EPISODE 2 : Chocolate Mint.

2161 คำ
SHAR-KS TALK ผมฟุบหน้าลงบนท่อนแขนกับเสียงอาจารย์ที่เข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวา ดวงตาพร่าปรือใกล้หลับเต็มที แต่ก็พยายามฝืนเบิกตาไว้ทั้งที่สมองเบลอไม่รับรู้อะไรแล้ว วัดก็เข้าเหล้าก็กิน คลาสก็เข้าตรงเวลา แต่เสือกหลับมันคาโต๊ะทุกวิชา เอฟแน่กู “ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนวะ เมื่อวานไม่ได้นอนไง” ศอกคนที่นั่งข้างๆ ผมกระทุ้งเรียก “กูตื่นเช้า” ผมตอบกลับสั้นๆ แล้วหันหน้าหนีมันหมุนไปทางไอ้โยแทน “ใส่บาตรเหรอ” “โซ่ครับ กวนตีนครับ” พูดจบเสียงหัวเราะร่วนก็ดังตามมา แต่เวลานี้หนังตาผมมันหนักจนถ่างไม่ไหว หัวมึนตึงตั้งแต่เช้ายังไม่หายเลย แถมยังไปทำเรื่องหน้าอายต่อหน้าเด็กมันอีก แบบนี้น้องมันยังจะเคารพผมอยู่มั้ยวะ หรือมันไม่เคารพอยู่แล้ว “เอ้า แล้วมึงตื่นเช้ามาทำอะไร เมื่อคืนแดกเหล้ายันตีสาม ตื่นไหวเหรอวะ” มันถามต่อ “ก็ไม่ไหวอ่ะดิ กูถึงมานอนในคาบนี่ไง" ผมตอบกลับเสียงติดงัวเงีย นาทีนี้เบอร์ดี้ก็เอาไอ้ชาร์ไว้ไม่อยู่บอกเลย "เอ้า ตื่นมาทำอะไรวะ" "มึงก็เลิกเซ้าซี้ กูอยากนอนครับ” “แล้วคือมึงจะหลับในคาบ” “อือ เสร็จแล้วเรียกกูด้วย” “ไอ้ชาร์” โซ่มันเขย่าแขนผมเป็นระวิง “กูขอนอน” ผมชูนิ้วกลางใส่อีกฝ่าย ก่อนจะขยับตัวลงไปนอนตักไอ้โยแทน คนที่ถูกผมหนุนตักทำหน้างุนงง ผมเลยหลับตาลงแล้วพยักเพยิดให้โยมันพูดแทน เอาจริงเมื่อเช้าผมยังไม่อยากจะเชื่อว่าจะขุดตัวเองจากเตียงขึ้นมาทำกับข้าวแต่เช้าตรู่ ถึงจะล้มทั้งยืนแต่ก็ยังฝืนทำต่อจนเสร็จ เด็กมันกำลังจะโต เห่อชีวิตในมหาวิทยาลัยยกใหญ่ เดี๋ยวอีกไม่นานมันก็ชิลล์เหมือนผมเองนี่แหละ หัวปวดมาจะสามปีละ ปีนี้ต้องเป็นปีของไอ้ชาร์โว้ย “ไอ้โยอย่าทิ้งกู" “กูก็จะขอนอนกับมันเหมือนกัน” พูดจบมันก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะเหมือนกัน ผมยกยิ้มมุมปากขำไอ้โซ่ที่ทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม “พอกันมึงสองตัว งี้กูก็เหงาดิไอ้สัด เดี๋ยวอาจารย์เรียกถาม กูยิ่งลนลานอยู่” “โชคดีเพื่อน” “ไอ้ห่า” ผมเดินสะบัดมือหลังล้างเสร็จ พอเดินออกมาจากห้องน้ำก็ต้องชะงักค้าง มองคนที่อยู่ในชุดนักศึกษากำลังทำหน้ายี๋หยิบทิชชู่ที่กองอยู่บนโต๊ะชูขึ้นมา ซวยละ ผมได้แต่สบถหยาบในใจ ก่อนยิ้มให้เจ้าของห้อง จะพูดความจริงยังไงดีก็ในเมื่อของที่น้องมันถืออยู่ มันเป็นสิ่งที่คนอื่นไม่ควรจะถือเลย “ทำไมมีทิชชู่หล่นเกลื่อนเลยอ่ะ” เจ้าตัวถามพร้อมเรียวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่น “มึงไม่ได้ยินเสียงเหรอวะ” ผมแยกยิ้มกวนประสาท ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้แล้วเงี่ยหูฟังใกล้กองทิชชู่ “เสียงอะไร” “เสียงลูกๆ กูร้องอุแว้นี่ไง” “อุแว้เหรอไอ้พี่ชาร์ พี่มึงสไลด์หนอนบนโซฟาผมเหรอ” สิ้นประโยคนั้นผมก็พยักหน้ารับสารภาพแต่โดยดี ไม่มีข้ออ้างหรือข้อแก้ตัวอะไร เพราะเพิ่งจะเดินสบายตัวออกมาจากห้องน้ำพอดีเลย ผมยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแก้เขิน ไม่ได้ตั้งใจจะให้น้องมันเข้ามาเห็น แต่ใครจะรู้ว่าเด็กมันเลิกคลาสเร็วแบบนี้ “ไอ้พี่เหี้ย” เจ้าตัวโยนทิชชู่ทิ้งแล้วหันมาทำตาเขียวใส่ผมแทน “พูดจากับผู้ใหญ่ไม่เพราะเลยนะครับ กำลังจะออกมาเก็บแต่มึงกลับมาก่อนทำไมล่ะ” ผมไหวไหล่ “พี่ควรเก็บหลังทำเสร็จ ไม่ใช่กองไว้แบบนี้” “เดี๋ยวเก็บให้นี่ไง” “ผมจะฟ้องแม่” “เด็กขี้ฟ้อง” ผมรีบเข้าไปเก็บกวาดกองทิชชู่ใส่ในถังขยะ แต่ก็เหมือนว่าจะมีคนไม่พอใจอยู่หนึ่งอัตรา ผมก็เลยแบกหน้าตัวเองเดินเข้าไปขวางทางคนที่กำลังจะเดินหนีเข้าห้องเอาไว้อย่างไว “ขี้งอนจังว้า” “.....” “วา” “.....” “น้องวาค้าบ” ผมรู้ว่าทำแบบนี้แล้วน้องมันจะหัวเสีย ถึงเรื่องทิชชู่กองนั้นผมจะไม่ได้ตั้งใจก็เหอะ พูดความจริงไปแล้วไงครับว่าเพิ่งทำเสร็จแล้วก็ไปล้างมือ จะออกมาเก็บอยู่แล้ว แต่น้องมันดันกลับมาก่อนเนี่ยแหละปัญหา จะปฏิเสธว่าไม่ใช่ของตัวเองก็ยังไงอยู่ แล้วก็ไม่ได้อยากจะแกล้งเด็กมันหรอก แต่มันชอบทำหน้ามู่ทู่เหมือนลูกแมวกำลังขู่ไม่กล้ากัด ผมก็เลยอยากแกล้งแค่นั้นเอง “ไปล้างมือเลย ไอ้คนสกปรก” สิ้นเสียงที่ตวาดผมเมื่อครู่ เสียงปิดประตูก็ดังไล่หลังมา เหลือแค่ผมที่ยืนเกาหัวอย่างหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองไม่เจอ เอาวะครั้งนี้ผมผิดจริง ค่อยหาของกินไปง้อทีหลังก็แล้วกัน ผมหยุดอยู่ตรงหน้าห้องของวาเรย์ ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะสองสามครั้ง ที่ไม่นานเจ้าของห้องก็เดินออกมาเปิดประตูด้วยสีหน้าไม่รับแขกเท่าไหร่ ชอบทำหน้ามู่ทู่จังวะ “มีอะไร” “สั่งพิซซ่ามา กินด้วยกันดิ” ของกินเท่านั้นที่จะล่อลูกเสือให้ออกจากถ้ำได้ ผมยิ้มแฉ่งให้กับคนตรงหน้า พลางผายมือไปที่โซฟาด้านนอก มีทั้งพิซซ่าแล้วก็โค้กเตรียมพร้อมไว้ให้หมดแล้ว เหลือแค่รอแมวน้อยไปกินเท่านั้นแหละ แล้วก็เหมือนจะได้ผล คนที่ทำหน้าแง่งอนเมื่อครู่ตาเป็นประกายตอนเห็นของกิน รีบปิดประตูห้องแล้วมุ่งหน้าเข้าหาเป้าหมายทันที “ทำไมถึงสั่งมา” เขาพูดขณะที่ทิ้งตัวนั่งจ้องพิซซ่าตาเป็นมัน “ก็เห็นว่ามึงยังไม่ได้กินอะไร เลยสั่งมาให้กินด้วยกัน แล้วทำอะไรอยู่อ่ะ” ผมโยนคำถามส่งไปให้ ก่อนจะเม้มริมฝีปากกลั้นยิ้มเอาไว้ ยังหลอกล่อง่ายเหมือนเดิม “เขียนงาน” “กินดิ” “แอบใส่ยาพิษลงไปป่ะเนี่ย” “ยาเสียสาว” “พี่ชาร์” “ล้อเล่น กูไม่ใช้วิธีนี้กับใครหรอก มันไม่แมน” ผมพยักหน้าให้เขากิน ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่รอช้ารีบก้มหน้าก้มตาทานแล้วยิ้มออกมากับรสชาติที่น่าจะพึงพอใจไม่น้อย ผมทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา โดยที่วาเรย์นั่งบนพื้น ไม่ได้นั่งใกล้น้องมันมากเพราะกลัวจะหาว่าผมแกล้งอีก ตอนนี้ก็เลยได้แต่นั่งมองใบหน้าขาวอมชมพูของอีกฝ่ายแทน “มึงทาแก้มกับปากด้วยเหรอวะ” ไม่พูดเปล่าผมยังถือวิสาสะเอื้อมมือไปจับริมฝีปากของคนตรงหน้า ก่อนจะบีบแก้มนิ่มที่ขึ้นสีระเรื่อจนอดคิดไม่ได้ว่ามันมีสีอะไรติดหรือเปล่า “ทำอะไรของพี่เนี่ย” เจ้าตัวเบ้หน้าแล้วเบี่ยงตัวหลบ “กูแค่เช็คดู มันชมพูเกิน” “บ้าป่ะเนี่ย” ผมไหวไหล่ ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “กูขอหยิกแก้มหน่อยดิ” “จะมาหยิกแก้มผมทำไม ผมฟ้องคุณป้านะถ้าพี่หยิกผมอ่ะ” “ค่าพิซซ่าไง” “อื้อ” ไม่รอให้เจ้าของแก้มนิ่มอนุญาต ผมก็เอื้อมมือไปบีบเล่นแล้วชักมือกลับมา พลางยักคิ้วกวนประสาทอีกฝ่ายไป อดใจไม่ไหวว่ะ แก้มนิ่มฉิบหาย “ถ้าจะหยิกแก้มกันผมไม่กินแล้วก็ได้” วาทำท่าเหมือนจะลุกหนีด้วยสีหน้างอนปึ่ง “ล้อเล่น กินดิ กูสั่งมาให้กิน” ผมรีบคว้าแขนให้เจ้าตัวนั่งลงตามเดิม มันขี้งอนจังวะ “แล้วทำไมต้องเคี้ยวแก้มตุ่ยขนาดนั้นวะ” ไม่วายผมหาเรื่องชวนคุย สายตาเอาแต่จ้องมองพวงแก้มขาวไม่ละไปไหน “อะไรของพี่เนี่ย” “มึงอย่ามาน่ารักดิ” “พี่กวนตีนผมอ่อ” เด็กผีนี่มันกวนประสาทผมเหรอวะ คนกำลังชมว่าน่ารักดันมาบอกว่าผมกวนตีน เพราะแบบนี้ไงผมกับมันถึงเลิกกัดกันไม่ได้สักที “ตอนเด็กยังบอกว่าผมหน้าเหมือนลูกลิงอยู่เลย” “เออ ช่างมันเหอะ กินเข้าไป” “พอแหล่ว” “แล้วจะไปไหน” “ห้องน้ำ” สามทุ่มแล้วแต่ผมยังนั่งกระดิกเท้าดูหนังที่ห้องนั่งเล่นอยู่เลย ส่วนเด็กน้อยก็คงจะเตรียมเข้านอนเพราะใกล้สี่ทุ่มแล้ว อีกอย่างเห็นเงียบไปตั้งแต่กินพิซซ่าเสร็จแล้วด้วย เด็กอะไรวะเอาใจโคตรยาก แต่เหมือนว่าคนที่ผมกำลังนินทาอยู่ในใจจะได้ยิน เดินงัวเงียออกมาจากในห้องด้วยสภาพสวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น มองมายังผมที่นั่งกินไอศครีมคัพใหญ่อยู่ในมือ “มึงกินมั้ย” ผมเลิกคิ้วถาม พลางยิ้มเจื่อนส่งไปให้ “ผมไม่ชอบมิ้นต์ช็อค มันเหมือนกินยาสีฟัน” พูดจบเจ้าตัวก็ทำหน้าเหยเกเพิ่มอรรถรสในการแสดงออกขึ้นไปอีก สองเท้าเล็กกำลังจะย่ำเดินหนี ผมเลยรีบใช้เสียงเรียกเขาเอาไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะไป ดวงตากลมหันมาให้ความสนใจอีกครั้ง แต่คราวนี้มันให้ความรู้สึกต่างออกไป ตอนที่ได้เห็นนัยน์ตาคู่สวยกะพริบตาอย่างเชื่องช้า มันอดไม่ได้ที่อยากจะต่อบทสนทนาเหมือนยื้อเวลาให้นานขึ้นมากกว่าเดิม “ไม่ชอบไม่ว่าแต่มึงอย่ามาดูถูกของอร่อยของกูดิวะ” “ก็มันเหมือนยาสีฟัน ผมพูดผิดตรงไหน” “ยาสีฟันมึงนั่นแหละที่ทำมาจากมิ้นต์” “แล้วไง ไม่ใช่เรื่องของผมซะหน่อย” “กูก็แค่อยากแบ่งของที่กูชอบให้กิน” “ก็บอกอยู่ว่าไม่ชอบมิ้นต์ช็อค” เหอะ พูดดีด้วยเห็นจะยาก โคตรจะน่าแกล้งเลย ผมกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอาปากละเลงไอศครีมบนช้อนแล้วตรงปรี่เข้าไปล็อคท้ายทอยคนตัวเล็กกว่า คนที่ถูกควบคุมการเคลื่อนไหวตัวแข็งทื่อ เบิกตาโตด้วยความตื่นตระหนกมองผมที่กำลังเป่าลมหายใจรดข้างแก้ม แล้วหลุกหลิกตาไปมา ริมฝีปากของผมที่ถูกเคลือบด้วยมิ้นต์ช็อคถูกละเลงลงบนเรียวปากสีระเรื่อของวาเรย์ พร้อมกำปั้นเล็กที่ทุบอกผมระรัว "อื้อ" เสียงเล็กร้องประท้วงในลำคอ ตอนแรกมันก็เหมือนจะเป็นการแกล้งให้สนุก แต่พอได้สติแล้วผละออก ผมก็เห็นว่าน้ำใสเอ่อคลอบริเวณดวงตาคู่สวย น้องมองค้อนใส่ผมทั้งที่ขอบตาแดงก่ำ กำปั้นเล็กชกอกผมทีนึง แต่มันก็เป็นเหมือนแค่มดกัด ไม่ได้เจ็บอะไรเลยสักนิดแล้วก็ไม่สนุกแล้วด้วยกับสิ่งที่แกล้งน้องมันเมื่อกี้นี้ “ไม่อร่อยเหรอวะ” “.....” “ไอ้วา” “.....” “วาคือกู..” ผมที่กำลังจะเอ่ยปากขอโทษอย่างรู้สึกผิด หลุบสายตามองมือเล็กที่ประคองใบหน้าผมทั้งสองข้าง แววตาแปรเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้ รวดเร็วจนผมตั้งตัวรับไม่ทัน เรียวคิ้วผมกระตุกเล็กน้อย กำลังตกใจกับการกระทำของไอ้ตัวเล็กอยู่ “คิดว่าผมจะยอมพี่เหรอ” “วา” สิ้นเสียงผมที่เรียกชื่อเขา เจ้าตัวก็เขย่งปลายเท้าขึ้นมาจูบริมฝีปากผม แต่ไม่ได้ทำแค่จูบ คนฝีปากกล้ายังกัดมันแล้วผลักผมออกอีกต่างหาก ผมเซถอยหลังสองสามก้าว มุ่นเรียวคิ้วเข้าหากัน มองใบหน้าขาวที่กำลังแสยะยิ้มอย่างผู้ชนะอยู่ “โคตรแปลกเลย..” พูดจบเขาก็หน้าเสียไปครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงหน้ากลับมาตึงตามเคย “ที่กูจูบมึงเหรอ” “รสชาติมิ้นต์ช็อค” “แล้วจะไปไหนวะ” “ขะ.. เข้าห้องดิ มีเขียนงานต่อ” ผมยกมือขึ้นกุมขมับ ก่อนจะเดินมาทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง กับความคิดที่ว่าผมเเกล้งน้องมันแรงไปหรือเปล่าวะ ตอนแรกที่ผมทำเพราะอยากจะแกล้ง แต่ที่น้องมันทำกลับคือการเขย่งขึ้นมาจูบผมเลยนะเว้ย ไม่ใช่แค่จูบแต่ยังใช้คมเขี้ยวนั่นกัดปากผมอีก ผมกระแอมไอในลำคอ ยกมือขึ้นเสยผมแล้วกวาดสายตาไปรอบห้อง ก่อนจะหยุดให้ความสนใจมิ้นต์ช็อคตรงหน้า ทว่าใบหูและข้างแก้มกลับร้อนผ่าวขึ้นมาแทน “เสียอาการอะไรของกูวะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม