หลังจากเที่ยวอเมริกาแล้วไม่ได้อะไรติดมือกลับมาเลยนอกจากของฝากเพื่อน พอมาถึงหญิงสาวก็นัดเพื่อนมาเจอกันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นในโรงแรมเดอะวนาซึ่งเป็นสถานที่รวมพลของเพื่อนแก๊งบัญชีของเธอ แบงก์ไม่ได้มาด้วยวันนี้จึงมีแค่วีน่า ปานมาศ รินะ และมนัสวีร์ เพื่อนนอกกลุ่มอย่างหมอรมิดา และผู้จัดการดาราอย่างวาริษาที่เพิ่งมารวมกลุ่มกันนั้นมีธุระกับสามีเลยมาพบกันไม่ได้
พอเจอหน้าเพื่อนสาว มนัสวีร์ก็ได้รับการปลอบโยน ไม่มีใครซ้ำเติมเธอเลยเพราะแค่ต้องตัวคนเดียวยามเพื่อนๆ รวมกลุ่มแก๊งสามีกันแค่นั้นเธอก็น่าสงสารพออยู่แล้ว ความหมั่นไส้ใดๆ ที่เพื่อนเคยมีให้ได้รับการให้อภัยในตอนนี้เพราะเธอไม่มีผัว ก็ถือว่าในข้อร้ายก็มีข้อดีเหมือนกัน
“พวกแก ฉันได้แต่ของนะ ไม่ได้คนติดมือมา” มนัสวีร์บอกในตอนที่วางถุงของฝากให้เพื่อนแต่ละคนแล้วทิ้งตัวลงนั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อนๆ
“เอาน่าแก พวกเราจะช่วยกันให้เต็มที่อีกครั้งหนึ่ง เดี๋ยวฉันจะลองสแกนหาเพื่อนของสามีมาแนะนำแกเพิ่ม” วีน่าว่า
“ขอสายฝ. นะเจ๊” มนัสวีร์ยังยืนยันคำเดิม
แต่สิ่งที่เธอขอนั้นทำให้เพื่อนหลายคนกุมขมับ มีคนสนใจมนัสวีร์ไม่น้อย แต่ติดที่เขาเหล่านั้นต่างเป็นหนุ่มไทย หนุ่มลูกครึ่งฝั่งเอเชีย ไม่มีใครเข้าข่ายสายฝ. สักคน
“สายตี๋ไม่ได้เหรอวะมิงค์ สายฝ. รอบตัวนี่ไม่มีเลยว่ะ มีแต่ผัวฉันซึ่งฉันก็ยกให้แกไม่ได้” ปานมาศผู้มีสามีเป็นหนุ่มลูกครึ่งที่ครั้งหนึ่งเพื่อนในกลุ่มต่างหมายปองเขา แต่พอปานมาศได้ชายคนนี้ไปแล้วย่อมหมายถึงพูดอะไรก็ผิดเพราะโดนหมั่นไส้ที่ได้ผัวทิพย์ของกลุ่มไปครอบครอง
“หมั่นไส้ยัยปานว่ะ เอ่ยประโยคแสดงความเห็นใจยังไงให้อวดผัวไปด้วยในตัวได้” รินะโอบไหล่มนัสวีร์เพื่อปลอบ
“ขอโทษๆ” ปานมาศว่า รู้ว่าเพื่อนเล่นกันเฉยๆ แต่ก็ยอมลงให้เพราะเห็นใจมนัสวีร์ที่ยังโสด ปานมาศเลยงดการอวดผัวกับเพื่อนในกลุ่มลง
“แต่จำได้ไหม ว่าแม่หมอของเราเคยบอกว่ายัยมิงค์มีผัวแน่นอน แสดงว่าสายฝ. ที่รออยู่ต้องซ่อนตัวอยู่ในมุมใดมุมหนึ่ง” วีน่าว่า “เราลองหาเพิ่มดูว่าพอจะมีใครไหม”
แม้วีน่าจะบอกอย่างนั้นแต่เพื่อนๆ ต่างก็เงียบกริบ เพราะลองเฟ้นหาแล้ว ไม่มีโอเคสักคน ขนาดว่าเรียนอินเตอร์กันมายังหาเพื่อนมาแนะนำให้ยัยมิงค์ไม่ได้เลย
“หรือว่าสายฝ. คนนั้นจะไม่ได้มาจากพวกเรา” รินะว่า
“ไม่รู้สิ ไว้คอยดู เดี๋ยวก็รู้ ดวงพวกแกแม่นทุกคน ดวงฉันสวมชุดแต่งงานก็คงต้องมาเหมือนกัน เราเปลี่ยนเรื่องกันเถอะ มาฟังฉันเมาท์ความดีของผัวแบงก์ให้พวกแกฟังหน่อย รู้ไหม สองคนนั้นทำให้ฉันอยากมีความรักขนาดไหน”
มนัสวีร์ชวนเพื่อนเปลี่ยนเรื่องคุย แต่กระนั้นความคิดเห็นของรินะก็จุดประกายให้สาวโสดคนสุดท้ายของกลุ่มคิดว่าใครคนนั้นมีอยู่จริง ไม่ต้องตามหา เมื่อไหร่จะมาเขาก็คงมาเอง และเขาคงมาแน่ เพราะแม่หมอได้ทำนายดวงเอาไว้แล้ว!
“อ๊ะ ยัยแหวนโทรมา” ระหว่างที่กำลังเมาท์กันอยู่ วาริษาก็โทรเข้ามา มนัสวีร์รับสายเพื่อนสาวด้วยความสงสัย ตอนชวนมากินข้าวด้วยกันวาริษาบอกว่าอยู่มัลดีฟส์กับผู้ชายแล้วรีบวางสายไป แต่นี่เจ้าตัวโทรมาอีกคงมีเรื่องสำคัญแล้วพอได้คุยกัน มนัสวีร์ก็รู้ว่าเธอเดาไม่ผิดเลย
“มีอะไรเหรอมิงค์ ทำไมทำหน้าแบบนั้น” วีน่าถาม
หลังจากนั้นกลุ่มแชตของพวกเธอก็เด้งขึ้น วาริษาส่งภาพและเนื้อข่าวจากเพจเม้ามอยดารามาให้ดูว่าสื่อบันเทิงกำลังสนใจข่าวนี้มาก
เนื้อหาข่าวคือภาพที่มนัสวีร์นั่งคุยกับเรแกนอย่างสนิทสนมที่หน้าบาร์ในโรงแรมหรูที่อเมริกา หมอนั่นมีข่าวโยงใยเกี่ยวกับการโกงเงินคดีระดับชาติ มีข่าวเกี่ยวกับยาเสพติด และเว็บพนัน และมีโครงข่ายในไทยด้วย ซึ่งโครงข่ายที่กำลังจะโดนเล่นข่าวด้วยคือครอบครัวมนัสวีร์!
“ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาเลย มันเป็นข่าวออกมาได้ยังไง แล้วทำไมจงใจถ่ายแค่รูปฉันกับเขา แบงก์ก็อยู่ด้วยนะ” มนัสวีร์ว่า สีหน้าของเธอเคร่งเครียดขึ้นมา
“อาจจะเป็นเพราะแบงก์ไม่ได้เป็นที่รู้จักในสังคมเท่าแก” ปานมาศบอก
ทุกคนเหมือนจะเห็นด้วย เพราะบิดาของมนัสวีร์เป็นพระเอกรุ่นเก่าที่โด่งดัง เขาผันตัวมาทำคลินิกเสริมความงามและข้องเกี่ยวอยู่ในแวดวงบันเทิง ส่วนมนัสวีร์เคยเป็นดาราเด็กที่ได้รับบทในละครที่ผู้คนจดจำได้ แม้จะเติบโตมาใช้ชีวิตห่างจากวงการบันเทิง แต่ถ้าข่าวเขียนว่าเป็นลูกใคร และเคยเล่นละครอะไร คนครึ่งค่อนประเทศต้องรู้จัก
แน่นอนว่าข่าวเสียหายนี้แพร่ออกไป มันต้องเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศและเสียหายกระทบวงกว้างเพราะข่าวเรื่องฟอกเงินค่อนข้างเป็นที่จับตามองของสังคมในตอนนี้ พวกเธออาจจะโดนสังคมเข้าใจผิดแล้วธุรกิจครอบครัวได้รับผลกระทบหนักแน่นอน
“เพจอื่นเริ่มแชร์กันแล้ว” รินะอ่านข้อความจากสามีที่ส่งข่าวมาถามเพราะเขาจำได้ว่าเป็นเพื่อนเธอ
มนัสวีร์กุมขมับ
“หัวจะปวด ฉันแค่ไปหาผัว ทำไมฉันได้แค่ความฉิบหายกลับมา... ทำไมฟ้าดินทำกับฉันแบบนี้ แล้วฉันจะต้องทำยังไงต่อ”
“เดี๋ยวฉันติดต่อไปทางคุณณพลให้ช่วยดูเรื่องแก้ข่าว แกติดต่อพ่อแกให้ช่วยแก้ข่าวด้วยสิ” วีน่ารีบบอกเพราะเจ้าตัวรู้จักคนที่มีเส้นสายในวงการบันเทิงซึ่งเข้าถึงสื่อได้ดีกว่าพวกเธอ
“เออ ขอบใจนะแกที่ดึงสติ ฉันรีบบอกพ่อดีกว่า จะได้แก้ข่าวก่อนที่ปู่กับพี่ฉันจะรู้” คนที่ตกเป็นข่าวหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยมืออันสั่นเทา
แต่สายเรียกเข้าทำให้เธอสติแตกกว่าเก่า แน่นอนว่าเพื่อนๆ ที่เห็นชื่อบนหน้าจอของมนัสวีร์ต่างก็เงียบกริบ ขนลุกอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“พี่มาร์ครู้เรื่องแล้วแน่ๆ”
มนัสวีร์มองเพื่อนที่ส่งสายตาเหมือนไว้อาลัยให้เธอล่วงหน้าแล้วก็รู้สึกว่าน้ำตาจะไหล แต่ถึงยังไงก็ต้องรีบรับสายเพราะกลัวว่าถ้านานไปแล้วพี่ชายจะโกรธเพิ่ม แค่อยู่เฉยๆ ก็น่ากลัวอยู่แล้ว นี่ยังจะมาโกรธเธอเพราะเรื่องข่าวอีก เฮ้อ
[เห็นข่าวหรือยัง]
“เพิ่งเห็นค่ะ”
[อยู่ที่ไหน]
“มิงค์มาเจอเพื่อนที่เดอะวนาค่ะ”
[รอที่นั่น]
แล้วพี่ชายของเธอก็วางสายไปเลย
“พี่มาร์คจะมา สงสัยจะมาถามเรื่องข่าว”
เพียงแค่บอกแค่นั้นเพื่อนๆ ต่างก็คว้ากระเป๋าเตรียมหนีทั้งที่ข้าวสักคำก็ยังไม่ได้กิน
“พวกแกอย่าเพิ่งไป อยู่รอเจอพี่ฉันก่อน ไหนบอกว่าพี่ฉันหล่อดีไง ไม่อยากอยู่ดูเหรอ” เธอเอ่ยถามเพื่อนร่วมวงการกรี๊ดผู้ชาย ถึงแม้จะมีผัวเป็นตัวเป็นตนแต่ก็ยังเหลือสายตาไว้มองใครให้ชื่นใจบ้าง
“หล่อแต่น่ากลัวมาก ฉันอยากอยู่เป็นเพื่อนแกนะแต่แกต้องสัญญาก่อนว่าพี่แกจะไม่ฆ่าพวกฉันทิ้ง” ปานมาศว่า
“เอาเถอะ ถึงพี่ฉันจะไม่เป็นที่ชื่นใจของพวกแก แต่พวกแกอยู่ก่อนได้ไหม พี่มาร์คไม่ดุหรอก เพราะฉันไม่ได้ทำอะไรผิดเลย”
“เออ แต่ก็จริง มันไม่เหมือนสมัยเรียนที่เราแอบโดดเรียนมากินชาบูแล้วเจอพี่แก ตอนนี้เราไม่ได้ทำอะไรผิดทำไมต้องกลัว” รินะผู้ซึ่งตั้งใจมากินอาหารฝีมือเชฟชื่อดังของโรงแรมนี้ให้เหตุผลเพื่อให้เพื่อนยอมอยู่กินข้าวต่อ
แล้วทุกคนก็เลยตัดสินใจว่าจะอยู่เคียงข้างมนัสวีร์ แม้จะแอบกลัวอยู่บ้างก็ตามที
แม้อยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่อึดอัดแต่อาหารจากเชฟมือหนึ่งก็มาปลอบประโลมสาวแก๊งบัญชีให้มีแรงช่วยกันต่อสู้ พวกเธอแก้ข่าวในช่องทางโซเชียลของตัวเองและแฟนของรินะเป็นคนช่วยหาทีมฟลัดคอมเมนต์แก้ข่าวในเพจต่างๆ ให้ด้วย
“ขอบใจพวกแกมากเลยน้า รักพวกแกมากเลย”
มนัสวีร์ที่ซดสาเกปลอบใจตัวเองไปหลายแก้วบอกเพื่อนด้วยเสียงสั่นเครือ