คืนวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว งานแต่งที่ถูกจัดอย่างเร่งรีบก็ใกล้ถึงเวลาเต็มที
จางฉวนโกรธชิงหลินย่อมสมควรแล้ว เพราะนางอยู่กับกงหนิวผู้นั้นทั้งคืนจริงๆ แต่จางฉวนก็ยังยอมแต่งงานเพื่อปกป้องชื่อเสียงของนาง
ชิงหลินจึงคิดว่าเรื่องของเขากับน้องสาว นางพร้อมให้อภัยอีกฝ่ายเช่นกัน ทั้งยังคิดเอาไว้ว่าจะยินยอมให้เขาแต่งชิงลี่เป็นอนุอีกด้วย เพื่อความสุขของสามี นางต้องทนทุกข์ก็ไม่เป็นไร
แค่เขาพึงพอใจไม่รังเกียจนาง...
ชิงหลินคิดอย่างใจกว้าง เป็นสตรีจิตใจงดงาม มองทุกสิ่งในแง่ดี ไม่มีความคิดเป็นอื่นกับบิดามารดาและน้องสาวตลอดจนชายคนรัก
พิธีแต่งงานเกิดขึ้นไม่กี่วันถัดมา ชิงหลินในชุดเจ้าสาวคลุมหน้าด้วยผ้ามงคลปกปิดใบหน้าสีชาดอมยิ้มอย่างมีความสุข
ขบวนงานแต่งไม่ใหญ่มากนัก ผู้คนที่มาร่วมคือชาวบ้านที่พร้อมใจกันมาเป็นพยาน
ชิงหลินมองเห็นรอบทิศไม่ชัดเจน เพราะมีผ้าคลุมหน้าบดบังสายตาตลอดเวลา อีกทั้งหลังจากจิบชาหอมไปหลายถ้วยเพื่อลดอาการตื่นเต้นก็รู้สึกมึนงงไม่น้อย
พิธีการดำเนินไป เสียงเซ็งแซ่แสดงความยินดีดังระงมอยู่รอบกายไม่ขาดสาย ชิงหลินรู้สึกสองหูอื้ออึง สมองขาวโพลน รับรู้สิ่งใดไม่ชัดเจนสักเท่าใด
กระทั่งถูกมารดาและน้องสาวพาไปนั่งยังห้องหอที่รู้สึกว่าไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย แปลกประหลาดเหลือเกิน
ทว่ายังไม่ทันทำความเข้าใจอันใดมากนัก เสียงพูดคุยไม่กี่ประโยคของคนรอบข้างก็สิ้นสุดลง เจ้าบ่าวเดินเข้ามา ทุกคนออกไปคงเหลือเพียงเจ้าสาว
ชิงหลินนั่งตื่นเต้นอยู่บนเตียงมงคล ได้กลิ่นเหล้าคละคลุ้ง ก็อมยิ้มขัดเขิน จางฉวนคงถูกกลั่นแกล้งไม่ใช่น้อย เมื่อเอียงหูฟังยังได้ยินผู้คนยืนอยู่นอกห้องหอเต็มไปหมด
ธรรมเนียมของหมู่บ้านผิงเหยียนในคืนเข้าหอ ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับครอบครัว ล้วนเฝ้าอยู่รายรอบเพื่อเป็นพยานต่อคู่รัก ให้ผ่านคืนวสันต์ไปอย่างราบรื่น
ชิงหลินยิ่งใจเต้นระส่ำรุนแรง
วันนี้นางพร้อมแล้วที่จะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้จางฉวน จะไม่เกี่ยงงอนบ่ายเบี่ยงแม้แต่นิดเดียว
ทว่าสวรรค์ช่างไร้เมตตา เมื่อผ้าคลุมหน้าถูกเปิดออก ท่ามกลางความมืดสลัวยามราตรี เจ้าบ่าวที่ชิงหลินได้เห็นกลับมิใช่ชายคนรักที่รอคอย
บุรุษชุดแดงตรงหน้ามิใช่จางฉวน
แต่เขาคือ กงหนิว
เป็นชายผู้ช่วยชีวิตนางจากการตกน้ำ
ทั่วร่างระหงแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ ปากอ้าตาค้าง พริบตาก็เผยความรังเกียจฉายชัดเต็มดวงหน้า
ต้องไม่ใช่!
เจ้าบ่าวของนางคือจางฉวนเท่านั้น!
ชิงหลินไม่เคยมีแม้แต่เศษเสี้ยวความคิดที่จะได้บุรุษอัปลักษณ์ผู้นี้เป็นสามี
นางจึงตกใจมาก ยังไม่ทันเอ่ยปากอุทานก็เห็นบุรุษตัวโตสูงใหญ่ น่าเกลียดน่ากลัวดูไม่ได้ กำลังแนบชิดเข้ามา
ทั้งรวดเร็วและรวบรัด
สายตาของเขาร้อนแรง ลักษณะเป็นชายกักขฬะชัดเจน ท่าทางยิ่งน่ากลัว ประหนึ่งภูตผีจากปรภพกระนั้น ใบหน้าภายใต้หนวดเคราเขี้ยวครึ้มแดงก่ำจนกลายเป็นดำคล้ำไม่น่ามอง
เขาไม่ต่างจากพวกป่าเถื่อนหรือโจรชั่วปล้นชิงเลยสักนิด และที่สำคัญ ยามนี้ยังมีกิริยาไม่ต่างจากผู้ร้ายฆ่าข่มขืน
แรกเริ่มชิงหลินเบิกตากว้าง อึดใจก็แตกตื่นผวาเฮือก เพราะได้ยินเสียงหอบหายใจฟืดฟาดจากชายตรงหน้า รับรู้ได้ถึงลมหายใจหอบหนักท่าทางหื่นกระหาย คล้ายเสือร้ายผู้หิวโหยที่อดอยากปากแห้งมาเนิ่นนาน
ไม่ช้า...ฝ่ามือหนาก็ตะปบเข้ามาที่เอว ดวงตาบุรุษภายใต้แสงเทียนสีแดงคล้ายมีเปลวเพลิงพร้อมแผดเผา
ชิงหลินเห็นไฟราคะลุกโชนอยู่ในนั้น ความร้อนเร่าพลันครอบคลุมรอบกายนาง
ชิงหลินรับรู้ความหยาบกร้านของฝ่ามือร้อนกรุ่นคู่นั้นที่ล้วงเข้ามาในสาบเสื้อ บีบเคล้นเนินอกอย่างหยาบคาย อึดใจก็กระชากจนขาดวิ่นอย่างป่าเถื่อนโหดร้าย
เสียงแคว่กๆ ติดต่อกันไม่กี่ครา เนื้อนางก็เปล่าเปลือย เอี๊ยมตัวเล็กอันเป็นปราการสุดท้ายพลันหลุดลอยไปไกล
ชิงหลินรู้สึกว่าหน้าอกเย็นวาบ จากนั้นก็มีกายหยาบกระด้างทาบทับลงมา เนื้อตัวของกงหนิวร้อนมาก แทบจะลวกผิวของนางให้มอดไหม้ เขามีลำตัวหนาใหญ่และหนักมาก
ครู่ต่อมาขาเล็กของชิงหลินก็ถูกบังคับให้แยกออกด้วยท่อนขาใหญ่แข็งแรงของกงหนิว พริบตาจากนั้นความร้อนแข็งขึงก็สอดแทรกเบียดเสียดเข้ามาในกายสาว
ชิงหลินกรีดร้องลั่นด้วยความขยะแขยง นางรู้สึกเจ็บมาก น้ำตาไหลพรากอาบสองแก้มราวห่าฝน ทว่ากงหนิวก็ยังไร้วี่แววว่าจะหยุดยั้ง เขายังคงกระทำสิ่งที่เรียกว่ากระหน่ำอย่างเอาแต่ใจ ทั้งป่าเถื่อนรุนแรงและโหดร้าย
ภายในห้องคับแคบ บนเตียงมงคล เสียงครางแหบต่ำดังผสานเสียงครวญสะอื้นไห้
ชายร่างหนาถอนแท่งเหล็กร้อนผ่าวกลางกายสาวออกไปแล้วแทงเข้ามาใหม่ เข้าออกอยู่เช่นนั้นโดยไม่สนใจคนใต้ร่างที่พยายามดิ้นพล่าน
มือใหญ่ของเขาจับตรึงสองมือเล็กนุ่มของนางเอาไว้เหนือศีรษะอย่างแน่นหนา ยึดสะโพกงามด้วยการสะบัดเอวสอบโจนจ้วงตอกตรึงอย่างหยาบคาย
เคลื่อนไหวบนร่างนางอย่างดุดัน
เดิมทีชิงหลินหายใจไม่ออกที่ถูกทาบทับ ทว่ายามนี้นางกลับหายใจกระชั้นถี่แรงเร็ว บางจังหวะยังหายใจไม่ทัน ทำได้เพียงครางกระเส่าดังลั่น
คำว่าแทบขาดใจกำลังเกิดขึ้นอย่างทรมานแสนสาหัส ได้ยินเพียงเสียงครางแหบต่ำจากชายใจหยาบกลบเสียงร่ำไห้ของตนจนสิ้น สาวน้อยสัมผัสได้ถึงความกลัวและรังเกียจที่สุดในชีวิต
บุรุษอัปลักษณ์ที่กำลังขับเคลื่อนตัวตนบนกายนาง
คือเสือร้ายผู้หยาบคายหิวกระหายอย่างแท้จริง
มันผู้นี้ตักตวงจากนางอย่างไร้ซึ่งความปรานี บางทีคำว่าขืนใจยังน้อยไป
ราตรียืดยาว วสันต์แสนสั้น ชิงหลินล้วนคิดว่าผิดมหันต์ อันที่จริงควรเป็นราตรียืนยาว นรกนิรันดร์
เพราะว่านางกำลังถูกเสือร้ายขย้ำทั้งคืน
ยามสายวันต่อมา
บนเตียงนอนสีแดงที่คลุมทับด้วยผ้าสีขาว มีร่างอรชรเปล่าเปลือยนอนอย่างเดียวดาย ไร้ร่างสามีเคียงข้าง ทั่วเรือนกายนางเต็มไปด้วยริ้วสีแดงเป็นจ้ำและรอยฟันขบกัด
ชิงหลินตื่นขึ้นมานานแล้วแต่ก็ยังร่ำไห้ไม่หยุด เรือนร่างสั่นสะท้านอย่างสิ้นหวัง สีหน้าซีดเผือดราวกับเลือดในกายถูกน้ำวนในทะเลสาบน้ำแข็งดูดกลืน
ภาพของชายที่ครอบครองนางอย่างทารุณยังคงติดตา ความเดียดฉันท์ชิงชังยังคงติดตรึงฝังแน่นในจิตใจ
แทนที่จะได้เข้าหอกับบุรุษหล่อเหลาซึ่งเขาคือคนที่ชอบ แต่กลับต้องเข้าหอกับบุรุษน่าเกลียดปานนั้น
นางรังเกียจกงหนิวยิ่งนัก
ขยะแขยงสิ้นดี
ท้ายที่สุดสิ่งที่ทำให้ความรู้สึกของตนเองย่ำแย่ยิ่งกว่าคือความจริงที่ครอบครัวและชายคนรักกระทำ
ก่อนหน้านี้ทั้งบิดามารดารวมถึงน้องสาวล้วนบอกกล่าวแก่นางว่าให้รอเป็นเจ้าสาวของพี่จางฉวน เขามิได้คิดจะถอนหมั้นแต่อย่างใด ให้นางรออยู่ในเรือนอย่าออกไปไหน
เดิมทีนางลองถามถึงความสัมพันธ์อันซ่อนร้อนของคู่หมั้นกับน้องสาวแล้ว ทว่าชิงลี่กลับตอบกลับว่า
‘พี่สาวคงตาฝาดไปเองแล้วเจ้าค่ะ’
แน่นอนว่านางไม่อาจเชื่อ ทว่าชิงลี่กลับร้องห่มร้องไห้จนเรื่องราวบานปลาย เรียกร้องสายตาตำหนิจากทุกคนในบ้าน ยามนั้นชิงลี่ยังเอ่ยฉะฉานว่า
‘ข้าไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับคุณชายจางฉวน และไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่นอน พี่สาวคือพี่ของข้านะ ข้าจะเฉือนใจพี่ได้อย่างไร ขอให้พี่สบายใจ เตรียมตัวเป็นภรรยาแสนดีให้สามีเท่านั้น อย่าคิดฟุ้งซ่านในเรื่องที่เป็นไปมิได้เชียว’
สีหน้าจริงจังวาจาหนักแน่นแววตาน่าเชื่อถือของชิงลี่ ทำให้ทุกคนคิดว่าชิงหลินงี่เง่าไร้สาระหึงหวงบุรุษกับน้องสาวได้อย่างน่าอาย บังเกิดความกดดันให้ชิงหลินต้องเชื่อชิงลี่จนหมดใจ
ต่อมาทุกคนยังช่วยปลอบประโลมด้วยประโยคที่ว่าจะได้แต่งงานกับจางฉวนอยู่แล้ว ไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยอะไรทั้งนั้น
ยามนี้ยิ่งคิดยิ่งสะอื้นไห้ ความเสียใจเข้าถาโถมกระแทกห้วงอารมณ์คล้ายคลื่นลูกใหญ่ม้วนตัวสูงแล้วโหมซัดอย่างรุนแรง
นางถูกหลอก! ทุกคนหลอกนาง...
ในสมองมีแต่คำถามว่าทำไมซ้ำๆ เหตุใดทุกคนถึงใจดำกับนางถึงเพียงนี้ ทำไมต้องทำร้ายกัน ทำไม?
หญิงสาวช้ำใจแทบกระอักเลือด แล้วสรุปได้ถึงความเลือดเย็นของโชคชะตา ท้ายที่สุดก็นึกเกลียดตนเอง
เกลียดที่ตนเองโง่เง่าไร้น้ำยา เกลียดที่ตนเองเกิดมาก็เป็นชิงหลิน เป็นสตรีที่สมควรตายๆ ไปเสีย
ในเมื่อโลกนี้ไม่ยุติธรรม นางควรยุติมันเอง!
นางไม่อาจอยู่ได้อีกต่อไป ความอัปยศอดสูนี้นางไม่ขอแบกรับเอาไว้ ความแค้นใดๆ นางล้วนไม่ยินดีรับมัน
ในเมื่ออดีตมิอาจแก้ไข อนาคตมิอาจก้าวเดินได้ไหว
พอกันที! ชีวิตอันแสนบัดซบ
ชีวิตที่มีแต่ความเจ็บปวดตอบแทนความโง่เขลาเบาปัญญา
ชิงหลินสบถหลายประโยคและคิดสั้นๆ ได้แค่นั้น ก่อนปิดเปลือกตาลงช้าๆ ใบหน้าขมขื่นสุดจะทน กล้ำกลืนความทรมานอันตกตะกอนเป็นลิ่มเลือดหนาทึบอัดแน่นไว้ในอก
ไม่นาน ...ผ้าปูเตียงผืนยาวสีขาวกับคานเรือนจึงบรรจบ พร้อมปล่อยร่างระหงให้ลู่ลงตามน้ำหนักตัว
ชิงหลินสิ้นลมหายใจในเวลาต่อมา…
บนคานเรือนในห้องหอ
มีร่างระหงเปล่าเปลือยแขวนคอค้างเติ่ง แน่นิ่งไม่ขยับ ทว่าเพียงอึดใจ ทั้งร่างนั้นกลับกระตุกเฮือก
ทันทีที่ลืมตาอีกครา ซานซานรู้สึกหายใจไม่ออกจนลิ้นแน่นจุกปาก ผ้าขาวยิ่งรัดรึงที่ลำคอ พลันนั้นก็รู้สึกตัวและได้สติ
หญิงสาวออกแรงเฮือกหนึ่ง เสือกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ จับผ้าเอาไว้มั่น แล้วดันร่างตีลังกาขึ้น ใช้เรียวขาเกี่ยวกับขื่อคาน ไขว้เท้าทั้งสองข้างคล้องเอาไว้แน่น ขยับมือแก้ปมผ้าที่ลำคอโดยไว ก่อนจะทิ้งร่างดิ่งลงมากระแทกพื้นห้องเสียงดังตุ้บ
ซานซานถึงกับจุก ร้องไม่ออก
นอกจากจุกที่ท้อง ยังปวดตุบๆ ที่ส่วนสงวนของกายสาว
หญิงสาวขมวดคิ้วโกรธกรุ่น นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้าของร่างไม่ฆ่าตัวตายก่อนเข้าหอเล่า!
ให้ตายเถอะ!