เพล้ง!
เคล้ง!
ตุ้บ!
ฉันยืนมองผลงานตัวเองที่ทำลายข้าวของในห้องสี่เหลี่ยมหรูหราโทนสีเทาดำนี้อย่างมีความสุข "แค่นี้ยังน้อยไป"
ส่ายหน้าไปมาให้กับเศษซากแจกัน กรอบรูป ที่นอน หมอนผ้าห่ม ที่เละเทะอยู่บนพื้นห้อง ก่อนหน้านี้ฉันเกือบถูกงูฉกตายเพราะไอ้บ้าไททันมันล่ามโซ่ฉันไว้เลยวิ่งหนีไปไหนไม่ได้ ฉันกลัวงูตัวนั้นจนสลบไปแล้วมาฟื้นอีกทีที่ห้องที่แสนจะแปลกตาห้องนี้
ไม่รู้หรอกว่าใครอุ้มฉันขึ้นมาแต่คิดว่าคงไม่ใช่ไททันแน่เพราะถ้าเป็นหมอนั่นต้องพาฉันกลับไปที่ห้องมืดห้องเดิม แต่ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครฉันขอบคุณแล้วกันที่ช่วยให้ฉันได้ระบายความแค้นทั้งหลายด้วยการทำลายห้องนี้
กริ้งงงง
กำลังจะเดินไปหยิบกรอบรูปจิ๊กซอว์รถยุโรปที่แขวนข้างผนังห้องมาทุบทิ้งแต่เสียงโทรศัพท์บ้านเครื่องสีครีมดันดังขึ้นซะก่อน
"อ้อ เล่นงี้เลย?" ฉันแสยะยิ้มเมื่อเข้าใจแล้วว่าทำไมไททันถึงได้ปล่อยให้มีโทรศัพท์ไว้ในห้องนี้ ทั้งๆ ที่ตอนแรกฉันโคตรดีใจที่จะได้โทรให้คนมาช่วย แต่พอยกหูขึ้นกลับไม่สามารถโทรออกไปไหนได้ แต่นาทีนี้กลับมีคนโทรเข้ามาได้แสดงว่าไททันต้องทำอะไรกับโทรศัพท์สักอย่างเพื่อปิดกั้นการหนีของฉัน
"เสียใจด้วยนะที่ฉันยังไม่ตาย" ทันทีที่ยกหูโทรศัพท์บ้านขึ้นฉันไม่พูดพร่ำทำเพลงกรอกเสียงแหลมๆ ออกไปประชดเขาทันที
[ไม่เสียใจเลย] ปลายสายตอบกลับมาเสียงเรียบก่อนที่ฉันจะได้ด่าอะไรเขากลับ ไททันก็พูดแทรกออกมาก่อน [เพราะถ้าเธอตายตอนนี้มันเร็วไป]
"ไททัน!!" ฉันเรียกชื่อเขาอย่างเคียดแค้น
[เก็บกวาดห้องฉันให้เรียบร้อยก่อนที่ฉันจะกลับไป]
และก็ไม่แปลกใจเลยที่เขาพูดมาแบบนี้ หมอนี่ต้องติดกล้องไว้ที่ไหนสักที่ในห้องอาจจะติดตั้งแต่ฉันยังไม่มาหรือเพิ่งติดอันนี้ช่างมันฉันไม่อยากรู้
"ห้องใคร คนนั้นก็มาเก็บกวาดเองสิ" ฉันแสยะยิ้มมองไปทั่วห้องเผื่อกล้องจะได้จับภาพรอยยิ้มสะใจของฉันให้ผู้ชายในสายเห็นชัดๆ
[อย่าให้พูดซ้ำสอง นาเดียร์] ไททันไม่เคยกลัวสิ่งที่ฉันทำหรือขู่เลยสักนิด หมอนี่มันซาตานยิ่งกว่าฉันเสียอีก "อย่าให้พูดรอบที่สาม ห้องใครก็มาเก็บกวาดเองแล้วกัน"
ตุ้บ!
พูดเสร็จฉันกระแทกหูโทรศัพท์เต็มแรงก่อนจะกวาดสายตามองผลงานตรงหน้า
"ยังมีที่ว่างอยู่เลย" มองพื้นที่ว่างสลับกับกรอบรูปที่แขวนอยู่ผนัง ก่อนจะเหยียดยิ้มออกมาอย่างช้าๆ มองไปยังมุมห้อง เห็นกล้องจิ๋วตัวแทนไอ้บ้าไททันติดอยู่
"สวยดีนะ" ยกมือลูบกระจกของกรอบรูปนั้นไปมาช้าๆ ราวกับหลงใหลมัน
"แต่วางผิดที่ไปหน่อย ว่ามั้ย?" หันหน้าไปถามคนที่อยู่อีกที่ผ่านกล้องตัวนั้น
กริ้งงงง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง นั่นยิ่งทำให้ฉันยิ้มกว้าง
"อ้อ หวงเหรอ?" ฉันเลิกคิ้วพูดกับลมฟ้าอากาศในห้อง ก่อนจะค่อยๆ หยิบกรอบรูปนั้นออกมาถือไว้ "เขาบอกว่าอย่าเล่นกับไฟ" ฉันยังพูดอยู่คนเดียวในห้องสี่เหลี่ยมที่มีใครอีกคนจับตาดูทุกการกระทำผ่านกล้องอยู่ที่ไหนสักที่
"แต่ฉันมันพวกไม่กลัวไฟ งั้นขอลองเล่นกับของรักของหวงนายหน่อยแล้วกันนะ"
เพล้ง!
"อุ้ย! หลุดมือ I'm so sorry" ยกมือปิดปากคล้ายกับตกใจที่ทำกรอบรูปนั้นหลุดมือจนเศษกระจกแตกกระจาย ก่อนจะใช้เท้าขยี้ไปที่ตัวจิ๊กซอว์นั้นให้มันกระจัดกระจายออกจากกัน
"แบบนี้สิถึงจะสวย ศิลปะบนพื้นกระเบื้อง" ยืนมองผลงานตัวเองรอบห้องที่บัดนี้มันกลายเป็นห้องที่เต็มไปด้วยเศษซากกระจกและข้าวของที่เกลื่อนกลาด
"ฉันไม่ผิดนะที่ทำลายพวกแก" นั่งยองๆ ลูบไล้เศษซากข้าวของที่ตัวเองทำลายด้วยน้ำเสียงเศร้าสลด ก่อนจะมองไปที่กล้องตัวเดิม
"ต้องโทษเจ้าของห้องนี้ที่ทำร้ายฉันก่อน" น้ำเสียงฉันแข็งขึ้นจนเกือบจะกลายเป็นเยือกเย็น "คำก็บอกฉันเลว ฉันชั่ว" ยิ่งพูดก็เหมือนตอกย้ำตัวเอง
"แล้วที่จับฉันมากักขังอยู่นี่เรียกว่าทำดีงั้นเหรอ"
เพล้ง!
ปากแจกันที่แตกแล้วถูกฉันขว้างไปมุมห้องที่มีกล้องตัวนั้นติดอยู่
แหมะ แหมะ
รู้สึกจี้ดๆ ที่ฝ่ามือไม่ต้องมองดูก็รู้คงถูกแก้วบาด แต่ไม่เจ็บหรอก แค่นี้มันยังไม่เจ็บเท่าการที่ถูกกักบริเวณและทนทรมานมาตั้งสองเดือน
"ขังฉันให้นานๆ ล่ะไททัน ถ้าเผลอให้ฉันหลุดไปได้เมื่อไหร่อย่าหาว่าฉันเลวแล้วกัน"
สาบานไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้าฉันหลุดพ้นจากผู้ชายคนนี้ออกไปได้เมื่อไหร่
ทั้งสถานะคู่หมั้นและธุรกิจทีเอสคลับของเขาจะต้องเละเทะไม่มีชิ้นดีแน่ๆ
@เช้าวันต่อมา
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในสถานที่เดิมๆ นั่นคือห้องปิดตายที่มืดมิด ไททันคงย้ายฉันกลับมาอยู่ห้องนี้ตอนฉันเผลอหลับ
"ซี้ด" เผลอใช้ฝ่ามือค้ำยันตัวให้ลุกขึ้นจนแผลที่ถูกกระจกบาดปริเลือดซึมออกมา "หึ" หัวเราะสมเพชตัวเอง นี่ขนาดมือฉันเป็นแผลหมอนั่นยังไม่สนใจใยดีหายามาทาหรือแม้แต่เช็ดคราบเลือดให้ฉันเลย
"น่าจะเป็นบาดทะยักตายๆ ไปซะ" ฉันเหลือบตามองเสียงทุ้มที่ดังขึ้นมุมหนึ่งของห้อง เจ้าของดวงตาสีฟ้าอมเทานั่งอยู่บนเก้าอี้หัวโล้นพิงผนังห้องท่าทางสบายๆ
"ถ้าอยากให้ฉันตายนักก็จับโยนน้ำถ่วงหินไปเลยสิ" ฉันประชดกลับท่าทางนิ่งๆ
เมื่อวานตอนที่อยู่สวนหลังบ้านไททันฉันเดินสำรวจรอบๆ บ้านเท่าที่โซ่เส้นนั้นไปถึงจึงพบว่า หลังบ้านเขาติดคลอง ถึงจะไม่กว้างเท่าไหร่แต่คิดว่าน่าจะลึกเอาการ
ถึงฉันว่ายไปได้อีกฝั่งก็มีแต่ป่าซึ่งไม่รู้ว่าจะไปโผล่ที่ไหน หรือถ้าจะว่ายแล้วขึ้นฝั่งเดียวกับบ้านหลังนี้ก็คงไกลเอาการเพราะบ้านหมอนี่กว้างมากน่าจะเกือบๆ สองไร่ได้มั้ง
"อย่างเธอจับถ่วงน้ำมีแต่จะทำลายแม่น้ำลำคลองให้เน่าเสีย"
ฉันกัดปากจนดังกรอดๆ เมื่อไททันหลอกด่าฉันว่าเป็นตัวเชื้อโรคและของเสีย
"พูดยังกับว่าตัวเองดีตาย" ด่ามาด่ากลับ
ฉันกับเขาก็ไม่ต่างกันหรอก ถ้าฉันเลวที่เกือบฆ่าเพื่อนรักในอดีต เขาก็คงเลวที่กักขังและทำร้ายฉันในปัจจุบันเช่นกัน
"ก็ไม่เคยบอกว่าฉันเป็นคนดี" ไททันเดินออกมาจากมุมมืดก่อนจะตรงดิ่งมาที่เตียงนอนที่ฉันนั่งอยู่ "แต่ฉันไม่เคยวางแผนฆ่าใครเหมือนเธอ"
"อ๊ะ!" ปลายคางฉันถูกมือหนากุมอย่างแรงก่อนจะเชิดใบหน้าขึ้นให้สบตาคมคู่นั้นของเขา
"ถามหน่อยเถอะนาเดียร์" ไททันมองมาที่ช่วงอกฉันทางด้านซ้ายก่อนจะพูดต่อ
"จิตใจเธอมันทำด้วยอะไร แค่ผู้ชายไม่รับรักถึงกับคิดจะฆ่าจะแกงเพื่อนที่คบหากันมาตั้งหลายปีลงคอ"
"อื้อ" พยายามกลั้นเสียงไม่ให้แสดงออกว่าเจ็บจากแรงบีบของเขามากนัก
"ตอบฉันหน่อยสิ จิตใจของผู้หญิงเลวๆ อย่างเธอมันทำด้วยอะไร"