“กูไปกินเหล้าข้างนอกนะ”
ผมที่ออกมาดื่มน้ำขมวดคิ้วนิ่วหน้ามองคนที่กำลังสวมเสื้อแจ๊คเก็ทหนัง ประมาณว่าจะมาบอกกูทำไม แต่ก็พูดไม่ได้เพราะกระดกกินน้ำอยู่
พอเหลือบมองนาฬิกาก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว แต่ทำไมพี่มันถึงไม่ยอมหลับยอมนอนสักที แถมยังทำท่าเหมือนจะออกไปเที่ยวกลางคืนอีกต่างหาก
แต่ก็ไม่ใช่ธุระอะไรของผมหรอก ผมแค่ออกมาดื่มน้ำแค่นั้นเอง
“มีอะไรด่วนก็โทรมา กูจดเบอร์ติดไว้ที่ตู้เย็นละ” เขาพูดพลางเพยิดหน้าไปที่ตู้เย็น ผมเลยปิดตู้เย็นถึงได้เห็นว่ามีโพสอิทแปะอยู่พร้อมเลขสิบหลักและชื่อเขากำกับไว้
“แล้วจะกลับกี่โมง” ผมถามแบบไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะมัวแต่สนใจเลือกขนมติดมือเข้าห้องไปด้วย
“ถามเป็นเมียกูเลยนะ”
“เมียอะไร” ผมทำหน้าเหยเก “ถามตามมารยาทในการแชร์ห้องไงครับ กลับห้องดึกดื่นแล้วเกิดเมาขึ้นมาก็ลำบากผมอีก”
อีกฝ่ายกลอกตามองบน ฟังไม่ผิด พี่มันกำลังมองบนใส่ผมอยู่
“ไอ้หน้าหลามนี่”
“เออ ไม่ทำให้เดือดร้อนหรอกน่า ดื่มนิดเดียว ไม่เมาหรอก”
“ให้จริง”
“ก็จริงดิ”
พูดจบเขาก็ยืนเต็มความสูง พลางยกยิ้มมุมปากมองผมที่ยืนทำหน้าเป็นซังกะตายมองเจ้าตัว
“อยู่ปีสามแล้วยังจะเที่ยวอีก” ผมแสร้งพูดเหมือนไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็จงใจจะให้อีกฝ่ายได้ยิน
“อย่าให้เห็นว่าไปเที่ยวเหมือนกันนะครับน้องหนู” เขาโต้กลับ พลางขยิบตาให้ผมทีนึง
ผมถอนหายใจพรืดยาวขนกับขนแขนที่ลุกเกรียว เหนื่อยใจที่จะเสวนากับคนตรงหน้า เก็บแรงไว้ทำอย่างอื่นดีกว่ามาสาดน้ำลายใส่กันไปมา
“กูไปละ”
ผมผายมือ “เชิญครับ”
หลังเสียงประตูปิดผมก็แอบแลบลิ้นลับหลังใส่พี่ชาร์ที่เพิ่งจะออกไป ก่อนเดินกลับเข้ามาในห้องของตัวเองต่อ วางขนมไว้บนโต๊ะ แล้วหันมายิ้มให้กล้องที่กำลังไลฟ์สดอยู่ในขณะนี้
“เดี๋ยวผมเปิดเลขห้องนะครับ เตรียมตัวกันเลยนะ” ผมบอกผ่านกล้องตรงหน้า โดยที่ในห้องนอนมีเพียงแค่ผมคนเดียว แต่ในไลฟ์สดมีคนเกือบพันกำลังรับชมอยู่
ใช่ครับ ผมกำลังทำหน้าที่สตรีมเมอร์เล่นเกมบนเพจเฟซบุ้คส่วนตัว ทำมาเกือบจะหกเดือนแล้ว แต่ก็เหมือนว่ามันยังกระท่อนกระแท่นอยู่นิดหน่อย
Lolipop’ s Xii เป็นชื่อเพจของผมที่เคยได้รับฉายาว่าสตรีมเมอร์หัวเย็น
ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันที่ผมไม่หัวร้อนเวลาเกมตามหรือโดนฝั่งตรงข้ามพิมพ์เยาะเย้ยใส่
เว้นแต่ผู้ชายที่ชื่อชาร์เค อันนั้นทำผมหัวร้อนยิ่งกว่ากระทะทองแดงซะอีก
ตอนแรกอาจจะมีรู้สึกแย่บ้างเวลาที่ผมกวาดสายตาอ่านเจอคอมเม้นต์ว่าผมเล่นเกมกาก แต่ผมก็เลือกที่จะไม่สนใจ ขอแค่ผมกับคนดูสนุกไปกับเกมก็พอ
ตอนนี้ถือว่าผมมาได้ไกลพอสมควร ตอนแรกมีผู้เข้าชมหลักสิบ ตอนนี้เข้ามาหลักร้อยจนแตะหลักพันแล้ว ผมว่าผมก็ค่อนข้างพึงพอใจกับมันเลยทีเดียว
เสียงแจ้งเตือนการส่งดาวดังขึ้น ทำให้ผมเงยหน้าจากจอมือถือขึ้นอ่านขอบคุณเจ้าของดวงดาวทันที
“ขอบคุณสำหรับร้อยดาวด้วยนะครับคุณณัฐวุฒิ”
คอมเมนต์บนหน้าต่างเพจเริ่มครึกครื้น คนกดส่งดาวจนผมกวาดสายตาอ่านไม่ทัน แต่ก็พยายามขอบคุณพวกเขาให้ได้มากที่สุด รวมถึงพูดคุยกับผู้ชมที่คอมเม้นต์มาพูดคุยกันด้วย
“อยากเล่นเกมกับผมต้องกดสนับสนุนเป็นซัพพอร์ตเตอร์ก่อนนะครับ แล้วทักมาขอเลขห้องส่วนตัวน้า อีกสองที่ว่างสำหรับผู้ชมทางบ้านครับ แย่งเข้ากันให้ทันน้า”
ผมมักจะนั่งพูดหน้ากล้องคนเดียว แต่ความรู้สึกเหมือนได้พูดคุยกับเพื่อนทางออนไลน์ มันทำให้ผมไม่เหงาเวลาอยู่ห่างไกลบ้าน เพราะผมก็ไม่ได้เป็นคนมีเพื่อนพ้องเยอะเท่าไหร่
การเล่นเกมทำให้ผมผ่อนคลาย แล้วการพบปะผู้คนก็ทำให้ผมยิ้มแล้วก็หัวเราะได้
Comment : อยากเข้าไปแบกจังเลยครับ
“ถ้าอยากแบกผมแล้วเป็นซัพพอร์ตเตอร์ทักมาเลยครับ ถ้ายังไม่เป็นแย่งเข้าห้องให้ทันน้า เดี๋ยวจบเกมผมจะบอกเลขห้องครับ”
Comment : แอดเล่นป่าหน่อย
“ผมเล่นป่าไม่ค่อยเก่ง แต่พอเล่นได้ครับ”
Comment : เป็นสตรีมเมอร์ที่โคตรน่ารักเลย
“ขอบคุณครับ”
Comment : เมจเคลียร์คลีปกลางหน่อย
“กำลังไปครับผม ผมเดินช้าอ่ะ”
Comment : สงสารแอด เล่นเมจขาตายเดินช้ามากก
“ผมพยายามเต็มที่แล้วครับทุกคน เป็นกำลังใจให้ผมด้วยครับ”
Comment : ลงสตรีมกี่โมงคะ
“ผมลงสตรีมสี่ทุ่มครึ่งนะครับ พรุ่งนี้มีเรียนเช้า”
เสียงแจ้งเตือนการส่งดาวยังไม่เท่ากับคอมเม้นต์ที่รัวแล้วก็รันจนผมอ่านตามแทบไม่ทัน เท่าที่อ่านผ่านตาคือเหมือนมีคนส่งหมื่นดาวมาให้
ผมไล่อ่านจนเห็นว่ามีหมื่นดาวเข้ามาจริง ก่อนจะกดปักหมุดแล้วยิ้มผ่านกล้อง
“ขอบคุณสำหรับ.. เอ่อ หนึ่งหมื่นดาวนะครับ พี่ซีเปย์หนักอีกแล้วนะครับ ขอบคุณนะครับ ผมปักหมุดไว้แล้วนะ” พูดจบผมก็ยกมือขึ้นขอบคุณคนส่งดาวประจำเพจ
Comment : คนนี้เปย์โคตรโหด
Comment : เศรษฐีบ่อน้ำมันในการเปย์
Comment : เปย์แอดจัดเลย
Comment : พี่ซีมาแล้วค่า เปย์แอดอีกแล้ว จิ้นได้มุ้ยย
Comment : ถ้าเปย์แค่ร้อยดวงพอจะได้ใจแอดมั้ยครับ
ผมไม่ได้รู้จักพี่ซีเป็นการส่วนตัว แต่ชื่อบนเฟซบุ้คของเขาใช้ชื่อว่า SEA มีรูปโปรไฟล์เป็นน้ำทะเล ผมก็เลยเรียกชื่อเขาตามนั้น ขนาดมีเขาเป็นเพื่อนบนเฟซบุ้คส่วนตัว เขายังไม่มีโพสต์หรือการเคลื่อนไหวเลย แต่เปย์ดาวผมบนเพจโคตรโหด
จำได้เลยว่าเขาเปย์ผมเป็นแสนดวงต่อเดือน จนตอนนี้น่าจะติดท็อปชาร์ตของเพจเรื่องการเปย์ดาวสูงสุดไปแล้ว
“เดี๋ยวอีกเกมนึงแล้วผมขอตัวลงสตรีมนะครับ มาเจอกันที่เก่าเวลาเดิมตอนสองทุ่ม”
ต้องเข้าใจว่าผมเพิ่งจะเปิดเทอม ถ้าเมื่อก่อนผมขึ้นสตรีมสองทุ่มลงเที่ยงคืนหรือไม่ก็ตีหนึ่งตลอด แต่ตอนนี้แค่สองสามชั่วโมงก็น่าจะไม่ไหวแล้ว
Comment : สู้ๆ นะคะแอด พรุ่งนี้จะรอนะคะ
“ที่เก่าเวลาเดิมนะครับ มาเจอกันนะ”
หลังปิดไลฟ์ผมก็กลับมานอนแบหลาบนเตียง หลับตาปรับโฟกัสจากการจ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ก่อนจะขยับตัวหยิบของบางอย่างออกมาจากลิ้นชักหัวเตียง
ลูกรักของวาเรย์มาแล้ว
มันเป็นของเล่นที่ผมฝากเพื่อนซื้อ บางชิ้นสั่งเองก็มี แต่อันที่เป็นของเล่นประจำตัวจะถูกใส่ไว้ในลิ้นชักหัวเตียง รวมถึงมีเจลหล่อลื่นเตรียมพร้อมเวลาต้องการระบายอารมณ์
ผมถอดเสื้อออก ก่อนจะดึงกางเกงขาสั้นโยนทิ้งไว้ข้างเตียง นอนเปลือยเปล่าบนเตียงที่ห้องปิดไฟสนิท มีเพียงแค่แสงไฟจากด้านนอกที่ให้ความสลัว
เจลหล่อลื่นเคลือบของเล่นผู้ใหญ่จนเปียกชุ่ม เป็นแท่งซิลิโคนยาวสิบสองเซนติเมตร ลวดลายโค้งมนคล้ายลูกปัดแต่ตัวเครื่องสั่นแบบนุ่มนวล เป็นของเล่นชิ้นโปรดที่ผมหยิบมาเล่นบ่อย
ขนาดของมันไม่ได้ใหญ่มาก เพราะผมกลัวเจ็บเวลาสอดใส่ แค่กระตุ้นให้เสียวจนเสร็จก็พอ
“อึก”
ซิลิโคนแท่งยาวถูกกดเข้าไปข้างในตัวผมทีละนิด นิ้วเรียวกดปุ่มเปิดให้เครื่องมันทำงานสั่นครืนอยู่ในโพรงนุ่ม
ปลายเท้าผมงุ้มงอจิกเกร็ง เงยหน้าเหยเกขณะเดียวกันก็อ้าขาออกกว้าง ปล่อยให้เครื่องสั่นคาอยู่ข้างใน พร้อมกับใช้อุ้งมือสาวแก่นกายขึ้นลง
"อื้อ"
มันสั่นอยู่ข้างใน กระตุ้นให้ผมบิดเร่าไปมาด้วยความเสียว พ่นเสียงครางในลำคอหนีบช่วงล่างเข้าหากัน ก่อนวางขาตั้งฉากบนเตียงใช้มือข้างขวากำท่อนเอ็นสาวขึ้นลง
โคตรเสียวเลย
ไม่ว่าจะถูกกระทำกี่ครั้ง ผมก็ยังรู้สึกดีเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
มันดีจนผมแทบจะไม่อยากมีแฟนด้วยซ้ำ แค่ช่วยตัวเองแล้วก็เล่นกับร่างกายได้ตามใจ เพราะยังไงคนที่รู้จุดอ่อนในร่างกายของตัวเองดีก็มีแค่ผม
“อืม” ผมครางรับในลำคอ ริมฝีปากขบเม้มเป็นเส้นตรง พลางกัดเรียวนิ้วระบายความเสียวซ่าน
หน้าท้องกลัดเกร็งกระเพื่อมไปตามแรงหายใจที่ติดขัด ผมกัดริมฝีปากล่าง ขณะที่กำลังปรนเปรอตัวเอง
มือขยุ้มผ้าปูที่นอนแน่นในตอนที่เครื่องมันสั่นกระตุ้นจุดกระสันให้ผมดิ้นเร่า ก่อนจะเร่งจังหวะสาวแก่นกายเร็วขึ้น ทว่าวินาทีที่ใกล้จะถึงฝั่ง ผมดันนึกถึงใบหน้าของใครบางคนขึ้นมา
ไอ้หน้าหลามนั่น
“อื้อ”
เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นผมก็กระตุกเกร็งสองสามที พร้อมน้ำกามที่พุ่งออกมาจากส่วนปลาย ก่อนไหลเยิ้มเปื้อนแก่นกายและหน้าท้อง
ช่องทางด้านหลังบีบรัดเข้าหากันแน่น ตอดถี่ระรัวหลังผมหลั่งออกมา ผมผงกหัวแล้วใช้มือเกี่ยวสายคล้องกับเครื่องสั่นให้ถอนออกจากรูสีหวาน
เรียวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันคลายตัวลง พร้อมตัวผมที่นอนหมดแรงตัวแห้งติดไปกับเตียง
พอน้ำออกจากตัวในวันที่ร่างกายอ่อนเพลีย ผมก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะโดนสูบวิญญาณออกจากร่าง
ผมพลิกตัวนอนตะแคงหายใจหอบหนัก พลางนึกถึงใบหน้าของรูมเมทที่ยังไม่กลับห้องมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
เพราะเหตุผลนี้ ผมถึงค้านหัวชนฝาว่าพี่ชาร์ไม่ควรจะอยู่ร่วมห้องเดียวกับผม
ผมไม่อยากให้พี่มันได้รู้ความลับของผม ไม่ว่าจะเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ตาม
ผมเปิดประตูห้องแล้วเดินออกมายืนมองรูมเมทที่กำลังยืนทำกับข้าวอยู่ในครัว เอียงคอเล็กน้อยติดสงสัยเพราะพี่มันดันตื่นเช้ากว่าที่คิด
กลับมาเมื่อไหร่วะ
เมื่อคืนเขากลับกี่โมงผมก็ไม่มั่นใจ รู้แค่ว่าหลังทำความสะอาดร่างกายเสร็จ ผมก็ทิ้งตัวล้มนอนทันทีแบบที่ไม่ถึงแปดวินาทีสลบเหมือด
“ทานข้าวเช้าด้วยกันก่อนดิ” เขาว่าแล้วใช้ทัพพีชี้ไปที่โต๊ะอาหาร ผมมองตามแล้วเห็นข้าวต้มกุ้งตัวโตพร้อมไข่แดงอยู่ในถ้วย มีควันลอยหอมฉุยมาแตะปลายจมูกแต่ไกล
ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
ข้าวต้มกุ้งเลยเหรอวะ
สำหรับคนอื่นมันอาจจะดูง่าย แต่สำหรับคนที่กินของแช่แข็งแล้วอุ่นร้อนเอาอย่างผมมันโคตรยาก
แค่แกะกุ้งก็ไม่รอดแล้วมั้ง
“ทำกับข้าวเป็นกับเขาด้วยเหรอ” ผมถามเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร ก่อนจะนั่งลงแล้วจับช้อนตักข้าวขึ้นมาทาน
“ทำให้หมาที่บ้านบ่อย”
ดูปากพี่มันนะ
“เหรอ”
“เออดิ”
“แล้วหมามันกินมั้ย ถ้ามันไม่กินผมก็ไม่กิน”
เขาหันมาแยกเขี้ยวใส่ แทบจะเขวี้ยงทัพพีในมือมาหาผมที่กวนประสาทก่อน
แต่สุดท้ายเด็กหัวรั้นอย่างวาเรย์ก็ยอมทานอาหารฝีมือเขาอยู่ดี เพราะทนกลิ่นหอมจากในครัวไม่ไหว ตอนนี้กะเพาะผมมันร้องประท้วงยกใหญ่เลย
“แล้วมีเรียนกี่โมง”
“เก้าโมง”
“จะไปตอนแปดโมงเนี่ยนะ”
“แล้วทำไมล่ะ”
“เนิร์ดว่ะ” ไม่พูดเปล่าเขายังทำหน้าเยาะเย้ยผม แล้วกระแทกเสียงใส่อีกต่างหาก
“หรือมีเรียนบ่ายให้ไปตอนเที่ยงครึ่งงั้นดิ” ผมแซะกลับบ้าง แต่เจ้าตัวก็ดูไม่ได้สะทกสะท้านอะไร
“เดี๋ยวพอมาถึงจุดนี้ก็รู้เองว่าเวลานอนสำคัญกว่าการเรียนรู้”
“เหอะ”
เราสองคนเงียบไปพักหนึ่ง ผมก็เลยโซ้ยโจ๊กจนเกือบหมดด้วยความรีบเร่ง ก่อนที่เขาจะมานั่งตรงหน้าผม นั่งเท้าแขนมองหน้าผมที่กำลังเคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ย
“มองไร” ผมเลิกคิ้วถาม
“เปล่า ก็ไม่ได้มองไร” เขาส่ายหน้า แต่ก็ยังไม่หยุดจ้องหน้าผมอยู่ดี
“กวนประสาท..”
เขาตักโจ๊กใส่ถ้วยมานั่งกินพร้อมกัน ไม่ได้มีบทสนทนาอะไรมากนัก เหมือนพักรบกันไว้ก่อนแค่ตอนกินข้าว แค่ครู่เดียวเดี๋ยวก็แยกเขี้ยวกัดกันใหม่
“แล้วเลิกกี่โมง”
“ยุ่ง”
“เผื่อกลับพร้อมกัน”
“กลับใครกลับมันน่ะดีแล้ว ผมขับรถไปเองดีกว่า”
เราทะเลาะกันจนเหมือนเป็นเรื่องปกติ กัดกันเก่งกว่าหมาในซอยหน้าหมู่บ้าน
เขาชอบแกล้งผมตลอดเลย ไม่ว่าจะตอนไหนก็ตาม ยั่วประสาทเก่งที่หนึ่งเลยด้วย
“เดี๋ยวดิ” เขาคว้าแขนจังหวะที่ผมจะลุกไปเก็บชาม แต่สายตาไวของผมมันดันหลุบไปเห็นบางอย่างที่อยู่ภายใต้กางเกงบ็อกเซอร์เจ้าตัวแทน
บางอย่างที่กำลังชี้โด่ชี้เด่อย่างไร้ทิศทาง แล้วก็มันกำลังชี้หน้าผมอยู่ด้วย
“เห้ย” ผมร้องเสียงหลง รีบสะบัดแขนออก
“เอ่อ” เขายิ้มเจื่อน พลางใช้มือกดกลางกายเอาไว้
ตากุ้งยิงแล้วไอ้วา
“ไอ้พี่ชาร์ ไอ้คนทุเรศ มาแข็งอะไรต่อหน้าผมเนี่ย”
“ทำไมวะ ไม่เคยเคารพธงชาติตอนเช้าหรือไง”
ไม่ปฏิเสธหรอกว่าไม่เคย แต่ผมจะปฏิเสธหัวชนฝาเลยก็คือไม่เคยมาแข็งต่อหน้าคนอื่นแบบนี้หรอกโว้ย
“ถอยไปเลย ผมจะไปเรียนแล้ว”
“อยู่ช่วยกูก่อนดิวะ”
“ไอ้พี่เหี้ยนี่”
ผมง้างหมัดขึ้นสูง ก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตาสวมรองเท้าแล้วเดินออกจากห้องทันที
จะให้ผมอยู่ช่วยอะไร ถ้าจะให้ช่วยล้างจานยังไงผมกลับมาตอนเย็นก็ต้องทำอยู่ดี อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่าประโยคเมื่อครู่ของพี่มันล่อแหลมเกินไป
ทำไมพี่มันชอบแกล้งผมตั้งแต่เด็กยันโตเลยวะ
ใครก็ได้พาไอ้วาออกจากตรงนี้ที