ร่างใหญ่กำยำวงแขนเป็นมัดสันใหญ่ผิวดำคล้ำ ผมยาวประบ่าถูกรวบมัดจุกแบบยุ่งเหยิงเดินอาดๆลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ หนวดเคราขึ้นตามกรอบหน้าคมคายจนเพื่อนๆแก๊งค์ดาร์คที่รอการกลับมาของเขาจำแทบไม่ได้
“ไงเสือ” แดนิโล่เดินไปทักพร้อมตบบ่าแกร่ง
“ดีใจที่ได้เจอมึงว่ะ” ลูก้ายกกำปั้นทุบอกเขา
“อืม มายืนต้อนรับห่าอะไรกัน”
เขายักไหล่เดินผ่านทั้งสองแล้วยักคิ้วแทนการทักทายอันเดรียซึ่งยืนอึ้งมองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า
“โห้ มึงกินไอ้ดาวิเด้ใช่มั้ยเนี่ย คายเพื่อนกูมา โอ๊ะ”
ดาวิเด้ต่อยท้องเพื่อนอย่างหยอกเอิน
"ฮ่าๆๆไอ้เชี่ยกูจำแทบไม่ได้"
เมื่อรอยยิ้มจางๆผุดขึ้นไม่ทันไรเขาเป็นอันต้องหุบยิ้มเมื่อพบกับราฟาเอลซึ่งกำลังยืนกอดอกพิงเสาอยู่ตรงหน้า
“ไงเพื่อน” ราฟาเอลทักทายพร้อมเดินเข้ามาหา
เขาเดินชนไหล่ผ่านไปแบบไม่สนใจ
“เฮ้ ไอ้เด ไอ้ราฟมันเป็นห่วงมึงไม่น้อยกว่าพวกกูเลยนะเว้ย” ลูก้าเอ่ยตามหลังเขาที่เดินหนีทุกคน
“หึ ...ออ กูต้องก้มลงคำนับขอบคุณดาร์คสินะ”
“ไอ้ราฟมันทำงานหนักกว่าทุกคน” แดนิโล่เอ่ยเสริม
“เหรอ?”
เขาหยุด และหันกลับไปแสยะยิ้มให้ราฟาเอล
.
.
‘อย่าบอกนะว่ามึงตกหลุมรักผู้หญิงแบบนั้นจริงๆน่ะ’
‘มึงจะทิ้งทุกอย่างเพราะผู้หญิงหรือวะ’
.......
"หึ"
ต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็จะไม่มีวันลืม ใช่ มันอาจจะหัวเราะเยาะผู้หญิงไร้ค่าในสายตามัน แต่สำหรับเขาแล้ว เธอมีค่า เขารับได้ทุกอย่าง เพราะรัก เขารักโซเฟียจริงๆ
หากเธอยังอยู่เขาอาจไม่ได้พาลเกลียดทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวแบบนี้ แต่นี่คือความจริง ความจริงคือวันนี้ไม่มีเธอแล้ว หลงเหลือแต่ไอ้เพื่อนทรยศที่เจอเมื่อไหร่ภาพเก่าๆที่มันเคยทำไว้ผุดขึ้นมาทำร้ายเขาทุกที
“เก็บความเห็นใจกองไว้ตรงนั้น กูไม่ต้องการ ต่อจากนี้กูจะจัดการเอง”
...................................................
ฉัตรชฎา หรือยูอิ มีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่การเงินในภัตาคารสุดหรูที่โอซาก้าซึ่งแม่ของเธอเป็นเจ้าของ เธอทำงานที่นี่ทันทีหลังจากเรียนจบด้านบัญชี เธอขยันขันแข็งไม่เคยใช้ความเป็นลูกสาวเจ้าของที่นี่เบ่งหรืออู้งานเลยสักครั้ง นิสัยนอบน้อมและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นจึงทำให้พนักงานทุกคนรักใคร่
เธอจำต้องจากบ้านเกิดและอ้อมอกที่อบอุ่นจากผู้เป็นพ่อที่เลี้ยงดูมาแต่แบเบาะ เป็นทั้งพ่อทั้งแม่และสืบสานการฟ้อนรำไทยมาตั้งแต่ยังเด็ก จึงไม่แปลกที่เธอชื่อ ฉัตรชฎา เพราะพ่อ รักความเป็นไทยมาก ส่วนแม่เธอนั้นนอกใจพ่อมานานหลายปีโดยไปหางานรายได้ดีที่ญี่ปุ่นตั้งแต่เธอยังเล็ก เธอจึงสนิทกับผู้เป็นพ่อมากกว่า
จนกระทั่งเธอเรียนจบชั้นมัธยม แม่เธอจึงยอมสารภาพว่าแอบมีสามีใหม่มานานหลายปีและต้องการพาเธอไปใช้ชีวิตที่สุขสบายที่ญี่ปุ่น เธอไม่ต้องการมาอยู่ที่นี่เลยสักนิด แต่เพราะฐานะทางบ้านของพ่อยากจนข้นแค้นกู้หนี้ยืมสินมาสานต่องานวัฒนกรรมไทยจนสิ้นเนื้อประดาตัว เธอจึงยอมไปอยู่กับแม่หวังว่าเรียนจบจะหาเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อใช้หนี้และจุนเจือทางบ้านให้สุขสบายเสียที คิดถึงพ่อและคุณย่าเหลือเกิน แม้จะส่งเงินไปให้ใช้ทุกเดือนก็ไม่เหมือนการได้เจอหน้า คาดว่าอีกไม่เกินห้าปีเธอจะหนีกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย
วันนี้เธอเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา แต่ยังไม่ถึงเวลาเลิก ตอนนั้นยังไม่เอะใจจึงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
“อ้าว ยูอิ ยังไม่กลับหรือคะ” เมื่อพนักงานร้านเอ่ยทักเธอด้วยภาษาญี่ปุ่น เธอจึงมองเวลาที่หน้าจอมือถือ พบกว่าเวลาเร็วกว่าเข็มนาฬิกาที่ติดบนฝาผนังในห้องการเงิน
“หือ? ค่ะ กำลังกลับแล้ว”
ครืดดดด
เสียงสมาร์ทโฟนแต่งเคสสีชมพูฟรุ่งฟริ้งสั่นบนโต๊ะทำงาน เธอก้มมองหน้าจอ
ซานายะ เคนโตะ ลูกชายแท้ๆของสามีใหม่แม่ แถมยังเป็นคู่หมั้นคู่หมายของเธออีกตำแหน่ง เขาโทรหาเธอทุกวันไม่มีเบื่อแม้ว่าจะเจอหน้ากันที่บ้านทุกวันก็เถอะ
"ว่าไงคะ"
'เดี๋ยวเย็นนี้ผมไปรับนะ'
"ไม่ค่ะ วันนี้เป็นวันที่ฉันต้องกลับคนเดียว"
'โธ่ นะๆๆ อยากไปรับจริงๆ'
"ไม่ได้ค่ะ แค่นี้นะคะฉันรีบเดี๋ยวขึ้นรถไฟไม่ทัน"
เธอวางสาย รีบเก็บแฟ้มวิ่งออกไปทางหลังร้านตรงไปยังสถานีรถไฟที่เธอใช้เป็นเส้นทางกลับโตเกียวอาทิตย์ละครั้ง เพราะทุกวันจะมีคู่หมั้นคอยรับคอยส่ง เธอขอมารดานั่งรถไฟกลับหนึ่งวันต่อสัปดาห์เพราะระหว่างทางสายนี้จะได้ชื่นชมธรรมชาติข้างทางอันสวยงามของภูเขาไฟฟูจิ ทำให้เธอรู้สึกเป็นอิสระและผ่อนคลายก่อนกลับบ้าน
แต่แล้ววันนั้นกลับเป็นจุดเปลี่ยนให้กับชีวิตเธอแบบไม่มีทางย้อนกลับได้
.......
“อื้อ ..ช่วยด้วย”
เธอเอ่ยเสียงแหบพร่าร้องขอความช่วยเหลือหลังจากลืมตาตื่นมาแต่ไม่สามารถจะขยับกายได้ เพราะมือและเท้าถูกมัดไว้แน่น ส่วนศีรษะเธอกำลังถูกผ้าดำคลุมอยู่
ดวงตาคู่หวานกรอไปมาเอียงคอฟังเสียงกลุ่มชายต่างชาติที่รายล้อมเธออยู่คุยกันภาษาอะไรเธอไม่ทราบ เพราะเธอพูดคุยได้เพียงสามภาษา คือ ไทย อังกฤษ และญี่ปุ่น นอกเหนือจากนั้นเธอไม่มีทางฟังรู้เรื่องเลย
“Help me ฮึก.. please..”
“หล่อนรู้สึกตัวแล้ว”
จอร์สเดินเข้าไปแจ้งกับเจ้านายในทันที
“นายครับ แม่นั่นรู้สึกตัวแล้วครับ”
ดาวิเด้ละจากการก้มมองดูฝ่ามือที่แสนหยาบ ลุกพรวด เดินเข้าไปในห้องขนาดเล็กขณะที่เครื่องบินเจ็ททะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ามุ่งหน้าไปอิตาลี
“ฮึกๆ ช่วยฉันด้วย ปล่อยฉันที ฉันว่าคุณกำลังจับผิดคน ฮึกๆ” เธอวอนขอทั้งน้ำตาด้วยภาษาอังกฤษ
ดาวิเด้ยืนสูบบุหรี่หรี่ดวงตามองหญิงสาวตัวเล็กสวมรองเท้าผ้าใบสีขาว เธอกำลังนั่งเหยียดเท้าเนื้อตัวสั่นเทิ้ม
เขาทิ้งก้นบุหรี่ก่อนจะเดินเข้าไปเปิดผ้าคลุมออก
ฟึ่บบบ!
พอดีเธอเงยหน้าขึ้นมองเขาทั้งน้ำตาพร้อมอ้าปากหวอตื่นกลัวชายตรงหน้าอย่างหนัก
“ว้ายยย ไม่ๆๆ ฉันไม่เคยรู้จักคุณ ได้โปรดปล่อยหนูไปนะคะ ฮือๆ”
เธอกลัวเขาจนลานไปหมด ชายร่างกำยำผิวดำคล้ำใบหน้าหยาบกร้านเต็มไปด้วยรอยแผล ผมยาวยุ่งประบ่า หนวดเคราเต็มหน้า ดวงตาลูกใหญ่ถลึงมองเธออย่างน่ากลัว