EP.02
หลังจากที่ได้ซื้อของตามที่ต้องการเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็ถือของพะรุงพะรังมุ่งหน้ากลับบ้านในทันที บ้านที่ซุกหัวนอนของเธอจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากบ้านไม้ชั้นเดียวที่ยัดแออัดอยู่ตามซอกบ้านของใครหลายๆ คน โดยมีทางเข้าเป็นทางที่เชื่อมต่อกันยังกับรังปลวกทอดเข้าไปในซอกเล็กๆ ยาวไปสุดลูกหูลูกตา เดินมาได้ไม่นานเธอก็เลี้ยวขวาไปตามทางเดินจนไปสุดอยู่ที่บ้านไม้หลังหนึ่งที่เล็กพอๆ กับรังหนู ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปก็พบกับนางกระเพราผู้เป็นมารดาที่นั่งหน้างองุ้มอยู่หน้าบ้านรอการกลับมาของหล่อน
“เอ็งไปเถลไถลที่ไหนมาฮึ นังกันเกรา ถึงได้มาสายเอาปานนี้”
เมื่อเจอหน้าของบุตรสาวสุดสวาทนางกระเพราก็เปิดฉากถามเอาความในทันที เพราะในวันนี้ลูกสาวตัวดีกลับช้ากว่าปกติจนทำให้นางนั่งรอหน้างุ้มอย่างที่เห็น
“เอ็งก็รู้ว่าข้าไม่ชอบการรอ”
“โธ่แม่ ฉันไม่ได้ไปที่ไหนเลยจ๊ะ ที่กลับช้าก็เพราะกำลังรอซื้อแกงฮังเลอาหารที่แม่ชอบอยู่ยังไงเล่าจ๊ะ นี่ไง แม่เอาไปสิ”
เด็กสาวฉลาดพอที่จะหาเหตุผลมารับหน้ามารดาจอมเฮี้ยบที่จ้องจะจับผิดเธออยู่ตลอดเวลา และมันก็เป็นผลเมื่อแววตาของผู้เป็นมารดาเกิดประกายวาบอย่างดีใจก่อนจะรีบถลาเข้าไปรวบเอาถุงมาจากบุตรสาวในทันที คล้ายดั่งจะเห็นว่าสิ่งของที่อยู่ในมือของเด็กสาวจะเป็นสิ่งที่วิเศษในชีวิต
“เออ ว่าแต่เอ็งได้เงินมาเท่าไรล่ะ เอามาให้ข้าครึ่งหนึ่ง วันนี้ข้าจะเอาไปลงทุนที่บ่อนนังเพียรมัน เผื่อฟลุกได้เงินมาคืนให้กับเอ็งอีก”
นางกระเพราถามหาเอาเงินจากบุตรสาวในทันทีเช่นทุกวัน ทุกครั้งที่กันเกราได้เงินมาจากการทำงานเธอจะต้องนำเงินส่วนหนึ่งแบ่งไปให้กับมารดาเพื่อที่นางจะได้นำเงินไปถลุงที่บ่อนพนันบ้านนางเพียรอยู่เป็นประจำ
การพนันมันไม่เคยเข้าใครออกใครเลยสักคน และเมื่อมันได้ฝังอยู่ในหัวใจของคนๆ นั้นแล้วก็มักจะติดจนงอมแงมและทุรนทุรายทุกครั้งเมื่อไม่ได้เล่นจนต้องไปลักชิงวิ่งราวจากใครต่อใครเพื่อที่จะเอามาสนองความใคร่ของตน และหนึ่งในนั้นก็คือนางกระเพราที่มักจะไปเล่นอยู่เป็นประจำจนติดนิสัยขาดมันไม่ได้เสียแล้ว แต่ดีที่นางมีลูกสาวถึงสองคนที่หาเงินมาให้นางใช้อยู่เป็นประจำ ถึงแม้งานเหล่านั้นมันจะทำให้บุตรสาวทั้งสองเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด โดยเฉพาะกัญจนาลูกสาวคนเล็กที่ทำงานจนหามรุ่งหามค่ำ นางก็ยังไม่สนใจขอแค่พวกเธอมีเงินมาให้นางใช้จ่ายก็พอ
เด็กสาวควักเงินออกมาจากถุงผ้าใบเล็กสองร้อยบาทก่อนจะส่งให้กับมารดาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะพอใจนัก
“อ่ะนี่จ๊ะ แม่ฉันว่าแม่หยุดบ้างเถอะนะจ๊ะไอ้การพนันนะ ฉันกลัวว่าแม่จะถูกตำรวจจับติดคุกแล้วใครจะไปช่วย ฉันขอบอกเอาไว้ก่อนว่าฉันไม่มีเงินไปประกันแม่หรอกนะ”
ลูกสาวตัวดียื่นเงินส่งให้กับมารดาพร้อมกับเปิดฉากเทศนาในทันที
“เอ็งไม่ต้องมาแช่งข้าเลยนังกันเกรา ขอให้เอ็งรู้ไว้ว่าเอ็งจะต้องทดแทนบุญคุณของข้าโดยการหาเงินมาให้ข้าใช้ก็พอ” นางกระเพรากระชากเงินมาจากบุตรสาวอย่างเร็วรี่ แล้วยกเงินก้อนนั้นขึ้นมาจูบอย่างรักใครและยิ้มออกมาได้ในที่สุด
“ดีมากนังกันเกรา ไม่เสียแรงที่ข้าเลี้ยงเอ็งมาจนเติบใหญ่เช่นนี้ ข้าไปล่ะนะ พวงมาลัยอยู่ในตู้ข้าร้อยมันเรียบร้อยแล้ว ตอนบ่ายข้าจะไปเอาเงินจากเอ็งอีกอย่าลืมเตรียมเอาไว้ให้ด้วยล่ะ”
ว่าแล้วนางกระเพราก็ผิวปากร้องเพลงออกไปอย่างอารมณ์ดีเช่นทุกวัน ท่ามกลางสายตาที่ห่อเหี่ยวและเหนื่อยหน่ายของบุตรสาวที่ยืนเท้าเอวมองตามอย่างเอือมระอา
“แม่น้าแม่ อะไรจะกันนักกันหนา”
เธอส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจก่อนจะตัดสินใจเดินเลี่ยงเข้าบ้านไป อย่างน้อยแม่ของเธอก็ยังร้อยพวงมาลัยเอาไว้ให้ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องเสียเวลามานั่งหลังขดหลังแข็งร้อยพวงมาลัยอีกแน่นอน
เด็กสาวเดินเข้ามาในห้องของตัวเองด้วยหัวใจที่เหนื่อยอ่อนเต็มที ร่างกายที่เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อจากแรงกายค่อยๆ ทรุดตัวนั่งลงบนที่นอน เธอหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าที่ยังเหลือเพียงสองร้อยบาทออกมา ถึงมันจะหายไปครึ่งหนึ่งแต่เธอก็ยังเปิดยิ้มออกมาได้
“เฮ้อ อย่างน้อยแม่ก็ยังใจดีไม่ตะคลุบเงินของเธอไปจนหมด กันเกรา”
หญิงสาวเปิดยิ้มพร้อมกับเอื้อมมือไปที่หัวเตียง ความมือหาของใต้หมอนสักพักก็เจอของที่เธอต้องการ มันเป็นถุงใส่เงินที่ซุกซ่อนอยู่ใต้หมอนของเธอมานานแล้ว นานจนเธอก็จำไม่ได้ว่ามันอยู่ที่นี่นานเท่าไร แต่ที่รู้ๆ ก็คือจำนวนเงินที่เธอเพียรนับมันทุกวันจนจำได้ว่าจำนวนเงินที่เธอหามาได้แต่ละวัน วันไหนมันจะเยอะหรือน้อยกว่ากัน
“เหลืออีกแค่สามพันห้าก็จะครบแล้ว กันเกราเอ้ย ในที่สุดความฝันของเธอก็จะกลายเป็นจริง เธอกำลังจะได้เรียนหนังสือแล้ว เธอได้ยินไหมว่าเธอกำลังจะได้เรียนหนังสือแล้ว”
หญิงสาวยิ้มเพ้อกับความฝันของตัวเองที่มันกำลังจะใกล้ฝั่งเข้ามาทุกที อีกไม่กี่เดือนมหาวิทยาลัยก็จะเปิด เธอจะได้เรียนหนังสือสักที หลังจากที่จบม. 6 พร้อมกับเพื่อนๆ ในปีที่แล้วเธอก็ตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินมาตลอด ถึงจะเรียนไม่ทันรุ่นเดียวกันแต่ก็ขอให้ได้เรียนถึงจะช้ากว่าใครไปหน่อยเธอก็ยอม
“เธอจะได้เรียนหนังสือแล้วกันเกรา อดทนเอาอีกนิด อดทนเข้าไว้ กันเกรา” เด็กสาวเอาแต่พูดพร่ำกับตัวเอง สองมือโอบกอดเงินจำนวนหนึ่งที่เธอแอบเก็บเอาไว้แนบอกอย่างแสนรัก
ในขณะที่เธอกำลังตกเข้าสู่ห้วงของความฝันที่บรรเจิดอยู่นั้น แก้วกาญจน์พี่สาวคนเดียวของเธอก็ได้เปิดประตูเข้ามาในห้องของน้องสาวอย่างเงียบๆ หญิงสาวหยุดมองภาพของน้องสาวอยู่ครู่หนึ่งด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข ก่อนจะเอ่ยทักออกไปในที่สุด
“ว่ายังไงจ๊ะแม่ดอกกันเกรา กำลังฝันกลางวันเรื่องอะไรอยู่จ๊ะ” ผู้เป็นพี่สาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แจ่มใสพร้อมกับเดินทอดน่องเข้ามานั่งใกล้ๆ กับน้องสาว
“พี่แก้ว พี่รู้ไหมจ๊ะว่าความฝันของกันเกราจะได้เป็นความจริงแล้ว กันเกรากำลังจะได้เรียนเหมือนเพื่อนๆ แล้ว พี่ดูซิจ๊ะเงินของกันเกรากำลังจะครบแล้ว”
“จ๊ะ พี่ดีใจด้วยนะ ว่าแต่เธอแน่ใจหรือว่าจะไม่ให้พี่ช่วยในเรื่องค่าลงทะเบียนเรียน”