อะไร... หูฉันไม่ได้ฝาด ตาไม่ได้ฝ้าฟางใช่มั้ยเนี่ย ชวนไปกินข้าว? คือไง ฉันสวยจนเขาติดใจเหรอ หรืออะไรอ่ะ งงมาก ถ้าฉันเข้าไปแอ๊วก็จะไม่แปลกใจหรอกนะ แต่นี่ไม่
นอกจากจะไม่แอ๊วแล้วยังไปกวนตีนไว้อีกต่างหาก =_=;;;
“ไม่เป็นไร ไม่หิว” ฉันปฏิเสธหน้าเจื่อน รู้สึกเหมือนกำลังถูกคุกคามอย่างประหลาด เพราะไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหน ฉันคิดว่าเขาต้องมาด่าฉันแน่ๆ และฉันเตรียมรับมือไว้แล้วเพราะฉันสตรองมากกับการด่ากลับหากแต่ว่าเรื่องกลับพลิกผันเป็นเขามาชวนไปกินข้าวซะงั้น
“งั้นไปดูหนังกันมะ”
“...”
“ฟรีนะ แถมป็อปคอร์นกับเป๊ปซี่ด้วย”
( - -)(- - )
เขาพูดจบฉันก็มองหน้ากับอีอาร์ตอีกหนึ่งรอบ
“ไม่ไปอ่ะ ไม่มีอารมณ์ดู” ฉันปฏิเสธก่อนที่เขาจะเบะปากเซ็ง ถอนหายใจยาวๆ
“งั้นไปปั่นจักรยานปะ ชิลๆ” เขาถามขึ้นอีกอย่างไม่ยอมแพ้
“นายมีอะไรปะเนี่ย?” ฉันตัดสินใจถามทำหน้าสงสัยทำให้เขาส่ายหัวเบาๆ แทนคำตอบ แต่นั่นยิ่งทำให้ฉันงงหนักขึ้น
“ก็ไม่มีอ่ะ แค่อยากชวนเฉยๆ”
น่าสงสัย... น่าสงสัยมากๆ
“แล้วจะไปปะเนี่ย?” เขาท้วงขึ้นอีก โอ๊ย คิดเหรอว่าฉันจะตกหลุมพรางเขาอ่ะ คิดว่าฉันจะโง่เหมือนอีมิ้งหรือไง ไม่ไปหรอกย่ะ คิดจะแก้แค้นอีผักหวาน ชาตินี้ ชาติหน้าก็ทำไม่ได้ บายยยย!
“ไม่อ่ะ”
“อะไรวะ หยิ่งจัง ชวนไปไหนก็ไม่ไป” เขาบ่นอุบอิบแล้วกลอกตาคิดอยู่ครู่นึงก่อนจะหันมาทางฉันอีก ฉันสะดุ้งเพราะตกใจสายตาที่คาดเดาไม่ได้ของอีตานั่น รู้สึกสะพรึงแบบประหลาดเวลาที่เขายิ้มหวานๆ ขนฉันก็พากันลุกเกรียวแบบไร้สาเหตุ ใช่แน่ๆ เขาต้องมีแผนอะไรแน่นอน! “แล้วเธอจะไปไหนอ่ะ”
“กลับหอดิ ไม่มีเรียนจะอยู่ทำไม” ฉันว่าก่อนจะหน้าเสียเมื่อคนผมสีน้ำตาลทองเงียบไปแล้ววางใบหน้าลงกับโต๊ะพร้อมชายสายตาพริ้งพราวมาให้ฉัน รอยยิ้มน้ำตาลเคลือบยาพิษนั่นทำให้ฉันชะงักไปนิดนึง
“งั้นเรากลับหอเธอด้วยดิ วันนี้เราก็ไม่มีเรียนเหมือนกัน”
อะไรวะเนี่ย... นางต้องการอะไรจากฉัน พูดดดดดดดดดด!
เขาจะกลับหอฉันทำไม บ้านไฟไหม้ หอไม่มีชั่วคราวเหรอ อยู่ที่ไหนก็กลับไปทางนั้นสิวะ ฉันกลัวนะเนี่ย มันเกิดวิกฤติอะไรขึ้นกับโลกนี้ ทำไมอยู่ดีๆ เขาถึงทำแบบนี้วะ น่ากลัวอ่ะ
“โอ๊ย พอดีเลย สงสัยวันนี้จะงดเซค อยากไปด้วยจัง” อีอาร์ตพูดขึ้นมาลอยๆ ทำหน้าแบบตอหลดตอแหลสไตล์มันทำให้ฉันเผลอหลุดขำออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ โอ๊ย อีนี่ ขี้หมูขี้หมามันก็เอา
“เป็นบ้าเหรอ ก็กลับหอตัวเองไปดิ ได้เสื้อคืนแล้วนิ แล้วก็อย่าลืมปลดบล็อกด้วย”
“จ้า” คำตอบรับง่ายๆ นั่นยิ่งทำให้ฉันสยองเข้าไปใหญ่ เกิดอะไรขึ้น กลัวจริงจังนะเนี่ย ฉันกะพริบตาปริบๆ แล้วพยายามจะหันหน้าหนี แต่อีตานี่ก็ขยับใบหน้าตามฉันทุกครั้ง ไม่ว่าฉันจะหันไปทางซ้าย เขาก็ขยับตาม หันไปทางขวา ก็หันตามอีก ไอ้ตามน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้รอยยิ้มกรุ้มกริ่มและสายตาพริ้งพราวนี่มันคืออะไรวะ!
“อะไรเนี่ย! กวนตีนปะเนี่ย อยากได้อะไร พูด!”
“เปล่า ก็แค่มองเฉยๆ อ่ะ ผิดอะไรวะ มองไม่ได้ก็หาป้ายมาแขวนคอว่าห้ามมองดิ”
=_=^
“เอาดีๆ ต้องการอะไร จะมากวนประสาทเพราะเรื่องเมื่อเช้าใช่มะ?” ฉันกอดอก เขาไหวไหล่แล้วกอดอกตามทำหน้าปั้นปึ่งจนฉันเริ่มหงุดหงิด ยังไม่เลิกอีก ไอ้เวรนี่!
“เปล่า เราออกจะชอบนะ”
ฮะ...
“กวนตีนดีอ่ะ ผู้หญิงแบบนี้น่ารักออก” เขาว่าก่อนจะเท้าคางมองฉันพร้อมรอยยิ้มสุดสะพรึง ฉันสตั๊นไปด้วยความช็อก ตกลงคือไง กวนตีนนี่ชอบเหรอ ฮาร์ดคอไปปะนาย แบบนี้ก็มีเหรอ?
“คือ...?”
“เราเบื่อแล้วอ่ะผู้หญิงดีๆ กุลสตรีจ๋า อยากหาคนห่ามๆ ปากหมา ปัญญาไม่ดีดูบ้าง เราว่าดูมีสีสันดีนะ” เขาพูดเหมือนกำลังชม แต่ไม่รู้ทำไมรู้สึกเหมือนโดนหลอกด่า คือไง ตกลงมันดีหรือไม่ดีวะ ขอสรุปเลยได้มั้ย เริ่มงง “แม่งดูเป็นตัวของตัวเอง ดูมีกิมมิค ดูมีอะไรอ่ะ”
“นี่หลอกด่าปะเนี่ย =_=”
“พูดจริง”
“ตลก”
“จริงจัง”
“โกหก”
“ไม่ได้โม้” เขายืนยันทำท่าขึงขัง ฉันยิ่งหลอนหนักไปอีก แก นี่มันเรื่องมหัศจรรย์อะไรวะ น่ากลัวยิ่งกว่าคนอวดผี หมอนี่ต้องการอะไรกันแน่ ฉันงงไปหมดแล้วนะ
“เมื่อไหร่เนี่ย?” ฉันพูดเสียงเรียบก่อนที่เขาจะย่นคิ้วงง
“เมื่อไหร่อะไร?”
“เมื่อไหร่จะเลิกบ้า =_=”
“แล้วเธอว่าตอนไหนดีอ่ะ” เขาลอยหน้าลอยตาก่อนจะมองหน้าฉันนิ่งๆ ตอนไหนเหรอ ตอนนี้เลย ควรจะกลับบ้านไปตั้งสติ นั่งสมาธิ สวดมนต์พระคาถาชินบัญชรร้อยแปดจบ หรือจะเข้าไปนั่งวิปัสสนาในป่าเลยยิ่งดี เผื่อสติจะสตรองมากขึ้น
“ตอนไหนที่นายจะเลิกบ้าอ่ะนะ ขอแนะนำเลยว่า...” ฉันเตรียมจะร่ายยาวแต่เขากลับยกมือเบรกไว้ก่อนพร้อมกับส่ายหัวรัวๆ และเขาก็...
“ไม่ เราหมายถึงตอนไหนดีที่เราจะเป็นแฟนกันอ่ะ”
ยิ้ม... เขายิ้มกว้างมากในขณะที่ฉันกุมขมับรู้สึกมึนๆ อึนๆ อยู่ในหัว เหมือนมีแมลงตอมไต่บินวนไปรอบๆ จนฉันเพลีย ยิ่งมองหน้าคนร่างสูงก็ยิ่งรู้สึกอยากเอาหัวโขกโต๊ะให้โง่เหมือนอีมิ้ง
โอ๊ย พระเจ้า ผู้ชายแบบนี้ก็มีด้วยเหรอออออออ !