ขยี้สวาทเจ้าสาวนางบำเรอ ตอนที่ 4
“ครับ ที่รัก”
ผู้ชายตรงหน้าของหล่อนตะโกนตอบกลับผู้หญิงในรถเสียงนุ่ม ก่อนจะหันมามองหล่อนอีกครั้ง
“อย่าให้ฉันเห็นหน้าเธออีกเชียว ไม่อย่างนั้น เธอเจอดีแน่”
แล้วผู้ชายที่มีดีแค่หน้าตา แต่นิสัยโคตรจะแย่ก็เดินกลับไปขึ้นรถ และขับหายเข้าไปในบ้านของคุณหญิงกรรณิการ์เจ้าหนี้ของหล่อนนั่นเอง
หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาแห่งความเจ็บช้ำออกไปจากพวงแก้ม ลำคอของหล่อนตีบตันเมื่อถูกเหยียบย่ำราวกับไม่ใช่คน
หลังจากกล้ำกลืนน้ำตาลงไปในอกแล้ว หล่อนก็เดินไปที่หน้ารั้วใหญ่ และบอกจุดประสงค์ที่มากับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวัยกลางคน
“รอสักครู่นะ เดี๋ยวลุงโทรเข้าไปเรียนคุณท่านก่อน”
“ค่ะ”
หล่อนยืนรออยู่ไม่นาน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เดินออกมาจากป้อม มาหยุดตรงหน้า
“คุณท่านอนุญาตแล้ว เชิญหนูเข้าไปได้เลย ตรงไป เลี้ยวซ้าย ตึกใหญ่ๆ น่ะ”
“ขอบคุณค่ะลุง”
หล่อนยกมือไหว้คู่สนทนาที่มีวัยวุฒิสูงกว่า ก่อนจะผ่านรั้วบ้านขนาดใหญ่เข้ามาข้างใน
เจ้าหนี้ของหล่อนรวยจริงๆ นั่นแหละ และก็คงจะร่ำรวยมากไม่อย่างนั้นคงไม่มีบ้านหลังใหญ่โตราวกับพระราชวังแบบนี้หรอก
หล่อนมองสิ่งก่อสร้างตรงหน้าด้วยความชื่นชม และก็ยินดีกับเจ้าหนี้ของตัวเองอย่างจริงใจ
เพียงไม่นานหล่อนก็เดินมาหยุดที่หน้าตึกใหญ่ โดยมีผู้หญิงที่ไปทวงดอกเบี้ยกับแม่เมื่อเช้ายืนรอรับอยู่ ท่าทางของหญิงสูงวัยตอนนี้ยิ้มแย้มเป็นมิตร
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
หล่อนยกมือไหว้ตามมารยาท
“ไหว้พระเถอะ ไป... เข้าไปข้างในกัน คุณท่านกำลังรออยู่”
“เอ่อ... หนูแค่เอาดอกเบี้ยมาให้น่ะค่ะ ฝากคุณป้าจ่ายแทนด้วยนะคะ”
หล่อนกำลังจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบเงินจำนวนห้าพัน แต่ก็ต้องชะงัก
“คุณท่านอยากพบหนูผึ้งน่ะ”
“พบหนูเหรอคะ”
“ใช่ เข้าไปข้างในกันเถอะ”
หล่อนไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธใดๆ ทั้งนั้น เพราะต้องเกรงใจเจ้าหนี้ของครอบครัว
“ค่ะ”
หล่อนเดินตามหญิงสูงวัยที่ชื่อปรานีเข้ามาภายในตัวตึกใหญ่ ก่อนจะเห็นแผ่นหลังไวๆ ของผู้ชายคนที่เกือบจะขับรถชนหล่อนตายกลางถนนกับผู้หญิงของเขาเดินหายขึ้นไปชั้นบน
แม้หล่อนจะรู้สึกใจเต้นแรงมาก เมื่อได้สบตากับผู้ชายคนนี้ แต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่มีทางมองผู้หญิงที่อยู่คนละชั้นกับตัวเองหรอก
หล่อนยิ้มเศร้าๆ ให้กับตัวเอง ก่อนจะรีบยกมือไหว้ เมื่อป้าปรานีแนะนำให้รู้จักกับเจ้าหนี้ของครอบครัว
“คุณหญิงกรรณิการ์ เป็นเจ้าของเงินที่แม่กับพ่อของหนูหยิบยืมไปน่ะ”
“สวัสดีค่ะคุณท่าน”
หล่อนเรียกตามที่เคยได้ยินปรานีเรียก พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ด้วยกิริยามารยาทนอบน้อม
ผู้หญิงตรงหน้าของหล่อนเป็นผู้หญิงที่มีอายุมากแล้ว แต่ท่าทางมีสง่าราศีมาก แถมรอยยิ้มที่ระบายอยู่บนใบหน้าก็ยังเป็นมิตร ต่างจากคำว่าเจ้าหนี้หน้าเลือดมากนัก
“สวัสดีจ้ะ หนูคือคนพี่ใช่ไหม”
ดาหลาแปลกใจกับคำถามของเจ้าหนี้นัก แต่ก็ผงกศีรษะตอบออกไป
“ค่ะ”
คุณหญิงกรรณิการ์มองเด็กสาวที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ตรงหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะหันไปมองปรานี
“แม่ปรานีไปยกน้ำยกท่ามาให้หนู...”
“เอ่อ หนูชื่อดาหลาค่ะ แต่แม่จะเรียกว่าผึ้ง”
“หนูผึ้ง... ชื่อน่ารักเชียว” คุณหญิงกรรณิการ์เอ่ยชม และก็พยักเพยิดให้ปรานีไปทำตามคำสั่ง
“ค่ะคุณท่าน”
เมื่อปรานีออกไปแล้ว คุณหญิงกรรณิการ์ก็เรียกให้หล่อนขึ้นไปนั่งบนโซฟาด้วย แต่หล่อนปฏิเสธเพราะกลัวว่าโซฟาจะเปื้อน
“หนู... นั่งตรงนี้ดีกว่าค่ะคุณท่าน”
“มานั่งข้างบนเถอะ นี่เป็นคำสั่งของฉันนะ”
เมื่อไม่มีทางเลือก หล่อนจึงลุกขึ้นปัดเนื้อปัดตัวของตนเองไปมาจนคิดว่ามันสะอาดแล้ว ก็หย่อนกายลงนั่งบนโซฟาด้วยความระมัดระวัง จนคนมองอดที่จะอมยิ้มเอ็นดูไม่ได้
“เห็นแม่ปรานีบอกว่าหนูกำลังหางานทำอยู่เหรอ”
“ใช่ค่ะคุณท่าน”
“แล้วรู้ใช่ไหมว่าครอบครัวของหนูน่ะเป็นหนี้ฉันอยู่เกือบแสนทีเดียว”
หล่อนก้มหน้าเศร้าๆ ลงมองฝ่ามือที่ประสานกันบนตักของตัวเอง
“ค่ะ หนูทราบค่ะ และหนูก็สัญญานะคะว่าหนูจะรีบหางานทำให้ได้ และก็ทยอยผ่อนใช้หนี้ให้คุณท่านค่ะ”
“ดอกมันก็ขึ้นทุกวันนะหนูผึ้ง แล้วกว่าจะใช้ได้ทั้งต้นทั้งดอก จะต้องใช้เวลากี่สิบปีกันล่ะ”
“หนู... จะพยายามค่ะ”
“ฉันอาจจะต้องตายก่อนที่จะได้เงินก้อนนั้นคืนจากครอบครัวหนูล่ะมั้ง”
หล่อนช้อนตาขึ้นมองเจ้าของคำพูด และก็รู้สึกละอายใจยิ่งนัก
“หนู... จะทำงานเยอะๆ ค่ะ”
“ฉันรอไม่ไหวหรอก”
“คุณ... ท่านหมายความว่ายังไงเหรอคะ”
หล่อนสบประสานสายตากับดวงตาของเจ้าหนี้ของครอบครัว
“ฉันมีงานให้หนูทำ”
ดาหลายิ้มกว้างด้วยความดีใจ หล่อนยิ้มทั้งปากทั้งดวงตา
“จริงเหรอคะ... คุณท่านมีงานจะจ้างให้หนูทำเหรอคะ”
“ใช่ มันเป็นงานสบายๆ ถ้าหนูรับปากที่จะทำ ฉันจะยกหนี้ทั้งหมดให้กับครอบครัวของหนู”
หัวใจของดาหลาลิงโลด และก็รีบยกมือไหว้สตรีสูงวัยตรงหน้าอย่างขอบคุณสุดซึ้ง
“ขอบคุณคุณท่านมากค่ะ ขอบคุณเหลือเกินค่ะที่มอบโอกาสให้หนูได้รับใช้...”
คุณหญิงกรรณิการ์อมยิ้ม เด็กสาวตรงหน้าช่างน่ารักน่าเอ็นดู แม้จะไม่สวยบาดตาเหมือนกับคู่ควงของหลานชาย แต่ก็สวยพิศ ยิ่งมองยิ่งมีเสน่ห์
“นี่หนูผึ้งจะไม่ถามฉันหน่อยเหรอว่างานที่ฉันจะให้ทำน่ะคืองานอะไร”