ตอนที่ : 1 พรหมจรรย์สีขาว

1890 คำ
1 พรหมจรรย์สีขาว            บุรุษผู้มีใบหน้าเคร่งขรึมค่อยๆ เอนแผ่นหลังหนาลงพิงเก้าอี้ทำงานตัวโปรด ขาแกร่งด้านซ้ายยกขึ้นพาดบนท่อนขาอีกข้างในท่าไขว่ห้าง แขนทั้งสองยกขึ้นกอดอกด้วยท่าทีสบายใจ ตรงกันข้ามกับสายตาคู่คมที่มันถ่ายทอดความรู้สึกออกมาอีกอย่าง เมื่อมันมองตรงไปยังคนบนพื้นห้องด้วยสายตาเอาเรื่อง แอล คอร์เทส จ้องมองคนที่กำลังถูกลูกน้องของเขารุมสกรัมอยู่ด้วยสายตาว่างเปล่า เจ้าพ่อสถานบันเทิงยักษ์ใหญ่วัยสามสิบห้าปีแห่งลาสเวกัส กำลังรู้สึกเหมือนถูกลูกแมวตัวน้อยๆ กระตุกหนวดเข้าให้ สาเหตุมาจากชายหนุ่มเอเชียตรงหน้าที่หาญกล้าโกงค่าบริการสาวๆ ของเขาในค่ำคืนนี้            “ไม่มีเงินยังกล้ามาเที่ยว” ถ้อยคำภาษาอังกฤษถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากหนาของคนที่นั่งหน้าตึงอยู่บนเก้าอี้ ทำให้คนที่แทบจะหมอบราบอยู่บนพื้นบนใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยของการถูกทำร้าย ฝืนเงยขึ้นมองหน้าคนพูดอย่างช้าๆ ความผิดพลาดของเขาในครั้งนี้เกิดจากการผิดหวังอย่างรุนแรง เมื่อแฟนสาวประกาศตัดความสัมพันธ์อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ชายหนุ่มคนหนึ่งถึงกับผิดหวังเข้าขั้นเสียศูนย์ จนทำให้ก้าวเท้าเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ กระทั่งเรียกใช้บริการสาวๆ ของที่นี่ถึงสามคนเพื่อประชดความผิดหวังในชีวิต ความสุขของเขามันพังครืนลงเมื่อถึงเวลาเรียกเช็กบิล และยอดของมันก็แพงลิบลิ่วจนไม่มีปัญญาจะหามาจ่ายได้            “ฉันถาม” เจ้าของดวงตาสีนิลจ้องเขม็งไปยังคนที่อยู่บนพื้น พร้อมกับคำถามที่ฟังดูแล้วคล้ายจะข่มขู่เสียมากกว่า            “ขอผ่อนจ่ายได้ไหม” มุธินทร์พยายามทำใจกล้าต่อรองกับคนตรงหน้า ทั้งที่ความจริงแล้วหวาดกลัวอีกฝ่ายจนน้ำเสียงสั่นเทาไปหมด            “ไม่ได้!” เจ้าของเบลลาเดโอคลับตะคอกสวนกลับในทันควัน ถ้าคนตรงหน้าเมาหรือสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ก็พอจะเข้าใจได้บ้าง แต่ว่าผู้ชายคนนี้กลับมีสติรับรู้การกระทำทุกอย่าง ดังนั้นเขาจึงไม่อาจปล่อยปละละเลยเรื่องนี้ไปได้ ร่างสูงทะมึนหยัดกายลุกขึ้นจากเก้าอี้ตรงไปยังคนที่อยู่บนพื้น เขาค่อยๆ ย่อตัวลงนั่งทับบนส้นเท้าของตัวเอง แล้วเคลื่อนใบหน้าอันหล่อเหลาแต่น่าเกรงขามเข้าไปใกล้อีกคน            “ฉันให้เวลายี่สิบสี่ชั่วโมงหาเงินมาให้ได้ ไม่อย่างงั้นก็คงต้องขอหูสักข้างเป็นค่าทำขวัญสาวๆ ของฉันแทน” เสียงมัจจุราชกระซิบดังชัดถ้อยชัดคำ คนได้ฟังถึงกับหลับตาลงแน่นรู้สึกหวาดกลัวต่อคำพูดอันแสนจะโหดร้ายที่ออกมาจากปากของแอล ยี่สิบสี่ชั่วโมงเขาไม่มีปัญญาหาเงินมาคืนได้อย่างแน่นอน            “ผมไม่มีหรอก” มุธินทร์ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมกับสารภาพตามตรง ใครจะคิดว่าอารมณ์ประชดชีวิตเพียงชั่ววูบ จะนำผลร้ายมาสู่ตัวเขาเองได้มากมายถึงเพียงนี้            “ฉันไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก ถ้ามีอะไรที่มีมูลค่ามาแลกเปลี่ยนก็พอจะอนุโลมได้” เจ้าของเบลลาเดโอคลับยังมีทางเลือกเผื่อให้แก่ลูกค้า มุธินทร์เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของสถานบันเทิงแห่งนี้ในทันที ‘มีมูลค่า’ อย่างนั้นเหรอ เขากับน้องสาวมาอยู่ที่ลาสเวกัสได้เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้นเอง อะไรที่เป็นของมีค่าหรือมีราคานั้นแทบจะไม่มี ยิ่งตอนนี้ด้วยแล้วพวกเขาก็ยิ่งย่ำแย่ เมื่อร้านอาหารที่เขากับมินจันทร์อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาทำงานตามคำแนะนำของญาติสนิทนั้นเกิดเลิกกิจการ จนทำให้สองพี่น้องต้องลอยแพไม่มีที่ไป เรื่องร้ายวิ่งมาซ้ำเติมเมื่อแฟนสาวของเขาที่คบหากันมานาน โทรศัพท์ทางไกลมาบอกเลิกอย่างกะทันหันและกำลังจะแต่งงานในไม่กี่วันข้างหน้า นั่นเป็นสาเหตุของการประชดชีวิตที่แสนจะบัดซบในตอนนี้            “ผมไม่มี” น้ำเสียงแห้งแล้งเอ่ยออกมาได้เพียงเท่านั้น ทั้งหมัดและฝ่าเท้าก็ระดมใส่เต็มร่างของเขาจนต้องทรุดฮวบไปอยู่บนพื้นอีกรอบหนึ่ง ส่วนคนร่างสูงนั้นค่อยๆ ยืดลำตัวลุกขึ้นจนเต็มความสูงเกือบสองเมตรของตัวเอง ก่อนจะหันไปมองหน้าของลูกน้องคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้าง            “เอามีดมาตัดหูของมัน” วาจาเย็นเยือกดังขึ้นเป็นผลให้มุธินทร์ถึงกับกลัวจนตัวสั่น เขารีบนำพาร่างกายอันแสนจะสะบักสะบอมคลานเข้าไปใกล้คนที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางห้อง            “อย่าทำอย่างนั้นเลยนะครับ ผมไม่มีจริงๆ” คำอ้อนวอนไม่ได้กระทบความรู้สึกของแอลแม้แต่น้อย เขาหันไปพยักหน้าให้คนของตัวเองจัดการตามคำสั่งได้ คนเป็นลูกน้องดึงมีดสั้นออกมาจากซองรองเท้าบูต เพียงแค่คมมีดแวววับปรากฏอยู่ตรงหน้า มุธินทร์ถึงกับใจหายวาบลนลานสั่นกลัวไปหมด และทันทีที่มันถูกจ่อลงบนใบหูของเขา ความคิดฝ่ายต่ำก็เข้าครอบงำจิตใจอันอ่อนแอในทันที            “ผมยอมแล้ว! ผมมีของมีค่าอยู่อย่างหนึ่ง” คำพูดที่หลุดออกมาทำให้เจ้าของเบลลาเดโอคลับแห่งนี้ยิ้มเยาะออกมาอย่างถูกใจ การข่มขู่ลูกค้าประเภทนี้มักได้ผลเสมอ            “อะไร?”            “น้องสาวของผมเอง” คนบนพื้นกลั้นใจตอบออกมาอย่างลำบากยากเย็น รอยยิ้มของแอลหุบฉับ! ลงในทันที จากนั้นก็ก้าวตรงเข้าไปหาคนที่ล้มอยู่ที่พื้น ผัวะ! หลังมือซัดเปรี้ยงใส่คนที่นั่งอยู่จนเซถลาไปด้านข้างเลือดไหลออกมากบปาก ด้วยรู้สึกโกรธคนที่กล้าเอาสายเลือดเดียวกันมาชดใช้เรื่องนี้ได้            “อย่าทำผมเลย ผมมีแค่นี้จริงๆ” มุธินทร์ยกมือขึ้นห้ามคนที่ทำท่าจะเข้ามาทำร้ายตัวเองต่อ            “แค่นี้ น้องสาวของนายนี่นะ มันคุ้มค่าตรงไหน ไม่รู้จะผ่านผู้ชายมาแล้วกี่คน” แม้จะโกรธอีกเรื่องแต่เขาก็อดสบประมาทไม่ได้ แอลเห็นมานักต่อนักว่าคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ามาทำงานที่นี่แต่ละคน ก็คงไม่พ้นอาชีพอย่างว่าหรือไม่ก็เป็นเมียเก็บของใครที่นี่สักคน            “คุ้มนะคุ้มจริงๆ ผมขอยืนยัน” ดวงตาคู่คมสั่นระริกด้วยความกลัว จ้องมองดูคมมีดในมือของลูกน้องแอลด้วยความไม่ไว้วางใจ นาทีนี้ความเป็นพี่ชายคนดีมันหายไปพร้อมๆ กับความหวาดกลัวที่จดจ่ออยู่ตรงหน้า            “คุ้มยังไง” แอลมองสบสายตากับคนจนตรอกหมดหนทางบนพื้น แต่พยายามหาทางเอาตัวรอดไปเรื่อยด้วยสายตาแกมสมเพช            “น้องผมยังบริสุทธิ์อยู่” มุธินทร์บอกเขาด้วยน้ำเสียงขมขื่น จะมีพี่ชายคนไหนในโลกใบนี้ที่กล้าเอาความบริสุทธิ์ของน้องสาวมาต่อรองกับความเป็นความตายของตัวเอง            “ฮะ ฮะ ฮะ ยังบริสุทธิ์” แอลเงยหน้าขึ้นมองเพดานห้องแล้วปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น ลูกน้องของเขาแต่ละคนหันไปมองหน้ากันด้วยสายตาแห่งความสงสัย ไม่เว้นอีกคนที่นอนกระอักเลือดอยู่บนพื้น แต่ละคนไม่มีใครเดาออกว่าเจ้านายของตัวเองนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ และเมื่อหัวเราะจนหนำใจแล้วแอลก็ก้มหน้าลงต่ำ จ้องมองไปยังอีกคนที่อยู่บนพื้นห้อง ตอนแรกก็คิดว่ามันไม่ใช่หนทางที่เขาจะเลือก แต่พอเจอคนโกหกคำโตเข้ากลับทำให้อยากจะพิสูจน์ให้รู้สำนึกเสียแล้ว “จริงๆ นะครับ” มุธินทร์รู้สึกกลัวสายตาของเขาอย่างบอกไม่ถูก กลัวว่าแอลจะไม่เชื่อแล้วตัวเองอาจจะต้องเสียหูข้างหนึ่งไปจริงๆ “ถ้าไม่จริง ไม่เพียงแค่หูที่นายจะต้องเสีย แต่อาจหมายรวมถึงแขนขาหรือชีวิตของนายด้วย” เขาข่มขู่คนที่หน้าตาตื่นกลัวอยู่บนพื้นด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม “บริสุทธิ์จริงๆ ผมไม่ได้โกหก” มุธินทร์รีบบอกเขาอีกรอบด้วยน้ำเสียงแหบเครือ แอลมองหน้าของคนจนตรอกแล้วก็นึกอยากจะพิสูจน์ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปว่าจริงหรือเปล่า จะได้จบเรื่องงี่เง่าเต่าตุ่นนี่เสียที “เดี๋ยวนี้” “อะไรนะครับ” “ฉันบอกว่าพาฉันไปหาน้องสาวของนายเดี๋ยวนี้” ดวงตาสีนิลจ้องเขม็งบ่งบอกว่าเขาไม่ยอมให้ใครมาหลอกง่ายๆ เด็ดขาด ชายหนุ่มอีกคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคอด้วยความขลาดกลัว ตอนแรกคิดวางแผนไว้ว่าจะเอามินจันทร์มาเป็นแค่ข้ออ้างจากนั้นค่อยพาหลบหนีไปทีหลัง แต่ที่เขานึกไม่ถึงก็คือแอลจะต้องการมินจันทร์ตอนนี้เลย เขาประเมิน แอล คอร์เทส ผิดไปจริงๆ “ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าหูของนายจะยังคงอยู่ที่เดิมของมันหรือเปล่า” เสียงทุ้มของแอลดังขึ้น คนฟังถึงกับสะอึก ดวงตาคู่เข้มสื่อให้เขารู้ว่าอย่าได้คิดตุกติกเป็นอันขาด ถูกดักทางเอาไว้แบบนี้มุธินทร์จึงไม่มีทางเลือกอื่นได้อีก นอกจากจะกล้ำกลืนฝืนพาเจ้าพ่อแห่งเบลลาเดโอคลับไปหาน้องสาวของตัวเองที่อะพาร์ตเมนต์ สถานที่เบื้องหน้าทำให้แอลถึงกับต้องผ่อนลมหายใจออกมาอย่างระอาใจ ผู้คนช่างพลุกพล่านแออัดเดินกันขวักไขว่วุ่นวายเต็มไปหมด ไชน่าทาวน์เป็นแหล่งความโกลาหลที่เขาไม่คิดจะย่างกรายเข้ามา ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นอันใด “ไปตามตัวน้องสาวของนายออกมา” เขาสั่งคนที่นั่งอยู่ภายในรถคันเดียวกัน มุธินทร์ถึงกับแสดงสีหน้าเลิ่กลั่กออกมาด้วยความลำบากใจ “มีอะไร” แอลถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์ในท่าทางดังกล่าว “แค่นี้ผมก็รู้สึกเลวเต็มทนแล้ว อย่าให้ผมต้องเป็นคนไปตามเธอออกมาเลย คุณขึ้นไปบนอะพาร์ตเมนต์เองเถอะครับ” คนพูดล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์สีเข้ม แล้วดึงพวงกุญแจห้องออกมายื่นให้แก่เขา แอลชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย แต่ความคิดฝ่ายต่ำบางอย่างก็เข้าครอบงำจนได้ มีอะไรกับสาวเอเชียในไชน่าทาวน์แห่งนี้ ก็คงจะดูตื่นเต้นเร้าใจไปอีกแบบ เขาตัดสินใจเอื้อมมือออกไปคว้ากุญแจบนฝ่ามือของอีกคน “กลับไปได้แล้ว ฉันโทรตามเมื่อไหร่ค่อยมารับ อีกอย่างดูมันเอาไว้ดีๆ อย่าให้เล่นตุกติกเด็ดขาด” เขาสั่งลูกน้องทั้งสองคน ก่อนจะก้าวลงจากรถคันหรูไป ถ้าน้องสาวของหมอนั่นไม่บริสุทธิ์จริงละก็ งานนี้สนุกแน่ คงได้เห็นคนตายทั้งเป็นก็คราวนี้ เขาก็แค่อยากจะพิสูจน์ว่า  มุธินทร์กล้าโกหกเขาจริงหรือเปล่า ถ้ากล้า เขาก็จะได้ตอบแทนให้อย่างสาสมเลยทีเดียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม