ร่างสูงทะมึนเดินฝ่าฝูงชนมาหยุดอยู่ตรงหน้าอะพาร์ตเมนต์สภาพเก่าซอมซ่อ ตรงตามป้ายชื่อที่ปรากฏอยู่ในพวงกุญแจห้องที่ได้รับมา สถานพักอาศัยช่างบ่งบอกฐานะของคนอยู่ได้เป็นอย่างดี ว่าคงเป็นประเภทหาเช้ากินค่ำอย่างแน่นอน ร่างใหญ่ผลุบหายเข้าไปในตัวตึกเดินผ่านช่องทางเดินแคบๆ ที่คนแทบจะเดินสวนทางกันไม่ได้ เขาก้าวขึ้นไปยังชั้นสี่ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอะพาร์ตเมนต์แห่งนี้ ก่อนจะเลี้ยวขวาแล้วเดินไปยังห้องที่อยู่ริมสุดทางเดิน แอลยืนแน่นิ่งอยู่ชั่วขณะอดคิดไม่ได้ว่ามหาเศรษฐีอย่างเขาที่มีสาวๆ คอยรุมล้อมหน้าล้อมหลัง จำเป็นจะต้องทำเรื่องแบบนี้ในสถานที่เสื่อมโทรมแห่งนี้ด้วยหรือ คิดแล้วก็หันปลายเท้าเบนกลับลงด้านล่าง แต่พอก้าวลงไปได้เพียงแค่สามขั้นบันได ความอยากรู้อยากเห็นที่อยู่ภายในก็เรียกร้องให้ต้องหยุดเดินลง
‘ลองดูหน่อยสักตั้งจะเป็นไรไป หากไม่ชอบก็กลับเท่านั้นเอง’ ความคิดที่สนับสนุนการกระทำของตัวเองก็บังคับปลายเท้าทั้งสองข้างให้เบนทิศทางเดินกลับไปทางเดิม
มือหนารีบไขประตูห้องเข้าไปอย่างเงียบกริบ ซึ่งก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาจะต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย แอลมองฝ่าความมืดสลัวสำรวจบริเวณภายในห้องอย่างคร่าวๆ พื้นที่สี่เหลี่ยมอันแสนจะคับแคบกับเตียงนอนขนาดเล็กสองเตียง ที่ตั้งกันอยู่คนละมุมของห้อง เงารางๆ ของใครบางคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใดต่อการมาของเขา มินจันทร์รู้สึกตัวจากเสียงเปิดประตูเมื่อครู่ หญิงสาวค่อยๆ ปรือเปลือกตาขึ้นเพียงเล็กน้อย จากนั้นก็หลับลงตามเดิมด้วยคิดว่าคงเป็นเสียงของพี่ชายตัวเอง
ร่างสูงสาวเท้ามาหยุดอยู่ตรงข้างเตียงนอนของหญิงสาว ก่อนจะหย่อนสะโพกลงบนขอบที่นอนจนมันไหวยวบลงไปตามแรง คราวนี้คนที่นอนอยู่บนเตียงถึงกับผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ แต่ว่าฝ่ามือหนาของแอลก็ตะปบเข้ายังปากอิ่มของหญิงสาวเอาไว้จนแน่น จากนั้นก็กระซิบตรงซอกหูเบาๆ
“ฉันมาเก็บเงินที่พี่ชายเธอติดฉันเอาไว้ นิ่งซะอย่าร้องเป็นอันขาด”
“กรี๊...” เสียงร้องหลุดเล็ดลอดออกมาเพียงแค่นิดเดียว แอลก็กดแรงแนบเข้าไปใหม่จมูกโด่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นแป้งหอมอ่อนๆ ที่โชยออกมาจากตัวของหญิงสาว แอลเหมือนต้องมนตร์ไม่รีรอที่จะฝังปลายจมูกลงยังซอกคอหอมกรุ่น อาการดิ้นรนต่อต้านอย่างรุนแรงของคนบนเตียง ทำให้เขารู้สึกหัวเสียเป็นอย่างมากเมื่อทำอะไรไม่ได้ดั่งที่ใจต้องการ เขากระซิบเตือนริมหูอีกรอบ
“ถ้าร้องพี่เธอได้ไปนรกแน่” แอลเค้นน้ำเสียงเข้มออกมาข่มขู่อีกฝ่าย มินจันทร์ถึงกับนิ่งงันไปชั่วขณะหนึ่ง มันเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของเธอ แล้วชายแปลกหน้าที่แทบจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใครคนนี้ เข้ามาในห้องนอนของเธอได้อย่างไร แผ่นหลังบางถูกเขาดันแนบลงไปบนที่นอนร่างอิ่มก็เด้งตัวต่อต้านในทันทีแต่ก็ไม่อาจสู้แรงอันมหาศาลของบุรุษเพศเช่นแอลได้
“ขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายแม่สาวน้อย พี่ชายเธอจะอยู่หรือตายขึ้นอยู่ที่ว่าเธอจะยอมดีๆ หรือไม่” เขากระซิบข่มขู่อีกครั้ง มินจันทร์รู้สึกกลัวจนตัวสั่นไปหมดทั้งร่าง แม้ไม่ได้เห็นใบหน้าของเขาชัดเจนแต่ว่าสามารถสัมผัสได้ถึงรูปร่างอันใหญ่โตและสุ้มเสียงที่จริงจังของคนด้านบนได้ พี่ชายของเธอเป็นหนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันหญิงสาวได้แต่ครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ และไม่คิดว่าเธอจะต้องเป็นตัวจ่ายหนี้ จะหนีก็ไม่ได้จะร้องให้คนช่วยก็กลัวพี่ชายของตัวเองจะถูกฆ่า ได้แต่คิดขลาดกลัวอย่างสับสน และเมื่อเขาปล่อยมือออกจากปากของเธอ
“ฉันไม่เชื่อ” มินจันทร์ไม่คิดว่าพี่ชายของตัวเองจะไปเป็นหนี้ของใครได้
“ได้สาวน้อย ถ้าเธอไม่เชื่อ” แอลกดหมายเลขโทรศัพท์หาคนของเขาในทันที ก่อนจะส่งโทรศัพท์มือถือให้หญิงสาวได้พูดคุยกับพี่ชายของตัวเอง
“พี่ป้องใช่ไหมคะ” มินจันทร์จำเสียงของพี่ชายตัวเองได้ และประโยคที่เขาเอ่ยออกมานั้นก็ทำให้หัวใจของเธอแทบจะสลาย
“พี่ขอโทษปุยฝ้าย ถ้าปุยฝ้ายไม่ยอมพี่ก็ตาย” เธอได้ยินเพียงเท่านั้นแอลก็กระชากโทรศัพท์มือถือของตัวเองกลับคืน ก่อนจะกดตัดสายแล้วโยนทิ้งลงข้างเตียง
“ว่ายังไงจะยอมหรือให้พี่ชายตายดี” เขาถามเยาะด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ถึงไม่เห็นหน้าก็เดาได้ไม่ยากว่าผู้หญิงใต้ร่างของตัวเองนั้นตัวสั่นงันงกกลัวเขาแค่ไหน
‘ถ้าปุยฝ้ายไม่ยอมพี่ก็ตาย’ คำพูดของพี่ชายช่างทรมานหัวใจน้องสาวอย่างเธอนัก มินจันทร์จะมีหนทางอื่นให้เลือกได้อย่างไรในเมื่อมีชีวิตของพี่ชายเป็นเดิมพัน หญิงสาวทำได้เพียงพยักหน้าลงจำใจยอมรับในเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้อย่างจำยอม
“ดีแบบนี้แหละดีแล้ว พี่ชายของเธอจะได้มีชีวิตรอด” แอลยิ้มออกมาในความมืด กลิ่นหอมกรุ่นและความนุ่มนิ่มจากตัวของหญิงสาวด้านล่าง ช่างกระตุ้นให้ร่างกายของเขาตื่นตัวได้เป็นอย่างดี นิ้วมือหนาคลายปมเนกไทออกแล้วโยนทิ้งไป จากนั้นก็ก้มลงปิดเรียวปากอิ่มด้านล่างจนแนบสนิท จูบแรกในชีวิตถูกเขาช่วงชิงไปอย่างน่าใจหาย มินจันทร์ถึงกับผวาเฮือกด้วยความกลัว เมื่อร่างหนาของเขาทาบทับหนักลงมาจนแนบชิดไปทั่วอณูเนื้อ แอลถึงกับลูบตะโบมไปทั่วเรือนร่างเนียนนิ่มอุ่นของหญิงสาว ยามนี้ความบริสุทธิ์ไม่มีผลต่อการกระทำของเขาอีกต่อไป อารมณ์ในตอนนี้มีอยู่อย่างเดียวคือต้องการปลดปล่อยปรารถนาร้อนของตัวเองเพียงเท่านั้น
“ฮึก...” มินจันทร์ถึงกับสะอื้นไห้ออกมาเมื่อเขาเลื่อนใบหน้าลงซุกไซ้ต้นคอเนียนผ่องของตัวเอง ชุดนอนตัวโปรดถูกถอดออกอย่างง่ายดาย มือหนาก็ควานดึงเสื้อชั้นในตัวน้อยให้หลุดออกจากร่าง อีกคนก็ดิ้นรนกายอิ่มส่ายหนีไปมาด้วยความกลัว
“จุ๊จุ๊ คิดถึงพี่ชายเอาไว้สาวน้อย” ทว่าเสียงข่มขวัญของเขา ส่งผลให้เธอต้องหยุดอาการดิ้นรนเอาไว้อย่างจำใจ มินจันทร์สะอึกสะอื้นร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ ปากหนาแทะเล็มไปทั่วเนื้อตัวของเธอราวกับเป็นอาหารจานเลิศรสสำหรับเขา
แอลรีบยันกายลุกขึ้นนั่งแล้วปลดเม็ดกระดุมเสื้อให้หลุดออกจากกัน ไม่ช้าเสื้อเชิ้ตสีขาวก็ถูกทิ้งให้หล่นอยู่ข้างเตียง ตามมาด้วยกางเกง สแลกส์ผ้าเนื้อดี ร่างที่ปราศจากเสื้อผ้าทาบลงบนกายนิ่มของหญิงสาวอีกครั้ง มือหนาของเขาเลื้อยไปยังขอบกางเกงในของมินจันทร์ จากนั้นก็รูดมันลงด้านล่างอย่างรวดเร็ว
“อื้อ!” เสียงต่อต้านของคนใต้ร่างทำให้แอลจุปากเตือนหญิงสาวอีกรอบ ร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อหนั่นแน่นทาบลงบนร่างอวบที่ปราศจากอาภรณ์เบื้องล่าง ความร้อนระอุจากผิวกายดั่งหินผาของเขาทำเอาคนที่นอนตัวสั่นอยู่ด้านล่างสะท้านเฮือกด้วยความตกใจ บริเวณหางตาทั้งสองข้างมีหยดน้ำตาเกาะพราวอยู่ ก่อนจะไหลลงตรงขมับอย่างช้าๆ ขณะที่เขากำลังดูดกลืนเรียวลิ้นเล็กของเธออย่างหื่นกระหาย แอล กระตุกยิ้มในความมืดเขารู้สึกชื่นชอบจูบของผู้หญิงตัวเล็กคนนี้เหลือเกิน คล้ายจะเงอะงะไม่เป็นงานทว่ารสชาติชุ่มลิ้นอย่างบอกไม่ถูก
แอลเคลื่อนตัวลงด้านล่างพร้อมกับดอมดมเต้างามทั้งสองข้างอย่างลุ่มหลง ขนาดของมันกำลังเหมาะมือของเขาอย่างพอดิบพอดี ก่อนจะครอบครองยอดทรวงงามที่ตื่นตัวรับลิ้นหนาอย่างแข็งขืน มินจันทร์ถึงกับต้องเกร็งปลายเท้าจนงองุ้มเมื่อไม่อาจทนทานต่อรสสวาทของเขาได้ หญิงสาวคล้ายคนกำลังจะจมดิ่งไปในรสกิเลสตัณหาที่เขาประโลมเล้าอยู่ แอลจูบไต่ระดับลงไปยังหน้าท้องแบนเรียบไร้ไขมัน ดันท่อนขาของหญิงสาวขึ้นข้างหนึ่งแล้วจูบละเมียดตรงต้นขาด้านในหนึ่งที จากนั้นก็เคลื่อนตัวขึ้นด้านบนอย่างรวดเร็ว ความแกร่งดังเหล็กกล้าที่กำลังล่วงล้ำเข้าสู่ร่างกาย ทำให้มินจันทร์ถึงกับหลุดสุ้มเสียงแห่งความเจ็บปวดออกมาให้เขาได้ยิน ชายหนุ่มรีบดุนปลายลิ้นเข้าหาแล้วดูดกลืนเรียวลิ้นเล็กเพื่อบรรเทาอาการ มุธินทร์ไม่ได้โกหกเลยสักนิดน้องสาวของหมอนั่นยังคงบริสุทธิ์อยู่จริงๆ เขายิ้มออกมาอย่างพึงพอใจในความมืด กายด้านล่างยังคงขับเคลื่อนตัวรุดหน้าต่อไป
“ไม่ต้องเกร็งสาวน้อย” เขากระซิบบอกเมื่ออีกคนนั้นตัวแข็งทื่อต้านแรงเขาอย่างเต็มที่
“จะ...เจ็บ” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยออกมา ทำให้คนที่กำลังเร่งเครื่องสุดแรงเกิด ออกอาการลังเลใจเล็กน้อยด้วยความรู้สึกสงสาร ครั้งแรกของผู้หญิงคนนี้แต่เขาก็ยังร่วมรักเต็มอารมณ์ใคร่ของตัวเอง แค่ขนาดของร่างกายก็แตกต่างกันมากโข แล้วนี่ยังจะต้องรับศึกหนักจากเขาอีก แอลถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งก่อนจะก้มลงดูดกลืนยอดทรวงให้เบี่ยงเบนความรู้สึกเจ็บของหญิงสาว สะโพกหนาเคลื่อนตัวช้าลงเพื่อรอความพร้อมจากร่างอวบ ตอนนี้มินจันทร์ไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีกต่อไปแล้ว นอกจากปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลเอ่อนองหน้า รอเวลาที่เขาจะหยุดคอยว่าเมื่อไหร่มันจะจบเป็นพอ
“บ้าจริง” แอลสบถออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาลืมนำเครื่องป้องกันติดตัวมาด้วย แต่ไม่เป็นไรหรอกผู้หญิงคนนี้ยังบริสุทธิ์คงไม่มีโรคร้ายนำมาติดต่อเขาอย่างแน่นอน คิดได้เช่นนั้นก็แนบสะโพกเข้าหานับครั้งไม่ถ้วน ร่างที่อยู่ด้านล่างกระเด็นกระดอนไปตามแรงกระหน่ำรักของเขา นานนับครึ่งชั่วโมงกว่ากายแกร่งของเขาจะกระตุกวูบไปมา กระทั่งบรรลุถึงความปรารถนาของร่างกาย ปลดปล่อยน้ำเสียงแหบห้าวออกมาดังลั่นห้อง
ร่างชื้นเหงื่อของทั้งสองคนนอนก่ายเกยกันอยู่บนเตียงนอน ด้วยขนาดของมันนั้นเล็กจนไม่สามารถรองรับสองคนได้ แอลจึงรั้งร่างของหญิงสาวขึ้นมานอนบนแผงอกหนาของตัวเอง นึกหงุดหงิดในสภาพแวดล้อมที่ไม่อำนวยในตอนนี้เหลือเกิน หยดน้ำตากับแรงสะอื้นไห้จากหญิงสาวยังคงมีให้เขาสัมผัสรับรู้ตลอดช่วงระยะเวลาที่ร่วมรักกัน แต่แปลกที่เขาไม่อาจหยุดการกระทำของตัวเองลงได้ นิ้วมือหนาเอื้อมออกไปเช็ดป้ายคราบน้ำตาออกให้ นึกอยากจะเห็นหน้าเจ้าหล่อนนักหนาว่าจะมีใบหน้ายังไง แอลรีบดันร่างของอีกคนลงด้านข้าง แล้วลุกขึ้นตรงไปเปิดสวิตช์ไฟที่อยู่ตรงประตูทางเข้า แสงสว่างวาบไปทั่วทั้งบริเวณห้อง ความเก่าโทรมของห้องแห่งนี้ทำให้เขาต้องส่ายหน้าไปมา หันหลังกลับไปมองคนที่อยู่บนเตียงก็เห็นเพียงแผ่นหลังบางสั่นสะอื้นอยู่บนนั้น ผิวเนียนลออซึ่งตอนนี้กลายเป็นสีระเรื่อบางจุดยังคงมีรอยรักของเขาปรากฏให้เห็น รอยยิ้มของเขาคลายออกมาอย่างพึงพอใจ ด้านหลังยังสวยขนาดนี้แล้วด้านหน้าจะขนาดไหน ร่างหนาทำท่าจะเดินตรงไปยังเตียงนอน
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เสียงโทรศัพท์มือถือที่ถูกโยนทิ้งไว้บนพื้นห้องดังขึ้น แอลรีบเดินเข้าไปหยิบมันขึ้นมาจากพื้นแล้วกดปุ่มรับสายในทันที สีหน้าของเขาเริ่มจะตึงเครียดหลังจากรับฟังรายงานจากลูกน้องของตัวเอง ก่อนจะเดินตรงไปหยุดอยู่ด้านข้างของเตียง แล้วก้มลงหยิบเสื้อผ้าที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นห้องขึ้นสวมใส่อย่างเร่งรีบ เขาหยุดมองดูแผ่นหลังขาวผ่องของคนบนเตียงเพียงชั่วอึดใจเดียว ก่อนจะตัดสินใจก้าวผลุน ผลันออกจากห้องไป เหตุมาจากมีการทะเลาะวิวาทกันของลูกค้าระดับวีไอพีในเบลลาเดโอคลับ จนกลายเป็นการก่อจลาจลย่อมๆ รอเขากลับไปจัดการอย่างเด็ดขาด
ปัง! เสียงปิดประตูดังขึ้น มินจันทร์รีบหันกลับมามองตามทิศทางของเสียง หญิงสาวพบเพียงความว่างเปล่าภายในห้อง คนจิตใจบอบช้ำค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งแล้วมองดูความว่างเปล่ารอบๆ ตัวเอง มองดูรอยยับยู่ยี่ของสภาพเตียงนอนกับหยดเลือดสาวครั้งแรกที่ติดอยู่ตรงที่นอนสีเปลือกไข่ของตัวเอง ความเสียใจแล่นริ้วเข้าหากลายเป็นความทุกข์ใจอย่างใหญ่หลวง หญิงสาวยกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นปิดใบหน้าแล้วปล่อยเสียงโฮออกมาจนสุดเสียง
“ฮึก...ฮือ ฮือ” เสียงร้องไห้ดังอยู่นานนับครึ่งชั่วโมง ก่อนจะพาสังขารอันแสนจะชอกช้ำเดินโซซัดโซเซเข้าห้องน้ำไปอย่างลำบากยากเย็น กระจกบานใหญ่ตรงหน้าเหมือนจะตอกย้ำว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันคือความจริง ที่ยังคงมีหลักฐานทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้าแทบจะทุกซอกมุมของร่างกาย มินจันทร์หันหลังแนบกับผนังห้องน้ำก่อนจะรูดร่างลงไปนั่งชันเข่าอยู่บนพื้น มีเพียงน้ำตากับเสียงร้องไห้ที่อยู่เป็นเพื่อนเธอในตอนนี้ หญิงสาวใช้เวลาอยู่ในนั้นนานเกือบหนึ่งชั่วโมงจึงได้ก้าวออกมาเพื่อสวมใส่เสื้อผ้า จากนั้นก็เดินไปทิ้งตัวนอนบนเตียงตามเดิม เรื่องนี้มันแค่ฝันร้าย หวังว่าพอตื่นขึ้นมาความจริงมันจะไม่ใช่แบบนี้