วันรุ่งขึ้น
พอฟ้าเปิดแสงสีส้มเริ่มโผล่ ลีนาก็ลากกระเป๋าเดินทางออกมาตั้งหน้าห้อง ส่งเสียงเร่งลาลิตาที่ยังมัวแต่โอ้เอ้ คงเพราะยังนอนไม่เต็มอิ่มเลยโยเย ไม่ว่าง่ายเหมือนทุกครั้ง
“ลาลิเร็วๆ สิคะ แม่ขากลัวไม่ทันรถโดยสาร”
“ยังไม่ทันเช้าเลยนะคะ น้าไอตื่นหรือยังก็ไม่รู้” งานเมื่อวานทุกคนเหนื่อยสาหัส พอตกค่ำเลยหลับเป็นตาย ยังไม่ทันเช้ามารดาก็เร่งขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านตื่นกันหรือยัง
“คุณตา คุณยายตื่นแล้ว แม่ขาจะพาลาลิไปลา ส่วนน้าไอน่ะ เอาไว้ครั้งหน้าก็แล้วกัน” ธรรมดาแล้วไอรีนไม่เคยตื่นเช้าหรอก เพื่อนของเธอตื่นช่วงสายๆ ดังนั้นวันนี้ไม่น่ามีใครทัดทาน ส่วนเรื่องที่ตกลงกับไอรีนไว้แล้ว ลีนาคิดว่าระหว่างเดินทางคงหาข้อแก้ตัวที่เหมาะสมได้ เวลานี้เธอขอกลับไปตั้งหลักก่อน เพราะหากฝืนตามที่ตกลงกันไว้ เธอคงอกสั่นขวัญแขวน ไม่มีแก่ใจทำอะไรแน่ และสักวัน ความลับที่เก็บงำไว้คงแพร่งพราย นั่นอาจทำให้เพื่อนคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ตัดความสัมพันธ์กับตัวเอง
“ไอ...ลีนาขอโทษ”
หากมันง่ายเหมือนที่คิดไว้ลีนากับลาลิตาคงใกล้ออกเดินทาง หลังซื้อตั๋วรถโดยสาร สองแม่ลูกก็หาอาหารเช้าง่ายๆ กินประทังความหิว มีข้าวเหนียวหมูปิ้งของโปรดลาลิตากับน้ำสะอาดหนึ่งขวด ความที่เลี้ยงง่ายลาลิตาจึงไม่โยเย ยอมกินอาหารเช้าที่มารดาหาให้แบบไม่ปริปากพูด ทั้งที่ยังไม่หายง่วงนอน
บิดา มารดาของไอรีนไม่ยอมให้ลีนากับลูกเดินทางเอง ทั้งสองท่านให้รถยนต์ที่บ้านมาส่งถึงท่ารถประจำทาง ช่วยร่นระยะเวลาให้กับเธอไม่น้อย ดังนั้นจึงมีเวลาเหลือเฟือก่อนที่รถโดยสารคันแรกจะออกวิ่ง
เช้าๆ เช่นนี้ที่ท่ารถ มีอาหารให้เลือกไม่น้อย ลีนาซื้อขนมขบเคี้ยวกล่องใหญ่เก็บไว้ให้บุตรกินระหว่างทาง มีน้ำอัดลมอีกสองขวดเพื่อไม่ให้ลาลิตาบ่นเพราะต้องใช้เวลานาน
เหลืออีกไม่ถึงสิบนาทีก็จะถึงเวลาที่รถโดยสารต้องเคลื่อนที่ เพราะความระแวงแท้ๆ ทั้งๆ ที่นั่งอยู่ด้านบนตัวรถแล้ว ลีนาก็ยังคงระแวดระวัง มองซ้ายมองขวาจนลาลิตาเริ่มสงสัย
“แม่ขามองหาอะไรคะ?”
ลีนาฝืนยิ้มกร่อยๆ รีบปฏิเสธ “เปล่าจ้ะลาลิ แม่ขาแค่อยากกลับบ้านของเราเท่านั้นเอง”
ลาลิตาย่นปลายจมูก หลุบเปลือกตาลง “ลาลิก็คิดถึงบ้านเหมือนกันค่ะ ลาลิง่วงแล้ว ขอนอนต่อได้ไหมคะ”
เสียงลาลิตาหงุงหงิงคงฝืนความง่วงต่อไม่ไหว เลยหลับต่อดื้อๆ
ลีนาขยับผ้าห่มคลุมจนถึงหน้าอกบุตรสาว เบี่ยงท่อแอร์ให้เบนออกไปตรงกลางรถยนต์ เตรียมจะหลุบเปลือกตาลงเพื่อพักสายตาบ้าง แต่...
บทที่5.เงื้อมมือมัจจุราช
“คิดว่าหลบพ้นสายตาผมหรือไงหะลีนา...” เสียงแหบๆ กระซิบข้างหู ไอร้อนจากลมหายใจพวยพุ่งกระทบผิวแก้ม ลีนาเบิกตาโพลง มองชายร่างใหญ่ที่ชะโงกหน้ามาใกล้ รอยยิ้มของเขาน่ารังเกียจจนเธอเกือบอาเจียนรดหน้าเขา
“คุณ...”
“เธอยังจำผมได้นี่ หกปีมานี่เธอยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ” กุมภาลดตามองไล่ตั้งแต่ปลายจมูกโด่งเล็ก จนถึงแรงสะท้อนกลางหน้าอกของลีนา
“คุณพูดบ้าๆ อะไรคะ ออกไปนะ ฉันจะพาลูกกลับบ้าน”
ลีนาแสร้งตวาด แต่กลับไม่กล้าสู้ตากุมภา เธอเสหลบตาเขา เสียงตวาดนั่นก็ดังแค่พึมพำ แทบไม่พ้นริมฝีปากบางเลย
“ท่าทางเธอกลัวผมมากเลยนะ เธอซ่อนอะไรไว้หรือไง” กุมภาแกล้งกระเซ้า
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละค่ะ คุณกับฉันแค่คนเคยรู้จักเท่านั้น”
“ไม่มั้ง ผมกับเธอเป็นมากกว่าคนรู้จักแน่ๆ แต่ว่า...เธอได้บอกไอรีนไหม เธอกับผมเคยรู้จักกันมาก่อน”
แววตาไหววูบของลีนา เข้าทางกุมภาพอดี
“เห็นทีเราสองคนมีเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกันเยอะเลยล่ะ อย่าทำให้คนอื่นเสียเวลาเลย ลงมาตกลงกันเถอะ หรือเธออยากให้เรื่องวันนี้เข้าหูไอรีนล่ะ”
ไม่ใช่การข่มขู่ แต่ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ผู้ชายตรงหน้ารู้จุดอ่อนของเธอ เลยใช้เพื่อบีบบังคับเธอให้ทำตามความต้องการของเขา ลีนาชะเง้อมองด้านหลัง สายตาผู้โดยสารคนอื่นกำลังจดจ้องมาที่เธอ หากไม่รีบตัดสินใจตอนนี้ เกรงว่าจะไม่ทันการณ์ ทางที่ดีเธอควรทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่ข่าวลือแย่ๆ จะแพร่สะพัด
“อย่าปากพล่อยจนลาลิสงสัยเชียวนะคะ”
ผู้ชายคนนี้จะทำอะไรยังไงกับเธอก็ได้ แต่หากเขาแตะต้องลาลิตา ลีนาสัญญา เธอจะฆ่าเขาด้วยมือตัวเอง
“ตกลง...”
ลีนาหันไปสะกิดบุตรสาว “ลาลิคะ ลงจากรถสักแปบได้ไหมคะ แม่ขาพาลาลิขึ้นรถผิดคันน่ะ”
เด็กหญิงงัวเงียตื่น ยกมือขยี้เปลือกตา แต่ก็ยอมเดินตามมารดาลงมาแบบไม่อิดออด พอเท้าแตะพื้นดินด้านล่าง ประตูรถประจำทางปิด รถทัวร์คันใหญ่ก็เคลื่อนที่ออกจากที่จอด เพื่อมุ่งหน้าไปจุดหมายปลายทางทันที ลีนาเม้มปากมองตามไฟท้ายรถทัวร์ด้วยแววตาอาลัย เธอพลาดรถโดยสารเที่ยวนี้เพราะมารผจญแท้ๆ จากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นไม่อยากจะคิดต่อเลยจริงๆ
ที่สำคัญ...เธอไม่วันยอมให้กุมภา พรากเลือดในอกของเธอไปแน่นอน
“อ้าว...คุณลุงมาอยู่ที่นี่ได้ไงคะ” เสียงแหลมเล็กของลาลิตาดึงสติลีนากลับมาที่เดิม เธอรีบฉวยข้อมือบุตรสาวมากำไว้แน่นๆ เบิกตามองหน้าชายตัวใหญ่ด้วยแววตาเกรี้ยวกราด
กุมภาแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นแววตาเรืองรองของลีนา
เขาย่อตัวลงนั่งบนส้นรองเท้า “ลาลิยังไม่ได้ไปเที่ยวที่สวนดอกไม้ของลุงเลย จะรีบกลับแล้วเหรอคะ”
“ลาลิไม่ได้อยากรีบกลับหรอกค่ะ แต่แม่ขา” เด็กสาวตอบเสียงอ่อย แววตาออดอ้อนจนกุมภาชอบใจ
“นั่นสิ มาทั้งที ยังไม่ได้เที่ยวจะรีบกลับทำไม บ้านไม่หนีไปไหนหรอก หรือว่าที่บ้านมีใครรออยู่หรือไงคะ” กุมภาถือโอกาสล้วงความลับจากเด็กหญิงเสียเลย
“ไม่มีใครรอหรอกค่ะ แม่ขามีแต่งาน”
“งั้นดีเลย ไปเที่ยวที่สวนของลุงก่อนดีกว่า มีดอกไม้สวยๆ แถมมีขนมอร่อยๆ เยอะแยะด้วยนะ”
การหลอกล่อเด็กไร้เดียงสาไม่ยาก แต่คนโตกว่านี่สิคงกล่อมลำบาก ท่าทางขึงขังแบบนั้นคงไม่คล้อยตามง่ายๆ
“ลาลิอยากไปค่ะ แต่แม่ขาคงไม่ยอม”
“ลุงจะคุยกับแม่ขาของลาลิเอง ขอเวลาแปบนึงได้ไหมคะ” กุมภาสัญญา ก่อนจะยืดตัวยืนตรง ลาลิตาเงยหน้ามองมารดา ลีนาเลยพยักหน้าให้ เธอเองก็ไม่ต้องการพูดอะไรต่อหน้าลูก ลาลิตาเป็นเด็กฉลาด มีหรือจะไม่สงสัยหากสะกิดใจบางอย่าง
พอลาลิตาเดินห่างออกไปสักหน่อย “คุณต้องการอะไรกันแน่คะ” ลีนากัดฟันถาม
“ผมบอกตรงๆ เกรงว่าเธอจะสติแตกไปก่อนน่ะสิ” กุมภาตอบเสียงเรียบ แววตาเขาลุกโพลงจนลีนาผวา...เธอเม้มปาก เผลอเดินถอยหลังหนึ่งก้าว เมื่อก่อนเธอเกรงกลัวเขายังไง ปัจจุบันก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม
“คุณทำแบบนี้ไม่กลัวว่าจะผิดใจกับไอรีนเหรอคะ” ลีนาข่มความกลัวพูดดักทางไว้ก่อน
“ถ้าผมกลัว ผมคงไม่มา” กุมภาตอบเสียงเรียบเหมือนเดิม
“ฉันไม่อยากให้ตัวเองเป็นตัวการทำลายความสัมพันธ์ของคุณกับไอรีนค่ะ เลยอยากจากไปเงียบๆ คุณปล่อยฉันไปเถอะค่ะ”
ใช้ไม้แข็งกับคนคนนี้ไม่มีทางได้ผล ลีนาเลยเปลี่ยนวิธี ไหนๆ เธอก็หนีเข้าไม่พ้นแล้วนี่
“เธอกับผมมีเรื่องที่ต้องตกลงกันก่อน หลังจากนั้น ผมจะปล่อยเธอไป” กุมภามองสบตาลีนา เขายิ้มมุมปากแบบเป็นต่อ
“พูดมาได้เลยค่ะ ฉันอยากไปจากที่นี่แล้ว”
“เรื่องลาลิ...” พอกุมภาเกริ่น ลีนากลับเป็นฝ่านทนไม่ได้ เธอยกมือขึ้นโบกไปมา สีหน้าเผือดซีดลงเรื่อยๆ
“หยุดค่ะ หยุดเลย ไม่เกี่ยวกับลาลิ ลาลิเป็นลูกของฉันคนเดียว”
กุมภาเงยหน้าหัวเราะเสียงก้อง จนแม้แต่ลาลิตายังหันมามองด้วยความสนใจ รวมถึงคนอื่นๆ ที่ยังยืนอยู่ไม่ไกลจุดที่กุมภากับลีนายืนอยู่ด้วย เธอหมุนมองไปรอบๆ ตัวรู้สึกระแวงสายตาสอดรู้ของคนเหล่านั้น จนเริ่มโกรธผู้ชายตรงหน้านิดๆ