“นิดากลับบ้านไปก่อนนะ วันนี้พี่มีนัดกับเพื่อนเก่า”
เสียงกรรชัยดังออกมาตามสายตั้งแต่ยังไม่ถึงสี่โมงเย็น ชายหนุ่มเป็นอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่เริ่มคบหากัน ญานิดาถอนใจออกมา ขณะหวนนึกไปถึงเหตุการณ์ที่ทำให้หล่อนตกลงปลงใจคบหากับกรรชัยในฐานะคนรัก
บ้านของกรรชัยกับหล่อนอยู่ติดกัน รู้จักกันมาตั้งแต่เล็กๆ และกรรชัยเนี่ยแหละที่เป็นคนแนะนำ ฝากฝังให้หล่อนได้มีโอกาสเข้ามาทำงานที่สายการบินหรูอย่างเมเนนเดซแอร์แวย์แห่งนี้ เขามีบุญคุณ หล่อนจึงไม่สามารถปฏิเสธคำขอของเขาได้
“พี่อยากเป็นแฟนกับนิดา ให้โอกาสพี่นะครับ”
ตอนนั้นหล่อนลำบากใจมาก เพราะความรู้สึกที่มีให้กรรชัย ไม่ใช่รัก เป็นความเคารพมากกว่า
“เอ่อ...นิดา”
“แค่คบกันก่อนก็ได้นิดา หากไปกันไม่รอดพี่ก็จะไม่ฝืน พี่รับรองว่านิดาจะรักพี่ได้ไม่ยาก ให้โอกาสพี่นะนิดา พี่รักนิดา”
คำอ้อนวอนออดอ้อนน่าสงสารของกรรชัยทำให้คนใจอ่อนอย่างหล่อนไม่กล้าที่จะปฏิเสธ แถมกรรชัยยังมีบุญคุณท่วมหัวอีก
“ค่ะ นิดาตกลง...”
และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา กรรชัยก็ตามหล่อนเป็นเงาตามตัว แต่กระนั้นหล่อนก็ไม่เคยให้กรรชัยได้แตะเนื้อต้องตัวแม้แต่ครั้งเดียว แม้กรรชัยจะร้องขอทุกวันก็ตาม
“ตามสบายเถอะค่ะ นิดาก็ยังไม่รู้ว่าจะได้กลับเมื่อไรเลยค่ะ”
“งานยุ่งเหรอนิดา” กรรชัยถามกลับมา
ญานิดาถอนใจออกมาก่อนจะตอบออกไปด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจนัก
“ไม่ใช่หรอกค่ะ แต่กำลังเป็นห่วงพี่หญิง ขึ้นไปหาท่านประธานตั้งแต่สิบเอ็ดโมงจนสี่โมงเย็นยังไม่ลงมาเลย ไม่รู้ถูกท่านประธานเล่นงานอะไรบ้างหรือเปล่า”
กรรชัยเบ้ปาก
“ก็ช่างแม่นั่นสิ นิดาถูกแม่นี่ข่มตลอดเวลาไม่ใช่เหรอ ให้มันถูกเด้งออกไปเลยยิ่งดี นิดาของพี่จะได้ขึ้นแทน”
คำพูดของคนรักทำให้ญานิดาถึงกับหน้าตึงขึ้นมาทันที มือบางกำกระบอกโทรศัพท์แน่น ก่อนจะพูดออกไปด้วยความไม่พอใจ
“ทำไมพี่ชัยพูดเหมือนคนเห็นแก่ตัวแบบนี้ล่ะคะ นิดาไม่ชอบให้พี่ชัยพูดแบบนี้”
“พี่พูดความจริงนี่นิดา คนเราก็ต้องเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้นแหละ”
ยิ่งฟังคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของกรรชัย ญานิดาก็ยิ่งหดหู่ สมองพยายามคิดทบทวนความสัมพันธ์ของตัวเองกับผู้ชายคนนี้ แต่สุดท้ายก็จำต้องปล่อยเลยตามเลย เพราะใจไม่กล้าพอที่จะเป็นฝ่ายบอกเลิกได้ นอกจากจะให้กรรชัยเป็นฝ่ายพูดก่อน
“ถ้าพี่ชัยพูดแบบนี้ นิดาก็ไม่พูดด้วยแล้วค่ะ แค่นี้นะคะ สวัสดีค่ะ”
“เดี๋ยวสินิดา นิดา”
กรรชัยร้องเรียกมาตามสาย แต่ญานิดาก็วางสายเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มจึงได้แต่ทำหน้าเบ้ใส่กระบอกโทรศัพท์อย่างไม่แยแส
“รอให้พี่ได้เธอเมื่อไรเถอะนิดา พี่จะเขี่ยเธอทิ้งทันที”
ดวงตาคมวาววับ รอยยิ้มร้ายกาจระบายเต็มใบหน้า ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหาสาวคนใหม่ที่ตอนนี้เขากำลังเร่งทำคะแนนอยู่ทันที
“น้องลีเหรอครับ เย็นนี้ที่เดิมนะ พี่คิดถึงน้องลีใจจะขาด จุ๊บๆๆ รักนะ” นิ้วเรียวกดวางสาย ก่อนจะเอนกายพิงกับพนักเก้าอี้หนังสีดำ พลางผิวปากออกมาอย่างอารมณ์ดีที่เย็นนี้จะได้ลาภปากจานใหม่
เวลาผ่านจนเกือบหกโมงเย็น ญานิดาที่ตอนนี้อยู่เพียงลำพังในห้องทำงานของแผนกบัญชีก็ลุกขึ้นยืนทันที เมื่อร่างหัวหน้าของตัวเองเดินเข้ามา ใบหน้าของสาวสูงวัยกว่าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ว่าเจอกับอะไรมา
“พี่หญิง...”
ทิชากรผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงินรีบปาดน้ำตาทิ้ง มองญานิดาอย่างตกใจ
“ทำไมยังไม่กลับบ้านไปอีกล่ะ”
“นิดารอพี่หญิงค่ะ”
“รอทำไม จะรอดูว่าฉันโดนไล่ออกสมใจหรือยัง ใช่ไหมล่ะ” ทิชากรตวาดกลับมาด้วยความเสียใจ
“นี่พี่หญิงถูกไล่ออกหรือคะ” ญานิดารีบเดินเข้าไปจับมือของหัวหน้า แต่ก็ถูกเจ้าหล่อนสะบัดออกอย่างแรง ก่อนที่จะก้าวฉับๆ ไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เก็บข้าวเก็บของทั้งน้ำตา
“มันเรื่องของฉัน ไปให้พ้นหน้าเลยไป!”
“นิดาไปไม่ได้หรอกค่ะ นิดาไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดเรื่องนี้ขึ้น นิดาขอโทษค่ะพี่หญิง”
ทิชากรเงยหน้าขึ้นมองลูกน้องคนสวยอย่างขุ่นเคือง แม้หล่อนจะไม่ได้ถูกไล่ออกเพราะเรื่องที่ส่งญานิดาขึ้นไปแทน แต่เป็นเรื่องที่หล่อนทำบัญชีผิดพลาดก็ตาม
“ขอโทษแล้วมันมีประโยชน์อะไรล่ะนิดา ในเมื่อพี่โดนท่านประธานไล่ออกแล้ว มีผลตั้งแต่วันนี้ เธอมีปัญญาช่วยพี่ได้หรือเปล่าล่ะ มีปัญญาไหม” ตวาดใส่หน้าญานิดาอย่างดุเดือด จนหญิงสาวน้ำตาซึม
“นิดา...คือว่านิดา...”
“นั่นไง เธอก็ไม่มีปัญญาช่วยอะไร แต่ก็นะ...พี่จะไปหวังอะไรกับคนสติปัญญาเท่ากับเม็ดแตงโมแบบเธอ ไปให้พ้นหน้าพี่ซะ พี่จะเก็บของ”
ทิชากรผลักร่างบอบบางของญานิดาแรงๆ จนสาวน้อยกระเด็นออกไปแทบล้มลงกองกับพื้น ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเก็บข้าวเก็บของต่อไปทั้งน้ำตา
“พี่หญิง...”
“บอกให้ไปไง หรือว่าต้องให้พี่ไปเอง”
คำพูดของหัวหน้างานที่ตอนนี้กลายเป็นอดีตไปแล้วอย่างทิชากร ทำให้สาวน้อยรู้สึกละอายใจเหลือเกิน แล้วก็พานนึกไปคนใจร้ายที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้งอย่างลูเซียส
‘หล่อนอาจจะต้องพูดกับเขา...ไม่ใช่อาจ แต่ต้องไปพูดกับผู้ชายคนนั้น ขอร้อง อ้อนวอนให้เลิกคำสั่งไล่ทิชากรออก’
คิดได้ดังนั้น ร่างบอบบางของญานิดาก็รีบผลุนผลันออกไปจากห้องทำงานของแผนกบัญชีอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าตรงไปที่ลิฟต์ทันที ลูเซียสคงยังไม่กลับ เพราะทิชากรพึ่งจะลงมา ยังไงวันนี้หล่อนก็จะต้องทำใจกล้า คุยกับราชสีห์ที่แสนจะเอาแต่ใจให้ได้
และเพียงไม่กี่นาที ร่างของหล่อนก็มายืนสั่นอยู่ที่หน้าห้องทำงานของลูเซียสจริงๆ เขายังไม่ได้กลับออกไป เห็นได้จากไฟที่ยังคงเปิดอยู่ แต่หล่อนจะกล้าเข้าไปเผชิญหน้ากับเขาไหมนะ ทำไมตอนนี้ขาถึงได้สั่นเทานัก เมื่อกี้ยังทำเก่งอยู่เลย
ญานิดาพ่นลมออกจากปากแรงๆ ยกมือขึ้นลูบหน้าของตัวเองราวกับเตรียมพร้อมที่จะต้องออกรบ ก็แน่ล่ะ การเผชิญหน้ากับผู้ชายที่ทรงอำนาจและมีความดุร้ายย่อมไม่ต่างจากการเดินเข้าไปในถ้ำเสือ
มือบางที่สั่นพอๆ กับเรียวปากยกขึ้นค้างอยู่ในอากาศ ทำท่าจะเคาะลงไป แต่ก็ชะงักอยู่อย่างนั้นหลายต่อหลายครั้ง
‘สู้สินิดา เธอจะไปกลัวเขาทำไม ลูเซียสก็หล่อเหมือนเทพบุตร ร่ำรวยมหาศาล และมีอำนาจวิเศษที่สามารถเป่าให้หล่อนไร้เรี่ยวแรง ก็เท่านั้น...ก็เท่านั้นเหรอ มันไม่ใช่ก็เท่านั้นหรอก หล่อนกลัวเขา ให้ตายเถอะ ปอดของหล่อนแหกจนแทบจะฉีกขาดจากกันแล้ว’
เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายขึ้นเต็มฝ่ามือและหน้าผาก หัวใจเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก มือที่ยกขึ้นทำท่าจะเคาะก็ค้างอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมกระแทกลงไปบนบานประตูไม้นั้นสักที จนในที่สุดมันก็เปิดออกเสียเอง ด้วยมือใหญ่ของคนที่หล่อนต้องการพบหน้า
“มาทำอะไรที่นี่”
คิ้วเข้มที่ตั้งขนานกับนัยน์ตาคมกริบของผู้ชายตรงหน้าเลิกขึ้นน้อยๆ ด้วยความแปลกใจ ก่อนที่ทุกความรู้สึกจะถูกฉาบทับด้วยความไม่พอใจ
ก็แน่ล่ะ เขาจะพอใจได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อมีสัตว์โลกที่เรียกว่าผู้หญิงมายืนอยู่ในสถานที่ที่เป็นที่ส่วนตัวของตัวเองแบบนี้
“ฉันถาม หูแตกหรือไง!”
ญานิดาสะดุ้งสุดตัว มองผู้ชายตรงหน้าด้วยสีหน้าซีดเผือด ความมุ่งมั่นที่ตระเตรียมมากระเด็นหายตกขอบโลกไปจนหมดสิ้น เหลือไว้แต่ร่างกายสั่นๆ ที่ดูแล้วน่าสมเพชเท่านั้น
“เอ่อ...คือดิฉัน...”
“ฉันให้โอกาสเธออีกครั้งเดียว มาทำอะไรที่นี่”
น้ำเสียงดุดันเล็ดลอดไรฟันขาวสะอาดออกมา กลิ่นกายประจำตัวของลูเซียสที่หล่อนได้สัมผัสเมื่อตอนสายโชยเข้ามาก่อกวนในความรู้สึกอีกแล้ว เมื่อเขาก้าวเข้ามาหาช้าๆ
“ฉัน...ดิฉันมีเรื่อง...จะคุยกับท่านประธานค่ะ”
“คุยกับฉันเนี่ยนะ?”
“เอ่อ...ค่ะ เรื่องสำคัญ”
น้ำเสียงตะกุกตะกักของสาวน้อยตรงหน้า ทำให้ลูเซียสแสยะยิ้มออกมาอย่างเหยียดหยาม การกระทำของเจ้าหล่อนในตอนนี้ยิ่งตอกย้ำพฤติกรรมของผู้หญิงหน้าเงินยิ่งขึ้นทุกขณะ
“ได้สิ ที่ไหนดีล่ะ ในรถหรือที่โรงแรม แต่ต้องไม่ใช่ที่บ้านของฉันนะ” ความหมายในคำพูดของลูเซียสไม่ได้ทำให้ญานิดาเข้าใจมันสักนิด