“นายคิดจะทำอะไร” น้ำเสียงเข้มขึ้นเช่นเดียวกัน
“ผมไม่ชอบการถูกเอาเปรียบ”
“เหรอ... นายคิดว่าฉันชอบเหรอที่นาย...” หญิงสาวไม่สามารถโพล่งออกมาได้จบประโยคอีกครั้ง เพราะใบหน้าของเธอเกิดร้อนผ่าวด้วยเลือดฝาดสาวเสียก่อนนั่นเอง
“ผมทำอะไร” เสียงเข้ม สีหน้าสงบนิ่ง
“นายบังอาจมากกับฉัน” เธอแค่นเสียง
“ผมทำอะไร...คุณหนูยังตอบไม่ได้เลย เพราะงั้น...คุณหนูต้องจ่ายค่าแรงผม และผมยังเป็นคนงานที่นี่เหมือนเดิม”
“ฉันไม่ให้!”
“คุณหนูคิดว่าทำแบบนี้จะไล่ผมได้เหรอ ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น”
สบตาเขม็ง นั่นคือการท้าทาย ที่คนอย่างนภาเพ็ญคงไม่ยินยอมง่าย ๆ
“ก็ตามใจ!”
บ้านพักคนงานเย็นนี้ คงไม่แตกต่างจากวันก่อน ๆ คนงานจับกลุ่มดื่มกิน มันเป็นการพักผ่อนที่สิ้นเปลืองอยู่ไม่น้อย
“เฮ้ย ไอ้สุด มากินด้วยกันซีวะ อย่าคิดมากน่า กูว่าคุณหนูคงไม่พอใจอะไรซักอย่างนั่นแหละ แต่ก็ดีแล้วที่เขายังไม่ได้ไล่มึงออก”
“ไม่ใช่ คุณหนูไล่ผมออกแล้ว”
“อ้าว”
“แต่ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“ใจมึงมันได้ว่ะ กูยอมมึงเลย ว่าแต่...ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้วะ ก็เห็นมึงขับรถให้นี่หว่า ตอนแรกพวกกูยังนึกอิจฉาว่า คุณหนูคงแอบชอบมึงเข้าให้แล้ว ไอ้สุด”
สุดเทพส่ายหน้าไปมา “ไม่รู้เหมือนกัน”
“มึงไม่ได้ทำอะไรแน่นะ”
“ครับ ผมจะทำอะไรได้ล่ะ”
“ไม่แน่โว้ย มึงนี่มันงูดินกินลึกเหมือนกัน”
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง”
“เฮ้ย ๆ ๆ กูพูดเล่น พูดเล่นไม่ได้หรือไงวะ ทำไมอารมณ์มึงรุนแรงจังวะ”
เขาถอนใจยาว “ผมขอโทษ”
“ช่างมันเถอะ มากินเหล้ากัน ถ้าคุณหนูไม่จ่ายเงิน มึงก็อยู่ยาก แต่ไม่เป็นไร กูชอบนิสัยมึงว่ะไอ้สุด เพราะงั้นเดี๋ยวพวกกูจะหาทางช่วยเอง”
“ช่วย... ยังไง?”
“เผื่อมีงานเข้าแบบรีบ ๆ ที่นี่จำเป็นต้องใช้แรงงานทั้งนั้นแหละว่ะ ส่วนมากมีแต่คนขาด ไอ้คนเกินน่ะไม่ค่อยมีหรอก เพราะงั้นมึงใจเย็น ๆ ไว้ก่อน”
มีคนแอบมอง...และได้ยินทุกการสนทนา!
ร่างเพรียวบางนั้นรีบออกจากที่ซ่อนอย่างรู้สึกโล่งอก นึกดีใจที่เขาคนนั้นจิตใจหนักแน่น และดูมีความเชื่อมั่นในตัวเองค่อนข้างสูงคนหนึ่งเลยทีเดียว...
“แฮ่ม!”
“อุ๊ย ป๊า”
เสี่ยชูศักดิ์มองเห็นการย่องเงียบกริบกลับเข้ามาภายในบ้านของนภาเพ็ญ หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว ท่าทางเหมือนมีพิรุธ
“ตกใจอะไร”
“เปล่าค่ะ นึกว่าป๊าเข้านอนไปแล้ว”
“นอนไม่หลับน่ะ”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมป๊ามองหน้าหนูงี้ล่ะ”
“ชอบใครหรือเปล่า” เสี่ยชูศักดิ์ตัดสินใจถาม “ป๊าอยากรู้จริง ๆ”
“โธ่ป๊า ชอบใครอะไรกันค่ะ หนูไม่เคยคิดเลย แย่จัง ทำไมป๊าคิดว่าหนูกำลังมีเรื่องพวกนี้อยู่ในหัวล่ะ”
“เพราะป๊าผิดสังเกตน่ะสิ อีกอย่าง ป๊าลุ้น ๆ อยู่ว่ามันถึงเวลาเสียทีที่หนูจะต้องมี...คู่”
หน้าแดงเข้ม...
“ไม่หรอกป๊า หนูไม่อยากคิด”
“ทำไมไม่คิด”
“หนู...”
“ผู้หญิงเก่งแค่ไหนก็คือผู้หญิง”
“ป๊าขา อย่าคิดมากเลยค่ะ หนูไม่เห็นจะซีเรียสกับเรื่องนี้ซักหน่อยเลยค่ะ ไปเข้านอนได้แล้วค่ะ”
แท้จริงแล้ว คนที่กำลังว้าวุ่นสับสนไม่ใช่เสี่ยชูศักดิ์หรอก เป็นเธอเองต่างหาก
นภาเพ็ญรู้สึกเหมือนกำลังรุ่มร้อนขึ้นมาอีกครั้ง...เพียงแค่ระลึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อกลางวัน...จูบแรกของเธอ จูบแรกที่กระตุ้นเร้าอารมณ์ของเธอให้ลุกโชนรุนแรง
ลิ้นของเขาที่สอดแทรกเข้ามาในโพรงปาก ลิ้นที่เกี่ยวลิ้นของเธอ
ริมฝีปากที่บดเบียดเข้าหา อารมณ์ตอนนั้น สามารถกระเจิงไปได้อีกยาว...ยอดถันที่กำลังแข็งเป็นไตชูชัน น้ำหล่อลื่นที่กำลังผุดขึ้นมาจนชุ่มผนังช่องทางรัก
ถ้าหากเธอรังเกียจเขาจริง ๆ ไม่ควรจะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องตั้งแต่แรก แม้ว่าหลังเกิดแล้ว เธอจะตบหน้าเขาและออกปากไล่เขาออกจากงาน
แต่ดูตอนนี้สิ กลับมานอนระทดระทวย ครุ่นคิดรุ่มร้อนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว
ถ้าหากเขาไปจากที่นี่จริง ๆ เธอคง...ใจหายมากกว่านี้
นภาเพ็ญกระสับกระส่ายด้วยความคิดที่ฟุ้งซ่านอยู่นานกว่าจะหลับลงได้...
“คุณหนูคิดจะไล่ผมออกเหรอครับ ไม่ง่ายนักหรอก”
เสียงของชายหนุ่ม...
“คุณสุดเทพ”
“ครับ ผมเอง”
“คุณเข้ามาในห้องของฉันได้ยังไง”
“ได้สิครับ คุณหนูไม่ได้ล็อกนี่ครับ”
“คุณจะทำอะไรฉัน”
“ทำในแบบที่คุณหนูชอบไงล่ะครับ”
“ทำอะไร?...จะทำอะไร...”
“คุณหนูชอบให้ผมจูบไม่ใช่เหรอ”
“ไม่นะ...ไม่...ไม่...”
แม้เป็นเพียงความฝันเท่านั้น แต่ทว่า...นภาเพ็ญกลับหวามไหว ซาบซ่าน รู้สึกราวกับถูกกดริมฝีปากนาบเข้าหาจริง ๆ
ร่างงามไหวสะท้าน ทุกเรือนร่างตอบสนองต่อการสัมผัส
รุกเร้าจนกระทั่งน้ำหวานชุ่มฉ่ำเยิ้มกางเกงใน...
หญิงสาวสะดุ้งตื่นเอาในเช้าตรู่...
เธออยากรู้เหมือนกันว่าเขาคนนั้นยังอยู่หรือเปล่า หรือว่าใจเสาะหนีหายไปเรียบร้อยแล้ว
นภาเพ็ญสูดลมเข้าปอดลึก ๆ เหมือนจะเรียกความเชื่อมั่นของตัวเองกลับคืนมา
หญิงสาวเตรียมพร้อมแล้วสำหรับการทำงาน เรื่องอาหารการกินเธอไม่ค่อยรู้เรื่องอยู่แล้ว คุณแม่ของเธอ...ยังเป็นตัวช่วยในเรื่องนี้เหมือนเดิม
คุณแม่ของนภาเพ็ญ เป็นคนไทยแท้ ๆ ไม่ได้มีนิสัยชอบเรื่องการค้าการขายเท่าไรนัก แต่เสน่ห์มัดใจป๊าของเธอก็เรื่องเสน่ห์ปลายจวักนี่เอง
“ได้ยินว่ากำลังมีเรื่องอะไรไม่สบายใจใช่หรือเปล่าลูก”
ปกติ มารดาไม่ค่อยเข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของเธอนัก จนกระทั่งเช้านี้ แสดงว่าป๊าได้เล่าถึงความผิดปกติของเธอให้นางรู้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วละมั้ง
“เปล่านี่คะ เรียบร้อยดี ทำไมถามงี้ล่ะคะ”
หญิงสาวเข้าไปโอบกอดมารดา