ก๊อกๆ
ปกติก็ไม่เคาะหรอก แต่นี่ยังเช้าอยู่ ลองสักหน่อยเพื่อมารยาทที่ดี
"กูเข้าไปนะ" เคาะก็แล้ว ยืนรอก็เงียบ เลยถือวิสาสะพูดเองเออเองเปิดประตูเข้าไปด้านใน
ห้องนี้ค่อนข้างกว้างเพราะเป็นทั้งห้องทำงานและห้องนอนญาติผมคนนี้ แต่เท่าที่มองดูโซนทำงานและรับแขกไม่มีร่างสูงอยู่ งั้นขอเดินไปดูที่ห้องนอนที่อยู่ด้านหลังหน่อยแล้วกัน
"ไปไหนของมันวะ!?" สบถอย่างหัวเสีย
เวลามีเรื่องด่วนเรื่องสำคัญทีไรไอ้ญาติผู้น้องคนนี้ชอบหายหัวจริงๆ
"หรือว่ามันจะกลับบ้าน"
บ้านที่ผมกำลังพูดถึงเป็นบ้านที่มันซื้อไว้ตั้งแต่เริ่มเปิดคลับนี้เมื่อหกเจ็ดปีที่แล้ว ซื้อทำเฮี้ยไรก็ไม่รู้ตั้งแถวชาญเมือง ไกลก็ไกล แถมต้องเสี่ยงนั่งตูดชาเพราะต้องฝ่ารถติดในเมืองออกชาญเมืองอีก
แต่ทำไงได้ ตอนนี้ผมต้องพึ่งมันงานผมถึงจะสำเร็จ
"อย่าให้กูเจอตัวจะบ่นจนหูชา" ปากก็บ่น ขาก็ก้าวเดินไปข้างหน้า ลงมาชั้นล่าง เจอเข้ากับพนักงานที่สนิทที่สุดในนี้
"ไอ้เอ็กซ์!" ผมตะโกนเรียก 'เอ็กซ์' บาร์เทนเดอร์ที่หน้าตาหล่อเหลาที่สุดของที่นี่ และสนิทกับผมระดับหนึ่ง
"อ้าว สวัสดีครับเฮียตีสอง" สังเกตไหมว่าสองคนที่เจอผมทักไม่เหมือนกัน
ก็บอกแล้วระดับความสนิทมันต่างกัน ไอ้เอ็กซ์นี่จัดอยู่ระดับที่สอง ยังมีสรรพนามสำหรับคนสนิทมากๆ อยู่อีกนิดหน่อย
"เฮียมึงไปไหน" ไอ้เอ็กซ์สนิทกับเจ้าของที่นี่กว่าพนักงานคนอื่นๆ ถามมันอาจจะได้คำตอบที่ดีกว่า
"เมื่อคืนพอคลับปิดก็รีบขับรถออกไปเลยเฮีย" มันว่า ก่อนจะพูดต่อ "แต่เหมือนจะไปไหนสักที่เพราะเห็นเตรียมเสื้อผ้าแล้วก็อาหารแห้ง"
ผมคิดตามที่ไอ้เอ็กซ์พูด เตรียมเสื้อผ้า อาหารแห้ง มันจะไปถือศีลหรือไง ไม่หรอก คงกลับบ้านอย่างที่ผมฟันธงไว้นั่นแหละ
"เออ ขอบใจ"
"ไม่เป็นไรเฮีย" ถ้าไอ้นี่เป็นผู้หญิงผมว่าต้องสวยมากแน่ๆ ขนาดเป็นผู้ชายยังหล่อออกหวานๆ เลย
"เอ้อ เอ็กซ์" นึกอะไรขึ้นได้พอดี
"ฮะ?" ไอ้เอ็กซ์ที่กำลัฃจะเดินไปทำหน้าที่มันหยุดชะงักก่อนจะหันมาเลิกคิ้วถาม
นี่ถ้าผมนิยมกินเพศเดียวกันคงจับไอ้หน้าหวานตรงหน้ากดแม่งบนบาร์แล้ว
"ถ้าลูกพี่เอ็งกลับมาบอกให้โทรกลับหาด่วน" สั่งไว้เพราะกลัวจะสวนทางคาดกันไปกันมา
"ได้ฮะ เดี๋ยวจัดการให้" รอยยิ้มขี้เล่นผุดขึ้นมา
เอ็กซ์เอ้นเอ็กซ์ กูล่ะเสียวจะมีคนหน้ามืดจับมึงไปกินจริงๆ
"งั้นไปล่ะ" ผมโบกมือลาไอ้เอ็กซ์ก่อนจะเดินกลับมาขึ้นรถตัวเองที่จอดอยู่หน้าคลับ
"ลองอีกสักรอบดิวะ" ก่อนจะขึ้นรถผมเลยหยิบมือถือขึ้นมากดโทรซ้ำลงไปที่เบอร์เดิม
ตู้ดดดด
เสียงรอสายดังจนตัดไปเองอีกครั้ง
"แม่งต้องให้เหนื่อย เดี๋ยวไม่ช่วยแม่งเลย" บ่นให้ญาติผู้น้องก่อนจะขึ้นรถขับออกไปทางชานเมืองเพื่อไปหาตัวต้นเหตุให้ผมขับรถเล่นรอบเมือง
@บ้านไททันแถวชานเมือง
ใช้เวลาขับจากทีเอสคลับมาที่นี่เกือบชั่วโมงกว่าๆ เป็นอะไรที่ทรมานโคตรๆ อาจจะเพราะผมเคารพกฎจราจรไม่ได้ขับเร็วมั้งเลยมาช้า
ผมจอดรถไว้หน้าประตูบ้านสีขาวนวล ก่อนจะกดโทรออกหาเจ้าของบ้านอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม มันไม่ยอมรับสาย
"เข้าไปเลยแล้วกันวะ" ใช้กุญแจสำรองที่เจ้าของบ้านเคยให้ไว้ตั้งนานแล้วไขประตูรั้วบานเล็กเข้าไป
"อยู่นี่จริงๆ ด้วย" ผมมองเห็นรถ Lykan Hypersport ซูเปอร์คาร์สีดำมะเมี่ยม ที่ผลิตเพียง 7 คันเท่านั้นจอดอยู่ในโรงจอดรถ
"แล้วเสือกไม่รับโทรศัพท์กู อย่าให้รู้ว่าพาหญิงมาซุกนะมึง" ผมก็บ่นไปเรื่อยตามประสาอายุเลขสามต้นๆ ของตัวเองนี่แหละ
เอาเข้าจริงๆ ผมไม่เคยเห็นไอ้ญาติผู้น้องคนนี้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนหรือจีบผู้หญิงเลยสักคน
ครืดดด
ผมเลื่อนประตูกระจกใสที่หน้าบ้านก่อนจะตรงดิ่งเพื่อเตรียมตัวขึ้นชั้นสอง แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเลือกเดินไปที่ประตูอีกบานที่อยู่ด้านหลังบ้านมัน
"มันกลัวขโมยขนาดนี้เลย" ผมเห็นลูกกุญแจอันใหญ่คล้องอยู่ที่บานประตู ถึงจะบอกว่าที่นี่นอกชาญเมืองที่เจ้าของบ้านหลังนี้รวยมาก ขนาดรถราคาเป็นร้อยล้านยังมีปัญญาซื้อ มันจะมากลัวอะไรแค่ขโมยขึ้นบ้านผมว่าชักจะมีกลิ่นตุๆ
แกร้ง!!
"โอ้ย!"
ตอนแรกก็เลิกสนใจเรื่องความปลอดภัยบ้าบออะไรของมันแล้วแหละ แต่จังหวะที่หมุนตัวจะเดินไปลากตัวปัญหาที่ทำผมเสียเวลามาหลายชั่วโมงมาคุยธุระ หูก็ได้ยินเสียงเหมือนเหล็กหรืออะไรแข็งๆ กระทบพื้นปูน ตามมาด้วยเสียงร้องขอผู้หญิง
"ผู้หญิง? เอาจิดิ!" ผมเปิดผ้าม่านหน้าต่างที่อยู่ติดกับประตูบานนั้นออกดู
ประตูที่ว่ามันคือทางเข้าออกของสวนหลังบ้าน ตรงจุดนั้นมีผู้หญิงผมสีทองดัดหลอนปลายนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้นตรงใกล้ๆ ศาลาริมน้ำ
กึกๆ
ผมเขย่ากุญแจที่ใช้ล็อกประตูนั้นไว้พร้อมมองหาลูกกุญแจว่าไอ้เจ้าของบ้านโรคจิตนี้มันเอาไปซ่อนตรงไหน แต่ไหล่กลับถูกมือหนาจับไว้ก่อน
หมับ!
"เฮียมาทำไม"
หน้านิ่งๆ เหมือนคนเพิ่งตื่นนอนหมาดๆ ถามขึ้น แต่ผมไม่สนใจเลือกที่จะถามมันกลับแทน
"นี่มึงริอาจเป็นโจรลักพาตัว?" มันไม่ยอมตอบ แต่เชือกผลักไหล่ผมให้เดินนำหน้ามันไปที่โซฟาห้องนั่งเล่น
"ไอ้ไททัน กูพี่มึงมั้ย?"
"แค่ญาติที่แก่กว่า"
เออ ไอ้ฉิบหาย สาบานว่าผมแก่กว่ามันสามปี นี่ไม่มีความรับถืออะไรกูเลย ถ้าไม่นับถืออายุก็เกรงใจดาวบนบ่า ตำแหน่งหน้าที่การงานกูด้วย
โว้ย!! อารมณ์เสีย
Taitan's said
รำคาญหูฉิบหาย ใครส่งเฮียสองมาวันนี้วะ
ตุบ!
พอลากเฮียตีสองที่เป็นญาติผู้พี่ผมถึงห้องนั่งเล่นเสร็จก็ผลักเฮียแกลงนั่งที่โซฟาคนละตัวกับตัวเอง
"มึงช่วยเกรงใจดาวบนบ่ากูได้ป้ะ!?" ผมหยักไหล่ไม่ใส่ใจกับคำพูดนั้นของเฮียตีสอง ก่อนจะรีบถามถึงการมาเยือนบ้านผมในวันนี้
"เฮียมาทำไม / ผู้หญิงคนนั้นใคร?"
เสียงพวกเราสองคนแทบจะออกมาพร้อมกันจนฟังไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ก็เข้าใจดีว่าเฮียตีสองถามอะไร
"ไม่ต้องยุ่ง" ฟังดูเหมือนผมไม่ให้เกียรติญาติผู้พี่คนนี้เลยใช่ไหม ก็คงประมาณนั้นแหละ อาจจะเพราะเราสนิทกันมากจนบางทีผมเห็นเฮียแกเป็นเพื่อนมากกว่าพี่ ก็เหมือนเด็กสามคนที่อยู่ในกลุ่มผมที่แทบจะตบหัวผมเล่น ไม่เคารพความเป็นพี่ของผมเลย แต่ดีที่พวกมันยังเรียกผมเฮีย
"ไม่ยุ่งไม่ได้ว่ะ" เฮียตีสองส่ายหน้าไปมาแต่ตายังจ้องมาที่ผมเหมือนคาดคั้นผู้ร้าย
นี่สัญชาตญาณความเป็นตำรวจออกอีกแล้วสิท่า
"ปล่อยผ่านบ้าง แก่แล้วนะ" ผมหยิบบุหรี่พร้อมไฟแช็กขึ้นมาเตรียมจุดสูบ
"เก็บ!" เสียงเข้มกดต่ำ ทำผมที่ปากคาบมวนบุหรี่ไว้แล้วต้องชะงัก
เสียงเข้มๆ จริงจังแบบนี้ของเฮียตีสองจะมาตอนที่อยู่ในโหมดสารวัตรตราบศึก ถ้างั้นตอนนี้ในสายตาเฮียตีสองคงมองผมเป็นผู้ต้องหาคนหนึ่งที่รอรับคำสารภาพผิด
"สรุปจะรู้ให้ได้?" คิ้วเข้มของผมเลิกขึ้นอย่างกวนๆ พร้อมด่าในใจว่า 'จะอยากเสือกอะไรขนาดนี้พี่กู'
"เออ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะไอ้ไททัน นั่นมึงกำลังริดรอนสิทธิส่วนบุคคลอยู่ มึงไปล่าม"
ตุ้บ!
ผมแกล้งทุบวางไฟแช็กลงโต๊ะเพื่อหยุดสิ่งที่เฮียตีสองกำลังจะเทศนาผม
“เรื่องของผมเฮียปล่อยไปเถอะ ทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็นสักเรื่องดีกว่า” ผมจ้องหน้าเฮียตีสองอย่างจริงจัง เรื่องบางเรื่องผมก็ไม่ได้อยากให้ใครมายุ่งเหมือนกัน ยิ่งโดยเฉพาะยัยนั่น ผมยิ่งไม่อยากให้เฮียตีสองมารับรู้อะไรไปมากกว่าวันนี้
“เออ เอาที่มึงสบายใจไอ้ไท” เฮียตีสองพูดเสียงติดงอน
“ขอบใจว่ะเฮีย” คนถูกผมขอบใจทำปากยื่นปากยาวใส่
“แล้วธุระของเฮียล่ะ” ในเมื่อเฮียตีสองยอมยกธงขาวแล้ว ผมเลยรีบเปลี่ยนเรื่องทันที ไม่งั้นเดี๋ยวเฮียผมคนนี้ได้วกกลับไปเรื่องยัยนั่นอีกแน่
แปะ!!
รูปถ่ายขนาดเท่าฝ่ามือถูกวางลงบนโต๊ะตรงหน้า ก่อนเฮียตีสองจะใช้นิ้วชี้เลื่อนรูปใบนั้นมาใกล้ๆ ฝั่งผม
"ใคร?" ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน จู่ๆ ก็เอารูปถ่ายใครไม่รู้หัวสีนกแก้วท่าทางเหมือนพวกติดยาแถวซอยบ้านผมออกมาให้ดู
"ไอ้นี่มันจะไปปล่อยยาที่คลับมึง" รอยยิ้มบนมุมปากยกขึ้นนิดหน่อย เฮียตีสองเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเหมือนกำลังพูดว่า 'มึงต้องขอบคุณกูกับข่าวนี้' อะไรทำนองนั้น
"เฮียก็ไปจับดิ" ผมพาดแขนทั้งสองข้างวางบนพนักพิงหลังท่าทางสบายๆ อยากดูดบุหรี่ฉิบหาย แต่ไอ้เฮียแม่งไม่ยอมกลับสักที
แล้วทำไมผมไม่ดูด? ก็เดี๋ยวไปเฮียมันจะอยากดูดบ้างน่ะสิ ตอนนี้เฮียตีสองกำลังเลิกดูดบุหรี่อยู่น่ะ แกเลิกมาได้เกือบจะสามเดือนแล้วแต่ก็ยังมีอยากบ้างเวลามีคนมาดูดบุหรี่ตรงหน้า แต่เฮียแกไม่กล้าใช้สายตาดุด่าแบบนี้กับคนอื่นยกเว้นคนสนิทเท่านั้น
"ถ้ามันง่ายกูคงไม่ถ่อมาหามึงถึงที่นี่"
สีหน้าเฮียตีสองดูขยาดกับการเดินทางในเมืองมาบ้านผม
ก็นะ บ้านผมมันอยู่เขตชาญเมือง จะเดินทางมาทีไม่ต่ำกว่าชั่วโมงในการขับรถส่วนตัว แต่บังเอิญรถผมมันแรง ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว
"แล้ว?" ผมเลิกคิ้วถามท่าทางสบายๆ
"มึงต้องช่วยเฮีย"
เวลาจะใช้แรงงานน้องนุ่งนี่พูดฮงพูดเฮีย เหมือนถูกหลอกใช้ยังไงไม่รู้
"ไม่ เว้นแต่ว่า..." ผมหยุดคำพูดไว้แค่นั้น ก่อนจะมองผ่านไปยังประตูหลังบ้านที่มีกุญแจดอกใหญ่คล้องไว้อยู่
"ไม่ๆๆๆ" เฮียตีสองมันฉลาด รู้ว่าผมหมายถึงอะไร
"งั้นก็ไม่ เหมือนกัน" ผมเน้นหนักแน่นในคำตอบ
"ไอ้ไททัน มันคนละเรื่องนะเว้ย"
"เรื่องเดียวกัน" ผมไม่สน ผมหน้าด้าน
ถ้าอยากให้ช่วยจับพวกนั้นก็แค่ทำตามที่ผมขอ ทุกอย่างก็จบ win win กันทั้งคู่
เฮียตีสองได้ผลงาน ส่วนผมได้... ดัดนิสัยผู้หญิงสารเลว!!