รั่วอิงอ้าปากค้าง ก่อนจะก้มหน้าลงต่ำ หยาดน้ำตาร่วงเผาะลงบนหลังมือราวกับทำนบกั้นน้ำพังทลาย
“ขะ...ข้ายอมเป็นนางบำเรอให้กับคุณชายเจ้าค่ะ ขอแค่คุณชายเมตตาไม่ขายข้าให้เป็นทาส”
“เด็กโง่! หยุดร้องไห้เสียเถอะ”
เขาใช้ปลายนิ้วเกลี่ยหยาดน้ำตาอาบบนแก้มอิ่มอย่างแผ่วเบา ก่อนจะบรรจงจดริมฝีปากประทับลงบนแก้มนวลเนิ่นนาน
“ข้าอยากได้เจ้าเป็นภรรยา ไม่ได้อยากได้นางบำเรอ เข้าใจคำว่าภรรยาหรือไม่ ภรรยาที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างข้าไม่ว่าทุกข์หรือสุข มีบุตรให้กับข้า ปกครองบ้านเรือนแทนข้า ใช้ชีวิตร่วมกับข้าไปจนแก่เฒ่าด้วยกัน”
รั่วอิงอ้าปากค้างมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ข้าไม่ได้เร่งรัดเจ้าหรอกนะอิงเอ๋อร์ ข้ายังต้องเดินทางค้าขายเครื่องชามดินเผาไปยังแคว้นฮุยผิงและซื้อพวกเครื่องเทศและสมุนไพรหายากกลับไปยังเมืองหนันหนิง รวมระยะเวลาเดินทางกว่าสามเดือน ระหว่างนี้เจ้ายังพอมีเวลาที่จะตัดสินใจ”
“ข้าตกลง!”
ถิงเว่ยเป็นฝ่ายอ้าปากค้างเสียงเองเมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนจะหัวเราะร่วนเมื่อเห็นอีกฝ่ายยื่นมือมาเกาะแขนเขาราวกับลูงลิง เขาเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เปลี่ยนใจไม่ได้แล้วนะ”
“เจ้าค่ะ”
รั่วอิงยืนยันด้วยน้ำเสียงชัดแจ๋ว บ่งบอกถึงความมั่นใจและไม่มีความลังเลในแววตาแม้แต่น้อย
“มะ...มันอาจจะดูเร็วไปหน่อยจนเหมือนข้าเป็นหญิงใจง่าย แต่ข้าไม่เคยรู้สึกใจเต้นแรงกับชายใดนอกจากท่าน ก่อนหน้านี้มีชายหนุ่มในหมู่บ้านเคยเข้ามาพูดคุยกับข้าหลายคน หรือแม้แต่ตอนที่ข้าไปขายผักที่ตลาดก็มีเหล่าพ่อค้าชายมาพูดคุยเกี้ยวพา แต่ข้าไม่เคยหัวใจเต้นแรงกับใครเลยเจ้าค่ะ”
หญิงสาวสารภาพด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มพลางก้มหน้าลงมองมือตนเองที่บิดไปมาด้วยความเขินอาย
“ข้าเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับเจ้า ข้าไม่เคยหัวใจเต้นแรงกับหญิงใดมาก่อนจนได้มาพบเจ้า เราต่างมีใจตรงกัน แต่ถึงอย่างไรระหว่างสามเดือนนี้ เราทั้งสองจะได้ศึกษานิสัยใจคอของกันและกันให้มากยิ่งขึ้น เมื่อกลับไปที่จวนสกุลเหวินเมื่อไหร่แล้วเจ้ายังรู้สึกกับข้าเฉกเช่นในวันนี้ ข้าก็จะรับเจ้าเป็นภรรยา”
รั่วอิงพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ
“ข้าขอกอดคุณชายได้มั้ยเจ้าคะ”
“ได้สิ เจ้าจะกอดข้ามากเท่าไหร่ก็ย่อมได้ จะกอดเมื่อไหร่ก็ย่อมได้”
พูดพลางกางสองแขนออกกว้าง รองรับร่างเล็กที่โผเข้ามากอดเขาเอาไว้แน่น ทั้งสองต่างกอดกันด้วยความรู้สึกที่เป็นหนึ่งเดียว
บางครั้งรักก็ไม่ได้ต้องการเวลา แค่ต้องการคนที่ใช่ของกันและกันเท่านั้น เมื่อหากันจนพบแล้วก็ไม่จำเป็นต้องรีรอเก็บงำความรู้สึก ยิ่งเปิดเผยหัวใจเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งเริ่มต้นสานสัมพันธ์ได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น
สามเดือนรอนแรมราวกับผ่านไปเพียงราตรีเดียว...
ทุกคืนวันขอเพียงได้พบหน้านาง ได้กินข้าวร่วมกับนาง ได้เคียงข้างจับจูงมือน้อยๆ ของนางเดินทางไปทุกแห่งหนล้วนสร้างความสุขให้กับคุณชายหกอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน
บ่าวไพร่กว่าหนึ่งร้อยคนที่ร่วมเดินทางในกองคาราวานขนาดใหญ่ ต่างพร้อมใจกันเรียกหญิงสาวผู้มาใหม่นี้ว่า ‘นายหญิง’ ด้วยความสมัครใจ
เพราะการวางตัวที่เรียบง่าย กินง่าย อยู่ง่าย และมักยิ้มแย้มปราศัยช่วยเหลืองานของทุกคนด้วยความเอื้ออารี ไม่มีท่าทางถือยศถืออย่าง ไม่แบ่งชนชั้นฐานะสูงต่ำ ทำให้นางยิ่งเป็นที่รักของทุกๆ คน
วันนี้เหวินถิงเว่ยจะพานางเหยียบย่างเข้าสู่สกุลเหวิน เพื่อแนะนำรั่วอิงให้บิดาและมารดารู้จัก แน่นอนว่าเขามั่นใจเสียยิ่งกว่ามั่นใจ ว่านางคือคนที่หัวใจของเขาเฝ้ารอมากว่ายี่สิบสองปี นางเท่านั้นที่จะเป็นภรรยาคู่ชีวิต
สามเดือนที่ผ่านมานี้ไม่เคยมีสักชั่วขณะจิตที่เขาคิดจะเปลี่ยนใจ มีแต่ยิ่งรักนางมากขึ้น มากขึ้น มากขึ้นจนล้นออกมาท่วมท้นหัวใจ
“ท่านพี่”
เสียงเรียกของคนตัวเล็กข้างกายเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นจนเขาถึงกับต้องกุมมือนางให้แนบแน่นขึ้นไปอีก ก่อนจะก้มลงจุมพิตแผ่วเบาที่หน้าผากมนราวกับเป็นการให้กำลังใจ
เจิ้งรั่วอิงแหงนมองป้ายสีดำตัวอักษรสีทองขนาดใหญ่บนหน้าบันประตูที่โอ่อ่าด้วยความรู้สึกหลากหลาย นางอ่านตัวหนังสือเหล่านั้นไม่ออก แต่ก็พอจะเดาได้ว่านี่คงเป็นป้ายสกุลเหวินนั่นเอง
“บิดาของข้าเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในเมืองนี้ ท่านปลดประจำการมาได้หลายปีแล้ว แต่ยังเป็นที่ปรึกษาให้ขุนนางชั้นผู้น้อยเสมอๆ จวนของข้าจึงมักมีขุนนางน้อยใหญ่เดินเข้าออกไม่ขาด ส่วนมารดาของข้านั้นเป็นคุณหนูใหญ่จากตระกูลขุนนางเช่นกัน ท่านเป็นคนเจ้าระเบียบ ชอบความสะอาด และมักจะขี้บ่นจู้จี้จุกจิก บางครั้งก็ชอบบงการชีวิตของลูกๆ เจ้าอาจจะต้องพบเจอกับความหนักใจจากมารดาของข้าบ้าง หากเจ้าทนไม่ไหวหรือรู้สึกว่าสิ่งที่มารดาของข้ากระทำต่อเจ้าไม่ยุติธรรม ขอให้บอกข้าทันทีอย่าได้เก็บงำเอาไว้จนทำให้เจ้าต้องบอบช้ำทั้งกายและใจ เพราะหากข้าปกป้องเจ้าไม่ได้ ข้าจะรู้สึกเสียใจมาก”
แม้จะเคยเล่าเรื่องราวของคนในตระกูลเหวินในนางฟังไปแล้วระหว่างการเดินทาง แต่เขาก็เลือกที่จะย้ำอีกครั้งเพื่อให้นางได้ทบทวนและมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
“เจ้าค่ะท่านพี่”
นางพยักหน้าหงึกๆ พยายามจดจำรายละเอียดของคนตระกูลเหวินให้ได้มากที่สุด เท่าที่สมองอับทึบของนางจะจำได้