หมอสมุนไพร
ณ บ้านไม้ผสมอิฐหลังเล็กริมลำธาร ที่นี่รายล้อมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ ซึ่งถูกโอบล้อมด้วยเชิงผาสูงปิดเขตแดนแคว้นต้าหยางและตงซานให้แยกจากกัน
ที่นี่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสมุนไพรนานาพันธุ์ ทั้งที่โตขึ้นเองตามธรรมชาติ และถูกนำมาปลูกไว้โดยหญิงสาวนามว่า "มู่หลิน" นางเป็นชาวบ้านเขตชายแดนตงซาน-ต้าหยาง ที่ประกอบอาชีพเก็บสมุนไพรขาย สมุนไพรหายาก ที่ราคาสูง สมุนไพรตามฤดูกาล บางสายพันธุ์เก็บกลับมาปลูกไว้รอบบ้าน หากปลูกแล้วรอดก็จะเอามาขยายพันธุ์ไว้ใกล้ๆ บ้าน จะได้เก็บง่ายขึ้น แต่บางสายพันธุ์ก็มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ในการปลูก ทำให้ต้องยอมลำบากเดินทางเข้าไปเก็บ
อาชีพเก็บสมุนไพร เป็นอาชีพที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ จนมาถึงรุ่นหลาน ก่อนหน้านี้มู่หลินอาศัยอยู่กับพี่ชายสองคน หลังจากที่บิดาและมารดาของนางพลัดตกจากหน้าผาและหายสาบสูญไป
สองพี่น้องยังคงไม่ละความพยายามที่จะตามหาคนทั้งสอง ตราบใดที่ยังไม่เห็นซากศพก็ยังมีความหวังว่าพวกเขาอาจจะยังมีชีวิตอยู่ แต่เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ พี่ชายของนางก็พลาดท่าพลัดตกลงไปที่จุดเดียวกัน มู่หลินในเวลานั้นคิดอยากจะกระโดดตามลงไปมาก แต่เพราะนางมองเห็นนิมิตภาพของบิดามารดา ยืนอยู่ที่กลางอากาศเหนือเมฆที่ลอยตัวปกคลุมทัศนียภาพเบื้องล่างของผา พวกเขาทั้งสองวอนขอให้นางมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อสืบทอดอาชีพเก็บสมุนไพรต่อไป ทำให้มู่หลินยอมมีชีวิตอยู่ต่อจนถึงวันนี้ แม้จะต้องอยู่อย่างโดดเดียวมาโดยตลอดก็ตาม
ภายในห้องขนาดเล็ก มีร่างกายกำยำของชายหนุ่มซึ่งบนเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล แม้จะมีผ้าพันปิดจนแทบจะทั่วแล้ว แต่เลือดก็ยังไหลซึมออกมาจนย้อมให้สีของผ้าเป็นสีชาดคล้ำ
มือเรียวกำสากไม้บดยาสมุนไพรที่เพิ่งเก็บมาจากหน้าบ้าน เพื่อเตรียมผสมน้ำให้คนเจ็บฟื้นขึ้นมาดื่มรักษาตัว
"อึก..." เสียงจากร่างของคนหมดสติ ทำให้มือที่วุ่นอยู่กับการบดยาพลันชะงัก นางค่อยๆ ขยับตัวแล้วหันมองดูเขา ดวงตาที่บวมปูดค่อยๆ เปิดขึ้น เขาพยายามจะขยับร่างกาย แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะยังไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ
"ไม่ต้องลุกขึ้นมาหรอก เจ้ายังเจ็บสาหัสอยู่ นอนพักไปก่อน เดี๋ยวข้าป้อนยาให้" มู่หลินว่าพลางลุกขึ้นไปหยิบถ้วยสำหรับละลายยา ดวงตาพร่ามองดูร่างบางของหญิงสาวแปลกหน้าเดินหายไปสักพัก ก่อนจะกลับมาพร้อมกับถ้วย นางย่อตัวลงนั่งแล้วตักเอาสมุนไพรในถ้วยบดขึ้นมาละลายน้ำ แล้วจึงหันมาหาเขา
"เจ้าจะทำอะไรอึก..." แม้จะไม่มีเรี่ยวแรง แต่เจินฮุ่ยหมิงก็รวบรวมกำลัง ยกมือขึ้นปัดถ้วยยาของมู่หลินเสียจนถ้วยกระเด็นจากมือของนาง หมอสมุนไพรสาวถอนหายใจอย่างเหลืออด คนอุตส่าห์หวังดีแท้ๆ ยังจะมาแสดงกิริยาเช่นนี้อีก
"เจ้าคิดว่าข้าเสียเวลาบดยานั่นนานเท่าใด หากรู้ว่าบดมาเพื่อให้เจ้าปัดทิ้งเช่นนี้ ข้าจะเอาเวลาไปทำอย่างอื่นเสียยังดีกว่า" คนพูดหยัดตัวลุกขึ้นก่อนจะเดินไปเก็บถ้วยยา ที่กระเด็นขึ้นมาถือ แล้วมองดูคนเจ็บเพื่อชั่งใจว่าจะปล่อยให้เขาตายไปเสีย หรือพยายามรักษาเขาต่อไปดี
"ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นทหารจากแคว้นต้าหยาง ที่อกซ้ายของเสื้อเกราะที่เจ้าสวมมีตราสัญลักษณ์พระอาทิตย์ชัดเจน แต่ที่ข้าช่วยเหลือเจ้าก็เพราะข้าเป็นหมอ" หญิงสาวพยายามอธิบาย แต่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะตั้งแง่ไม่ยอมไว้ใจนางง่ายๆ แม้จะถูกนางช่วยชีวิตเอาไว้ก็ตาม
มู่หลินรู้เพียงว่าเขาเป็นทหาร เพราะคาดเดาเอาจากชุดเกราะที่เขาสวม โดยไม่ได้รู้เลยแม้แต่น้อยว่ายศของเขานั้น เป็นถึงแม่ทัพหลวงของแคว้นต้าหยาง บุคคลที่ฮ่องเต้ตงซานต้องการตัวมากที่สุดคนหนึ่ง
แต่ถึงรู้นางก็จะยังช่วยเขาอยู่ดี เพราะถูกสอนมาตั้งแต่จำความได้ ว่าหน้าที่ของหมอ คือรักษาคนที่เจ็บไข้ ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม
"เจ้าช่วยข้าเพราะหวังสิ่งตอบแทนใช่หรือไม่ ฮ่องเต้แคว้นตงซานคงจะตั้งค่าหัวข้าแล้วล่ะสิ เช่นนั้นเจ้าก็อย่าเสียเวลารักษาข้าเลย จับข้าส่งให้คนของตงซานทั้งที่ข้ายังเจ็บอยู่แบบนี้เถิด" หญิงสาวมองดูบุรุษร่างกำยำที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยผ้าที่พันซับเลือดจากบาดแผลของเขา
ท่าทางขึงขังแต่ไร้เรี่ยวแรงของอีกฝ่าย ทำให้มู่หลินยืนกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้อย่างสุดความสามารถ แต่เพียงสายตาคมของคนถูกหัวเราะเยาะจ้องมองเงยขึ้นมาอย่างเอาเรื่อง นางก็รีบบังคับตัวเองให้หยุดทันที แม้เขาจะยังอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่าบาดเจ็บหนักอย่างสาหัส
แต่ร่างกายของบุรุษผู้นี้ ก็ดูจะแข็งแรงมาก ขนาดตกจากหน้าผาสูง ลอยตามน้ำมาตั้งไกลเขาก็ยังไม่ตาย เกิดเขาโกรธจัดขึ้นมา อาจจะรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายแล้วลุกขึ้นมาบีบคอหรือทำร้ายนางเอาได้
"หากข้าจะส่งเจ้าให้ฮ่องเต้ จะเอามารักษาทำไม เรียกทหารมาลากเจ้าไปทั้งๆ ที่ยังบาดเจ็บอยู่ไม่ดีกว่าหรือ ลดโอกาสที่เจ้าจะต่อสู้ไปได้ตั้งเยอะ" มู่หลินเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินไปหยิบเอาสมุนไพรส่วนที่ยังไม่ได้ใช้ ขึ้นมาใส่ถ้วยบดเพื่อจะทำยาให้หนุ่มนักรบอีกครั้ง
"เช่นนั้น... เจ้าก็คงหวังจะให้ข้าพากลับไปที่ต้าหยาง พร้อมกับรับเจ้าเป็นภรรยาน่ะสิ" ขณะที่มู่หลินกำลังบดยาอยู่สักพัก อยู่ๆ เจินฮุ่ยหมิงก็พูดขึ้นมาอย่างนั้น เรื่องของหนิงเซียงยังคงฝังใจเขาไม่ลืมเลือน แต่มือเรียวที่กำลังบดสมุนไพร เมื่อได้ฟังดังนั้นก็ชะงักลงทันที
"หากเจ้าคิดเช่นนั้น ข้าจะปล่อยให้เจ้าตายไปเสีย!!!" นางโกรธเสียยิ่งกว่าตอนที่เขากล่าวหาว่า นางจะจับเขาส่งให้ฮ่องเต้ตงซานเพื่อเอาค่าหัวเสียอีก
ถ้วยบดสมุนไพรถูกวางทิ้งไว้ที่พื้น หญิงสาวเจ้าของบ้านทิ้งคนเจ็บให้นอนมองถ้วยสมุนไพรพร้อมกับความทรมาน ก็เขาอยากมาพูดจาเหยียดหยามกันแบบนั้นได้อย่างไร คนอย่างมู่หลินน่ะหรือ ที่คิดจะช่วยชีวิตบุรุษ เพื่อหวังจะออกเรือนกับเขา
หมอสมุนไพรสาว ออกมานั่งถอนหญ้าในแปลงสมุนไพรหน้าบ้าน จนอารมณ์เริ่มสงบลงแล้ว นางก็เดินกลับไปดูทหารหนุ่มที่บาดเจ็บอีกครั้ง แม้จะอยากปล่อยให้เขาตายไปเพียงใด แต่สัญชาตญาณความเป็นหมอในตัวนาง ก็ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น
ยาที่นางบดมาจากนอกบ้าน ถูกเทใส่ถ้วยผสมอีกครั้ง สายตาคมมองดูชายผู้บาดเจ็บที่กำลังหลับใหลด้วยความเอือมระอา มู่หลินได้แต่หวังว่าเขาจะไม่ฟื้นขึ้นมาในจังหวะที่นาง กำลังแอบกรอกยาให้เขาหรอก มิเช่นนั้นก็จะวุ่นวายอีก
เท้าเล็กค่อยๆ ย่องเบาเข้าไปที่ข้างตัวของชายผู้บาดเจ็บ ก่อนจะค่อยๆ ทิ้งตัวลงนั่ง มือเรียวเอื้อมไปจับประคองแก้มของเขาเพื่อเปิดปากให้กว้าง พอที่จะกรอกยาสมุนไพรเข้าไป
"อึก!"
เพียงแค่ยาไหลไปสัมผัสกับประสาทรับรส ความขมก็กระจายไปทั่วทั้งปากของเจินฮุ่ยหมิง เขาเบิกตากว้าง พยายามจะคายความขมออกจากปาก แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะมีมือของหมอสมุนไพรสาวปิดเอาไว้แน่น
"กลืนลงไปให้หมด!!!" เห็นท่าไม่ดีมู่หลินจึงได้ออกคำสั่ง เจินฮุ่ยหมิงเองก็ไม่มีทางเลือก หากไม่กลืนก็ต้องอมเอาไว้อย่างนี้ จึงต้องจำใจกลืนก้อนความขมลงคอไปเสีย
"ยาอะไร ขมแทบจะขาดใจตาย" เจินฮุ่ยหมิงโวยขึ้นทันทีเมื่อมือของมู่หลิน ปล่อยออกจากปากของเขา
"ยาที่ไหนหวานกันล่ะ ตกลงมาจากผาตั้งสูงเจ้ายังไม่ตายเลย กินยาแค่นี้บอกจะตาย ไม่สมกับเป็นทหารเลยสักนิด" หญิงสาวว่าพลางลุกขึ้นเดินเอาถ้วยยาไปเก็บ ก่อนจะกลับมาจัดการกับกองสมุนไพรป่าที่เพิ่งจะเก็บมาได้ เพื่อเตรียมไว้ให้กับทหารที่จะเข้ามารับกลับไปส่งที่วังหลวงเป็นประจำ
"เจ้าอยู่คนเดียวหรือ" เจินฮุ่ยหมิงที่นอนมองดูหญิงสาว เด็ดสมุนไพรอยู่นานเอ่ยถามขึ้น
"เจ้าเห็นคนอื่นนอกจากข้าอีกไหมล่ะ ถ้าไม่เห็นก็แปลว่าข้าอยู่คนเดียว" หญิงสาวพูดตอบ มือของนางก็ยังคงสาละวนอยู่ที่การเด็ดสมุนไพร เพราะนางต้องจัดเตรียมไว้ให้หทาร ที่จะเข้ามาเอาสมุนไพรในวันพรุ่งนี้ให้ทัน
"เป็นสตรี อายุก็ดูจะยังน้อย เจ้าจะอยู่คนเดียวได้อย่างไร" เจินฮุ่ยหมิงพูดตามที่ตามองเห็น เขาไม่เชื่อว่าหมอสมุนไพรสาวผู้นี้จะอยู่เพียงลำพัง
อีกทั้งเรื่องของหนิงเซียงในอดีตก็ยังฝังใจแม่ทัพหนุ่มผู้นี้อยู่ เหตุการณ์ในครั้งนี้ช่างเหมือนคราวที่เคยถูกอดีตคนรักช่วยเหลือเอาไว้ ต่างกันก็ตรงที่หมอสมุนไพรผู้นี้ นางแทบจะไม่เข้าใกล้เขาเสียเลย หากไม่มีความจำเป็น
"เจ้าจะอยากรู้เรื่องนี้ไปทำไม หากหายดีแล้วคิดจะทำร้ายข้าอย่างนั้นหรือ" มู่หลินเอ่ยถามทั้งที่ยังวุ่นอยู่กับการเตรียมสมุนไพร นางไม่คิดว่าเขาจะทำเช่นนั้น แต่ก็ไม่กล้าไว้ใจเขาเสียทีเดียว นอกจากเขาจะเป็นบุรุษแล้ว ยังเป็นข้าศึกจากต่างแคว้นอีก แถมยังเป็นแคว้นที่ต่อสู้กันมาอย่างดุเดือด ทำให้ตงซานเสียทหารและทรัพยากรไปตั้งมากมาย
"คนอย่างข้า ผู้ใดมีพระคุณไม่เคยคิดจะทรยศ แม้ข้าวเปล่าเพียงหนึ่งคำ ข้าก็ไม่มีวันลืม" เจินฮุ่ยหมิงกล่าวอย่างหนักแน่น แน่นอนว่าคนอย่างเขานั้นเรื่องบุญคุณสำคัญกว่าทุกสิ่ง แม้ว่ามู่หลินจะไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่เขาพูดนักก็ตาม นางเองก็ทำไปตามสัญชาตญาณความเป็นหมอ ไม่ได้คิดเรื่องบุญคุณอะไร
"ไม่ต้องซาบซึ้งบุญคุณของข้านักหนาหรอก แค่ยอมกินยาตามที่ข้าจัดหาให้ก็พอ หายดีเมื่อไหร่ ข้าจะพาไปส่งทางข้ามชายแดน" หมอสมุนไพรสาวว่าขึ้น มือยังคงเด็ดสมุนไพรอย่างใจเย็น
"เจ้าไม่กลัวจะถูกจับได้หรือ เรื่องที่ช่วยเหลือข้าศึกนับเป็นภัยต่อแผ่นดินร้ายแรงนัก" ในฐานะของขุนนางชั้นสูงอย่างเจินฮุ่ยหมิง เขาย่อมรู้ดีว่าโทษของการช่วยเหลือศัตรู ร้ายแรงเท่ากับการก่อกบฏ โดยเฉพาะศัตรูที่เป็นถึงแม่ทัพอย่างเขา จริงที่ว่าหมอสมุนไพรผู้นี้นางอาจจะยังไม่รู้ ว่ากำลังช่วยเหลือใครอยู่ แต่พวกตงซานจะสนใจหรือ คนพวกนั้นป่าเถื่อนและไร้เหตุผลออกจะตายไป
"ข้าบอกเจ้าไปรอบหนึ่งแล้วว่า ข้าเป็นหมอ ใครเจ็บป่วยข้าก็ต้องรักษา เจ้าก็พักผ่อนเสียเถิด หากกลัวข้าจะเดือดร้อน ทางเดียวที่ดีที่สุด คือเจ้าต้องรักษาตัวให้หายโดยเร็ว" พูดจบมู่หลินก็ไม่ให้ความสนใจกับคนเจ็บอีก เจินฮุ่ยหมิงเองก็ไม่ได้ซักไซร้อะไรจากนางเหมือนกัน เพราะเริ่มเจ็บแผลและปวดเนื้อตัวแล้ว เขาเพียงแค่นอนมองดูหญิงสาวจัดเตรียมสมุนไพรจนกระทั่งหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย