“อายนะเนี่ย ปรกติไม่ค่อยให้ใครเข้ามาที่นี่” เขาคงเขิน จะมีผู้ชายคนไหนที่ตกแต่งห้องแบบนี้กันเล่า เขาเอาไว้หลอกสาว ๆ ที่จริงก็มีผู้หญิงหลายคนที่ได้เข้ามาในห้องนี้เหมือนกัน
“มันดึกแล้ว เราค่อยคุยกันวันหลัง นี่คือห้องของเธอ นอนพักผ่อนให้สบายนะ”
ทีนผลักประตูเข้าไป ชินุตาถึงกับร้องดังวู้ในใจ แต่ก็ไม่แสดงออก เพราะด้านในสวยยิ่งกว่าข้างนอกเสียอีก ช่างน่าอยู่ “ห้องใครหรือคะ”
“น้องสาวน่ะ แต่ตอนนี้ไปเรียนที่ฝรั่งเศส”
“อ้อ แล้วเธอจะไม่ว่าหรือคะ”
“ไม่กลับมาแล้วมั้ง ตอนนี้ได้ข่าวว่ามีแฟนอยู่ที่นั่น พ่อกับแม่กำลังจะบินไปตามให้กลับบ้านอยู่ พ่อแม่ไม่อยากได้เขยเป็นฝรั่งน่ะ”
“อายุเท่าไรหรือคะ”
“ห่างกับฉันแค่ปีเดียว ลูกแบบหัวปีท้ายปีน่ะ พอเปิดปุ๊บ ก็ติดปั๊บอะไรแบบนั้น”
“อ้อค่ะ”
“ฉันอนุญาตให้เธอใช้ของทุกอย่างในห้องนี้ รวมถึงเสื้อผ้า และชุดนอนของยายซิดนีย์ด้วยนะ”
“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” ชินุตาได้แต่ยกมือไหว้
“กินยาเสียล่ะ ยาก่อนนอน แผลจะได้หายไว ๆ”
“ค่ะ” ชินุตาซาบซึ้งใจ เธอไม่รู้จะตอบแทนคนที่เข้ามาทำดีกับเธอได้อย่างไร บ่อยครั้งที่ชินุตาก็เว้นระยะห่างจากการคบกับคนอื่น ๆ เอาเข้าจริง ๆ ชินุตาไม่เคยมีเพื่อนสนิท เพราะความเป็นอยู่ และฐานะที่ด้อยค่า หญิงสาวเชื่อว่า คงไม่มีใครมาจริงใจกับคนจน ๆ
พอทีนออกห้องไป เธอถึงกับทรุดนั่งไปที่โซฟาที่วางอยู่ปลายเตียง ชินุตามองไปรอบ ๆ
คนพวกนี้โชคดีที่ได้มีครอบครัวแบบนี้ เธอสิช่างอับโชค ที่ไม่ได้มีครอบครัวแบบสมบูรณ์พร้อม แล้วชินุตายังหนีออกจากบ้านมาตั้งแต่อายุสิบหก ปากกัดตีนถีบเพื่อเอาชีวิตรอด
‘ทำไมคนเราถึงได้มีชีวิตที่แตกต่างกัน ตอนที่ฉันจะเกิด ทำไมไม่จับเอาพ่อแม่รวยแบบนี้นะ’ สิ่งที่ชินุตาคิดอยู่เสมอ และเอามันมาเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองทำงานเพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
ส่วนอีกคน ทีนเข้าห้องนอนไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม วันนี้ปล่อยไก่ไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยฟัน ความคิดที่อยู่ในหัวของเขา
สายของวันต่อมา ชินุตาตื่นตั้งแต่เช้า เธอนอนไม่หลับเอาเสียเลย เพราะว่าไม่คุ้นที่นอน เธอเพิ่งมาหลับเอาค่อนรุ่ง
เมื่อสะดุ้งตื่น เธอก็ลุกจากเตียง การอยู่ที่บ้านของคนอื่น แล้วนอนบนที่นอนนุ่ม ๆ ชินุตาเคยนึกว่าจะสบาย แต่มันก็หาได้เป็นอย่างนั้นไม่ เธอกลับรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก อีกอย่างเธอกับเขาเพิ่งรู้จักกัน ยังไม่ได้สนิทชิดเชื้อ แถมเขายังประวัติไม่ดีในเรื่องของผู้หญิง ชินุตาต้องรีบไปก่อนที่เจ้าของบ้านจะตื่น มันคงจะดีกว่า
หญิงสาวรีบเก็บข้าวของของตัวเอง ก่อนจะย่องออกมาจากห้องอย่างแผ่วเบา ชินุตาตรงไปที่ประตู ตอนที่เธอกำลังจะเปิดประตูออกไป เธอก็ชั่งใจอยู่หลายหน ชินุตาหันไปมองประตูของอีกห้องหนึ่งที่รู้ว่าเป็นห้องนอนของทีน เธอถามตัวเองหลายครั้งว่าจะบอกเขาก่อนดีไหม แต่ก็ได้คำตอบว่า… ไม่ดีกว่า
จังหวะที่มือเอื้อมเปิดประตูแง้มออกนิดหน่อย เธอก็ได้ยินเสียงเด็กอ้อแอ้
‘เด็กที่ไหนมาอยู่ตรงนี้’
เสียงชัดเจนมากเหมือนอยู่หน้าประตูเลย ชินุตารีบเปิดประตูอย่างรวดเร็ว
“ฮะ!”เธอต้องตกใจที่เห็นเด็กกำลังดิ้นตัวอยู่ในตะกร้าขนาดพอดีตัว เด็กน้อยมีผ้าอ้อมพันห่อตัวเอาไว้อย่างดี แล้วยังทำตาแป๋ว ๆ อายุของเด็กน่าจะราว ๆ ห้าหกเดือน
ชินุตายังตะลึงไม่หาย เธอย่อตัวลง และก้มลงไปสำรวจ สายตาสะดุดกับกระดาษที่ม้วน ๆ แล้วเสียบอยู่ข้าง ๆ เด็กน้อย หญิงสาวหยิบขึ้นมาแล้วรีบเปิดอ่าน
(สวัสดีค่ะคุณทีน คุณคงจำฉันไม่ได้หรอกนะคะว่าฉันเป็นใคร ฉันเคยเป็นผู้หญิงที่ได้นอนกับคุณค่ะ และนี่คือของฝากจากฉันถึงคุณ ฉันไม่มีปัญญาเลี้ยงลูก ฉันเลยเอาเด็กคนนี้มาให้คุณเลี้ยง คุณช่วยเลี้ยงแกด้วยนะคะ เพราะแกเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณ คุณคือพ่อ)
อ่านถึงตรงนี้ แววตาของชินุตาก็เปลี่ยนไป เธอหันไปมองในห้อง ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาเป็นคนไข่แล้วทิ้ง ทว่าตอนนี้มีปัญหาเป็นเด็กที่ได้ชื่อว่าลูก ที่แม่ประกาศไม่ไยดี
(คุณไม่ต้องมาสืบนะว่าฉันเป็นใคร เพราะมันไร้ประโยชน์ เพราะคุณคือพ่อของเด็ก ส่วนใบเกิดของลูก ฉันจะส่งมาให้ทีหลัง หลังจากที่ลูกอยู่กับคุณไปแล้วหนึ่งปี ฉันขอความกรุณาให้คุณดูแลลูกของคุณด้วยความรัก และเอาใจใส่ อย่าเอาแกไปทิ้งไว้ที่สถานสงเคราะห์นะคะ เด็กคนเดียว ฉันคิดว่าคุณเลี้ยงได้ ขนหน้าแข้งคุณไม่ร่วงหรอก คุณต้องรับผิดชอบในสิ่งที่คุณทำลงไปกับฉัน) ไม่มีการลงชื่อในท้ายจดหมาย
ชินุตาผงะอ้าปากค้าง สับสนว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อดี
เด็กน้อยจ้องมองมาที่เธอตาแป๋ว พร้อมกับทำปากจุ๊บจั๊บ
ชินุตามองข้าง ๆ มีตะกร้าของใช้เด็ก และเสื้อผ้าของเด็กอ่อน
“ทำอย่างไรดี” เธอหันมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใคร หญิงสาวจึงลากตะกร้าเด็กน้อยและข้าวของของแกเข้ามาในห้องทั้งหมด
ชินุตามองไปที่เจ้าของห้อง และเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อของเด็ก เธอไม่รอช้า ชินุตาตรงไปที่ห้องของชายหนุ่ม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
“คุณทีนคะ คุณทีน คุณได้ยินฉันไหมคะ คุณทีนคะ”
เขาดื่มมาด้วย และกว่าจะได้เข้านอน ชินุตาเรียกเขาอยู่นานพอสมควร จากที่ตั้งใจจะไปโดยไม่บอกกล่าว แต่ตอนนี้… มีเรื่องเร่งด่วนเสียแล้ว
คนที่นอนอยู่ในห้องก็กระเด้งตัวลุกขึ้น นั่งงัวเงีย ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเสียงใคร จำไม่ได้ ใครจะมาอยู่ในบ้านของเขา แต่พอนึกทบทวน
“อ้า... ยายลูกชุบ”
ทีนตามเธอไป รถเกือบชนเธอ เกิดอุบัติเหตุ เขาพาเธอไปโรงพยาบาล แล้วเขาพากลับมาที่นี่
ทีนหยิบนาฬิกาขึ้นมาดู เก้าโมง ชายหนุ่มลุกขึ้น และคว้าเสื้อคลุม ตรงมาที่ประตูห้อง
ผลัวะ... เขาเปิดออกมา แม้จะอยู่ในสภาพที่งัวเงีย เผ้าผมกระเซอะกระเซิง แต่เขาก็ดูดี
ชินุตายิ้มเจื่อน ๆ ให้กับเขา พร้อมกับยื่นกระดาษจดหมายของแม่เด็กไปให้
“อะไรหรือลูกชุบ” ดีนะที่เขายังจำชื่อของเธอได้
“อ่านก่อนเถอะค่ะ”