไปเลยว่าเขาให้กุญแจสำรองกับญาติกาไว้ เผื่อเธอจะใช้รถ’ “รออยู่ตรงนี้แหละ” เธอพยักหน้าให้ชายร่างบึกคนหนึ่ง พอเขาออกไปแล้วจึงได้โอกาสสำรวจห้องนี้ที่มีไฟดวงเทียนสีเหลืองนวลห้อยอยู่ดวงเดียว ก็ไม่ได้ถือว่ามืดหรือสว่างนัก ห้องเล็กแคบขนาดที่ใช้นอนได้อย่างเดียวแต่ก็ไม่มีแม้เตียงหรือเฟอร์นิเจอร์สักชิ้น ยกเว้นเก้าอี้ตัวที่เธอนั่งอยู่กับพัดลมตัวเล็กอีกหนึ่งตัวเท่านั้น เสียงประตูถูกเปิดออกจนดังเอี๊ยดอ๊าดอีกครั้ง แล้วต่อมาก็ได้ปรากฏหญิงสาวคนหนึ่งต่อสายตาเธอ “เด็กใหม่ของเจ๊เหรอหนู” สวย... ญาติกานิยามลักษณะของหญิงผู้นี้ได้เหมาะที่สุดเท่านั้น ขนาดเป็นผู้หญิงด้วยกันเธอยังแทบละสายตาไปจากเจ้าหล่อนไม่ได้เลย ผิวสีขาวเหลืองเข้ากับสีไฟดูนวลเนียนเหมือนไม่รู้จักคำว่ารูขุมขน ตา คอ คิ้วคาง รับกันได้เหมาะเจาะไปเสียทุกอย่าง ทรวดทรงองค์เอวยิ่งไม่ต้องพูดถึง ก่อนหน้านี้เธออาจทะนงตัวว่าตนเองสวยงามและดูดีเกินกว่าที่สิงห์คบจะปฏิเสธหรือใจแข็งได้นาน แต่พอเจอผู้หญิงคนนี้เข้าแล้วจริงๆ บอกได้คำเดียวเลยว่าเธอสมควรถอดใจซะ “ถามทำไมไม่ตอบล่ะจ๊ะ หรือว่ากลัวพี่” “เปล่าค่ะ เอ่อ... พี่เนื้อนวลใช่มั้ยคะ” “หือ รู้จักชื่อพี่ด้วย อย่างนั้นเรียกพี่นวลเฉยๆ ก็ได้ค่ะ” “หญ้า เอ๊ย ! ฟ้าได้ยินเจ๊เรียกชื่อพี่น่ะค่ะ” “เหรอจ๊ะ มาๆ เดี๋ยวพี่จะค่อยๆ สอนให้รับแขกนะ” เอาเข้าจริงพี่เนื้อนวลก็ไม่ได้สอนถึงวิธีการรับแขกเป็นขั้นเป็นตอนอย่างที่เธอนึกกลัวหรอก แต่เน้นไปทางกล่อมให้เธอทำใจ ยอมรับชะตากรรม และมีความสุขกับชีวิต ไม่ทดท้อหรือดูถูกตัวเองมากกว่า ซึ่งหากไม่ใช้อคติในการมอง ทัศนคติของพี่เนื้อนวลดีมากๆ และใช้ได้จริงด้วย หากวันหนึ่งหญิงสาวผู้นี้จะลงเอยกับนายสิงห์จริงๆ ก็คงไม่แปลก เพราะเธอรู้จักสิงห์คบมานาน ถ้ารักใครแล้วคนอย่างนายไม่ถือสาหรือยึดติดกับเรื่องอดีตหรอก ต่อให้พี่เนื้อนวลจะทำอาชีพไหนมาก่อนก็ตาม “เดี๋ยวค่ะพี่นวล อย่าเพิ่งไปได้มั้ยคะ” เธอพยายามจะหาช่องแทรกเพื่อถามสิ่งที่อยากรู้ แต่ก็เพิ่งจะได้มีโอกาสตอนนี้ “กลัวเหรอ ? ไม่ต้องกลัวหรอกเดี๋ยวฟ้าก็จะชินในสักวัน พอได้เงินมาแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเชื่อพี่” “ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะพี่นวล คือ...” “ไม่ต้องปฏิเสธหรอกจ้ะ ครั้งแรกใครๆ ก็ต้องกลัวกันเป็นธรรมดา เดี๋ยวพี่ต้องไปรับแขกก่อนนะ อืดอาดยืดยาดเดี๋ยวเจ๊จะบ่นเอา” “พี่นวลเป็นคนรักของนายสิงห์คบเหรอคะ” ญาติกาโพล่งออกไปแล้วก่อนที่พี่สาวจะออกไปจากห้อง เพื่อเธอจะได้ไขข้อข้องใจสักที “ว่ายังไงนะ ? นี่ฟ้ารู้จักสิงห์ด้วยเหรอ” “พี่นวลช่วยตอบคำถามฟ้าก่อนนะคะ” “จะให้พี่พูดยังไงดีล่ะ เอาเป็นว่าพี่บอกกลางๆ แล้วกันนะเพราะมันไม่ใช่เรื่องของพี่คนเดียว แต่ยังเป็นเรื่องของสิงห์เขาด้วย คือ...” “เสร็จหรือยังนวล นังหนูนี่มันเรียกแขกจริงๆ มาไม่ทันไรก็มีคนขอซื้อตัวในราคาพิเศษซะแล้ว” อีกนิดเดียวญาติกาก็จะได้ฟังทุกความสัมพันธ์ของ เนื้อนวลและสิงห์คบแล้วเชียว ถ้าไม่ถูกเจ๊เจ้าของร้านเข้ามาขัดจังหวะซะก่อน “แต่ฟ้ามันยังใหม่อยู่เลยนะเจ๊” “ทีแรกเจ๊ก็ตั้งใจจะให้มันคุ้นเคยกับที่นี่ เสิร์ฟเหล้าเสิร์ฟน้ำต้อนรับแขกไปก่อน ทำใจสักวันสองวันค่อยขึ้นห้องรับแขก แต่แขกประจำเขารีเควส เจ๊ก็ไม่อยากเสียรายได้ ยังไงนังหนูมันก็ต้องรับแขกอยู่วันยังค่ำอยู่แล้ว ก็เริ่มทำงานซะวันนี้เลย จะได้ได้ตังค์เร็วๆ” “ไม่ใช่นะคะเจ๊ หนูไม่ไปนะ” ญาติกาถอยร่นหนีไปมุมห้องแต่ก็ถูกคุกคามด้วยชายร่างใหญ่สองคนเหมือนเคย “เอ้า จะมาสะดีดสะดิ้งอะไรตอนนี้ฮึนังหนู ก็ไหนตอนแม่เอ็งเอามาฝากยังรับปากดิบดีว่าจะตั้งใจทำงาน” “ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะเจ๊ แต่หนูไม่ใช่เด็กที่ชื่อฟ้านะคะ” หนทางรอดตอนนี้คือพูดความจริงจะดีที่สุด “จะเล่นตุกติกอะไรกับเจ๊ฮึนังหนู” “อย่ามัวเสียเวลาเลยเจ๊ เดี๋ยวพวกผมลากนังนี่ไปที่ห้องวีไอพีเลยก็สิ้นเรื่อง แรกๆ ก็อิดออดเรื่องมากอัปค่าตัวแบบนี้แหละ เจอมาจนชิน” “ปล่อยนะโว้ย !” พอถูกลากญาติกาก็ก้มลงไปกัดท่อนแขนของคนที่จับเธอไว้ข้างไหนสักข้าง พอเป็นอิสระก็อาศัยจังหวะนั้นกระโดดถีบขาคู่เต็มแรง คิดว่ายังไงก็ต้องหาช่องวิ่งหนีออกไปได้ไม่ยาก แต่... “ฤทธิ์มากนักเหรอวะ !” อาจเพราะบอดี้การ์ดของเจ๊แกตัวใหญ่และแข็งแรงมาก แรงจากการกระโดดถีบของเธอจึงแทบไม่สะเทือนเขาเลย และเป็นเธอเองที่เซล้มจนถูกจับได้อีกครั้ง แล้วก็กำลังจะถูกตบจนหน้าหันจากมือใหญ่เท่าใบลานที่เงื้อสูงอยู่และห่างจากหน้าเธอไม่ถึงหนึ่งไม้บรรทัด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม