บทที่2.ความบังเอิญแสนโหดร้าย
“สนุกไหมคะ ครั้งหน้ามาอยู่กับยายหลายๆ วันหน่อยสิลาลิ” มารดาของไอรีนตกหลุมรักลาลิตาเหมือนผู้ใหญ่ใจดีรายอื่นๆ ที่ได้ทำความรู้จักกับเด็กหญิงฉลาดคนนี้
“แม่ขางานยุ่งค่ะแทบไม่มีเวลาพักเลย” ลาลิตาตอบผู้ใหญ่เสียงอ่อย
“ความจริง ยายก็อยากให้แม่ขาของลาลิมาอยู่ด้วยกันที่นี่เลย งานน่ะมีให้ทำหลายที่ ลองประเหลาะแม่ขาของลาลิดูสิ เผื่อแม่ขาอาจจะเปลี่ยนใจ” เสียงกระซิบกระซาบลอยตามลมมาเข้าหูสองสาวที่นอนมองท้องฟ้าตอนกลางคืนเข้าพอดี
“แม่ฉันไม่ใคร่ถูกใจเด็กที่ไหนง่ายๆ นะยัยลีนา แต่เพราะลาลิน่ะน่าเอ็นดู หากฉันเด็กกว่านี้หน่อย ฉันคงไม่ชอบเหมือนกัน ฉันกลัวแม่ฉันยกมรดกส่วนของฉันให้ยัยลาลิหมด”
ลีนายิ้มกว้าง ความเมตตาแบบนี้ลาลิตาไม่เคยได้จากครอบครัวตนเอง ทันทีที่เรื่องอัปยศถถูกเผยแพร่ออกไป บิดาก็เฉดหัวเธออกจากบ้าน ส่วนแม่เลี้ยงกับน้องสาวต่างบิดาของเธอนั่นเหรอ...ผสมโรงช่วยใส่ไฟจนลีนาไม่มีที่ยืนในบ้านตัวเอง เธอถูกตัดขาดจากครอบครัว ทั้งๆ ที่ไม่มีทางไปแท้ๆ
“ขอบคุณนะไอรีน” เสียงสั่นๆ น้ำตาซึม
ไอรีนเอียงคอมอง “ลองคิดใหม่อีกครั้งไม่ได้เหรอ มาอยู่ที่นี่ ช่วยฉันทำงานดีกว่า ลาลิจะได้สุขภาพจิตดีขึ้น”
ลีนาเลี้ยงดูลาลิตาได้อย่างดีไม่มีข้อติก็จริง แต่องค์ประกอบหลายๆ อย่างก็ไม่ได้สมบูรณ์เท่าไหร่นัก เด็กกำลังโตต้องทนอุดอู้อยู่แต่ในห้องสี่หลี่ยมแคบๆ ถึงจะมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันก็จริง คงสู้บ้านที่มีพื้นที่ให้วิ่งเล่นไม่ได้หรอก อากาศดีๆ แบบนี้หาไม่ได้ในเมืองใหญ่เช่นกัน
“ฉันจะลองกลับไปคิดดูนะ”
ทุกการตัดสินใจลีนาอิงลูกเป็นหลัก เมื่อก่อนเธออาจตัดสินใจได้ในทันที แต่ตอนนี้เหตุการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ไอรีนกำลังจะสร้างครอบครัว ลีนาไม่อยากเอาปมของตัวเองมาพัวพันให้ครอบครัวใหม่ของเพื่อนมีปัญหา
“สำหรับฉัน...แกกับลาลิสำคัญที่สุด” ไอรีนย้ำ
วันพักผ่อนสบายๆ สิ้นสุดลง ความวุ่นวายเริ่มต้นขึ้นทันทีที่แสงสีส้มโผล่พ้นทิวไม้ เสียงเอะอะผสมเสียงหัวเราะ เสียงผู้คนที่ตบเท้าเดินเข้ามาในบริเวณบ้านปลุกให้ลีนาลืมตาโพลง เธอขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เอื้อมมือรั้งผ้าห่มผืนใหญ่ที่ร่นลงไปต่ำกว่าอกของบุตรสาวให้กลับขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งเดิม แล้วจึงค่อยๆ ขยับลงจากเตียงเพื่อจัดการทำความสะอาดตัวเองคร่าวๆ
อากาศยามเช้ายังคงเย็นจัด ลีนาห่อหัวไหล่รีบกระชับเสื้อคลุมให้แนบลำตัวมากขึ้น ตอนที่เดินลงจากบันไดกลางบ้านลงมาที่ชั้นล่าง
“คุณลีนามาพอดี ดอกไม้มาส่งแล้วค่ะ” ดอกไม้ตะกร้าใหญ่ๆ วางแอบอยู่มุมห้องส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล
“ยัยไอละคะป้า” เธอถามหาเพื่อนสนิท
“ถูกลากไปแต่งตัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่เปิดเลยค่ะ” คนตอบตอบแล้วก็ยิ้ม
“งั้นลีนาลงมือเลยนะคะ” ความจริงระดับไอรีนสามารถสั่งโรมแรมดังๆ จัดซุ้มดอกไม้ได้ แต่เพราะรู้ดีว่าไม่มีใครรู้ใจตนเองดีเท่ากับลีนา ไอรีนไม่อยากอารมณ์เสียตั้งแต่พิธีหมั้นยังไม่เริ่ม เลยยกหน้าที่จัดดอกไม้ให้ลีนารับผิดชอบ เพราะแน่ใจว่าฝีมือของลีนาไม่มีทางทำให้ตนเองผิดหวัง
ไอรีนส่งผู้ช่วยมาช่วยลีนาสามคนด้วยกัน ซุ้มดอกไม้เลยถูกเนรมิตขึ้นในเวลาไม่นาน เสียงชมเปราะทุกครั้งที่มีใครสักคนเดินผ่าน พลอยทำให้ลีนายิ้มออก
“ฝีมือแบบนี้ รับงานได้สบายๆ เลยนะคะคุณลีนา”
“นั่นสิคะ สวยคิดว่าตัวเองอยู่ในสวนสวรรค์เลยนะคะ”
“ต้องยกความดีความชอบให้ดอกไม้ค่ะ ทั้งสดแล้วก็สวยแบบไม่มีที่ติเลย” ลีนาแย้ง ดอกไม้สดดอกใหญ่ ก้านแข็งแรงช่วยออมแรงเธอได้เป็นอย่างมาก
“ดอกไม้จากสวนกุมพันธุ์ทั้งนั้นเลยค่ะไม่สวยได้ยังไงคะ เกรดส่งออกการันตีเลยนะคะ”
ลีนาสะดุด แต่ก็รีบปัดทิ้ง แค่ชื่อคล้ายๆ เท่านั้น เล่นเอามือไม้เธออ่อนแรงลงเลย
“ลีนาขอตัวไปปลุกลูกแต่งตัวก่อนนะคะ” หลังสำรวจความเรียบร้อยจนไม่เห็นข้อผิดพลาด ลีนาเลยขอตัวไปเตรียมแต่งตัวให้ลาลิตา วันนี้บุตรสาวเธอแทบจะเป็นตัวเด่นๆ พอๆ กับแม่งานอย่างไอรีนเลยนี่นา
“ดีนะที่เตรียมงานไว้เนิ่นๆ ไม่อย่างนั้นวันนี้คงหัวปั่น” บุตรสาวคนเดียวของเศรษฐีหมั้นกับบุตรชายตระกูลเศรษฐีเก่าทั้งที มีเหรอจะไม่ดังกระหึ่มทั้งเมือง ผู้หลักผู้ใหญ่ทยอยตบเท้ามาเป็นแขกผู้มีเกียรติตั้งแต่เช้าตรู่ คนงานกว่าร้อยชีวิตยุ่งจนหัวหมุน ลีนาเดินเลยไปที่ห้องแต่งตัวของเพื่อนเผื่อแวะชมความอลังการของชุดหมั้นที่สั่งตรงมาจากดีไซน์เนอร์ชื่อดัง
“ว้าว...สวยจังเลยไอ พอแต่งแล้วสวยกว่าในแมกกาซีนอีก” ลีนาชมเปราะ ไอรีนแต่งหน้า ทำผม สวมชุดหรูหราเรียบร้อยแล้ว
“แหง๋สิ ชุดนี้ขนหน้าแข้งล่วงเลยนะแก ถ้ารู้ราคา” ไอรีนตอบยิ้มๆ เอียงคอมองตัวเองผ่านกระจกด้วยแววตาพึงพอใจ
“อย่าได้ปริปากบอกฉันเลยนะ ฉันเสียดาย” ลีนายกมือห้าม
“ไปตามยัยลาลิมาเถอะ ฉันเรียบร้อยแล้ว แกล่ะ แต่งหน้าสักนิดไหม?” ไอรีนหันมาถามก่อนที่ลีนาจะเดินพ้นประตูห้อง
“ไม่ล่ะ ฉันอยู่ในครัวทั้งวัน คงไม่เหมาะหรอกหากจะแต่งสวย”
“แล้วใครใช้ให้แกไปหมกอยู่ในครัวล่ะ ฉันให้แกมาเป็นเพื่อนฉันนะ ไม่ได้ใช้ให้มาคุมคนงาน”
“เอาน่า อย่าบ่นเลย ถือว่าให้ฉันทดลองงานก็แล้วกัน หากไม่เหนือบ่ากว่าแรงนัก ฉันจะลองทบทวนใหม่” ลีนาตอบพร้อมกับยิ้ม
“อย่ามาหลอกกันนะลีนา ฉันเอาจริง”
“อืม ไม่หรอก...ฉันคิดดีแล้ว เพื่อลาลิ” เธอต่อสู้อยู่ในเมืองมาหลายปีแล้ว คงถึงเวลาพักเหนื่อยสักที บางทีที่นี่ อาจทำให้เธอลืมใครบางคนได้สนิทเสียที
“ฉันไปบอกแม่ดีกว่า กันแกเปลี่ยนใจ” ไอรีนหอบชายสไบทำท่าจะพาดไว้บนบ่า จนลีนาต้องร้องห้ามเสียงหลง
“แกจะบ้าเหรอไอ เดี๋ยวชุดยับหมด ฉันไม่โกหกแกหรอก เพื่อลาลิ ฉันทบทวนดีแล้ว”
“ดีมาก ฉันจะได้หมดห่วงสักที”
ไอรีนทำตัวประหนึ่งเป็นพี่สาวลีนา ช่วยประคับประคองเพื่อนคนนี้ ตั้งแต่วันที่ฟ้าถล่ม ถึงไม่มีครอบครัวแต่ก็ยังมีเพื่อนคนนี้อยู่ไม่ห่าง นอกจากลาลิตาแล้ว ไอรีนถือเป็นคนสำคัญคนหนึ่งที่ลีนาไม่มีทางลืมเลือน
“คุณกุมมาหรือยังคะ?” ก่อนที่ลีนาจะเดินพ้นประตู เสียงของไอรีนก็ตรึงฝ่าเท้าของเธอไว้อีกครั้ง เรียวคิ้วโก่งขมวดแน่น พร้อมกลั้นใจฟังคำตอบของอีกฝ่าย
โลกคงไม่กลมถึงขนาดนี้หรอกมั้ง...ลีนาพยายามปลอบใจตนเอง เธอแทบไม่รู้จักผู้ชายที่เป็นว่าที่สามีของไอรีนเลย คงเพราะช่วงนั้นงานยุ่งติดพันหลายเรื่อง พอมีโอกาส ก็กลายเป็นว่าไอรีนยุ่งไม่ต่างอะไรกับเธอ ข่าวดีของเพื่อนมาในเวลากะทันหันด้วย จนบัดนี้...ผู้ชายที่กำลังจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเพื่อนชื่ออะไร ลีนายังไม่รู้เลย
“น่าจะมาแล้วนะคะ...”
ลีนาเลยไม่ได้รายละเอียดอะไรมากไปกว่าที่ได้ยิน เธอสะเพร่าได้ยังไงนะ ไม่เคยแม้แต่จะถามชื่อแซ่ของชายผู้นั้นจากเพื่อนเลย
เวลากระชั้นจนลีนาไม่มีเวลาสนใจเรื่องที่ค้างอยู่ในใจ หลังแต่งตัวบุตรสาวเสร็จเรียบร้อย ก็รีบเข้าไปดูแลจัดการงานด้านหลัง อาหารจากโรงแรมทยอยนำมาส่ง ต้องจัดเตรียมภาชนะให้ และแจงหน้าที่ให้กับคนงานหลายรายที่มีหน้าที่เสิร์ฟ ลีนายุ่งจนหน้ามันหัวฟู พอมีเวลาว่างนิดหน่อย เลยแอบแว๊บออกไปดูด้านหน้า เธอกลัวว่าลาลิตาจะสร้างปัญหาให้เพื่อนขายขี้หน้า
ลูกสาวจอมแก่นของเธอยิ้มหน้าแป้นอยู่ใกล้ๆ บิดา มารดาของไอรีน ช่วงเวลาสำคัญคงผ่านไปเรียบร้อยแล้ว บรรยากาศงานผ่อนคลายและครึกครื้นเป็นกันเอง ลีนาเลยถอยหลังเตรียมกลับเข้าไปด้านหลังเหมือนเดิม แต่แล้วหางตาของเธอก็สะดุดเข้ากับใครบางคนที่ทำให้ขนหลังทายทอยลุกตั้งชัน
นิ้วมือเธอเกร็งจิกเนื้อตรงอุ้งมือ ดวงตาค่อยๆ ขยายกว้าง มุมปากล่างอ้าค้างอยู่หลายนาที