แรกพบ

1326 คำ
ท่ามกลางความวุ่นวายในเช้าวันใหม่ใจกลางเมืองใหญ่ อาณาเขตเที่ถูกล้อมรอบด้วยตึกน้อยใหญ่ตั้งตระหง่านมากมาย อากาศที่ร้อนอบอ้าว ความวุ่นวายของผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมา ในนั้นปรากฎร่างเล็กกระทัดรัดของหญิงสาวคนหนึ่งในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดัง กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งหลบผู้คนเพื่อไปยังจุดหมายให้ทันเวลา "ตาย ตายล่ะฉัน แปดโมงห้าสิบแปด อีกสองนาทีเก้าโมง ตายแน่ๆ งานนี้" นริศราอุทานกับตัวเอง หลังจากก้มมองเวลาบนหน้าปัดโทรศัพท์มือถือ "ฮือ ต้องทันซิ ต้องทัน เดินเร็วๆ สิยัยเกด แกเดินให้มันไวกว่านี้ได้มั้ย เฮ้อ ทำไมขาฉันมันสั้นจังนะ โอ๊ย เกิดมาเตี้ยนี่มันลำบากจริงๆ เล้ย" วิ่งไปพลางก็บ่นถึงความโชคร้ายของตัวเองที่เกิดมาเป็นคนตัวเล็กมีส่วนสูงไม่ถึง 160 เซนติเมตรดี "ต้องทันซิ ต้องทัน เฮ้ย นั่นไง ป้ายบอกทางไปอาคารเรียน 1 เขาบอกให้เลี้ยวซ้าย เลี้ยวซ้ายใช่มั้ย " เธอร้องออกมาด้วยความดีใจ เเต่ทันใดนั้นก็ โคร้ม!!!! หญิงสาวรู้สึกเหมือนว่าตัวเองชนกับวัตถุใหญ่ๆ อะไรสักชิ้นซึ่งเธอก็ไม่อาจทราบได้ แต่ความเเข็งเเรงของมัน ทำให้คนตัวเล็กๆ อย่างเธอกระเด็นลงไปล้มจุมปุ๊กอยู่กับพื้น เท่านั้นยังไม่พอ เธอยังรู้สึกว่ามีวัตถุขาวๆ อะไรสักอย่างหล่นมาบนศีรษะเต็มไปหมด "เฮ้ย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี้ย" เธอโวยออกมาด้วยความไม่พอใจ มือเล็กปัดกระดาษสีขาวมากมายที่หล่นอยู่บนตัว พร้อมทั้งยันตัวลุกขึ้นยืน "อุ้ย เจ็บอ่ะ" หญิงสาวอุทานออกมาเบาๆ เมื่อสังเกตเห็นแผลถลอกที่ข้อศอกของตัวเอง "น้อง น้องครับ เป็นอะไรมากหรือเปล่า" เสียงห้าวของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาขัดจังหวะ และนั่นก็เรียกสติให้เธอเงยหน้ากลับมามองว่า ไอวัตถุชิ้นใหญ่ที่ทำให้เธอล้มลงไปนั่งกับพื้นเมื่อครู่นี้ คือชายหนุ่มตัวสูง ผิวขาวคนนี้เอง นริศรามองวัตถุชิ้นใหญ่ ที่ตอนนี้ทราบแล้ว่าคือสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าด้วยความอ่อนใจ ใจหนึ่งอยากต่อว่าเขากลับไปที่เดินมาชนเธอจนทำให้ทั้งเจ็บ ทั้งอาย แต่อีกใจหนึ่ง เธอไม่มีเวลาต่อล้อต่อเถียงกับเรื่องไร้สาระพวกนี้อีกเเล้ว เธอต้องไปให้ทันเข้าเรียนคาบเเรกของชีวิตนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ในวันเเรกนี้ "เฮ้อ" เสียงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ตอนนี้เธอยังไม่มีอารมณ์มาเจรจากับใครทั้งนั้น วันนี้เป็นวันเเรกของการเปิดเรียนภาคเรียนที่ 1 และสำหรับคณะที่เธอเรียน เมื่อเข้าสู่ชั้นปีนี้ นักศึกษาจะต้องย้ายมาเรียนในวิทยาเขตใหม่ของมหาวิทยาลัยเดิม ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุให้ชีวิตเธอต้องรีบเร่งมากในวันนี้ เพราะกว่าจะขนของเข้าหอพักใหม่และจัดเเจงเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อยในเมื่อวานก็ร่วมเข้าไปสู่เช้าของวันใหม่ ซึ่งเป็นเหตุผลทำให้เธอตื่นสาย อีกทั้งการที่เธอเพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อวาน จึงทำให้ไม่มีเวลาพอที่จะศึกษาว่าอาคารต่างๆ ในมหาวิทยาลัยอยู่ตรงไหนบ้าง วันนี้จากที่สายอยู่แล้ว จึงต้องเสียเวลาวิ่งหาอาคารเรียนอยู่หลายรอบ เพื่อจะให้มาเข้าเรียนทันตามเวลาที่กำหนดไว้ "เฮ้อ" เสียงถอนหายใจคล้ายๆ กับที่เธอทำเมื่อครู่ดังขึ้นมาขัดจังหวะความคิด เธอซึ่งตอนเเรกไม่คิดจะติดใจเอาเรื่องอะไรกับเขา ที่ทำผิดในข้อหาเดินมาชนเธอในช่วงเวลารีบเร่งอย่างนี้ แม้จะโมโหอยู่บ้างที่วันนี้เขาทำให้เธอต้องเข้าเรียนสายเเน่เเล้วก็ตาม แต่...เสียงถอนหายใจของเขาเมื่อครู่นี้ คล้ายจะล้อเลียนเธอ!! ทั้งที่เขาเป็นคนทำให้เธอต้องเจ็บตัวเเท้ๆ ชนวนเล็กๆ จึงถูกจุดขึ้นมาในใจหญิงสาว นริศราหันหน้ากลับไปมองชายหนุ่มตรงหน้า เจ้าของรูปร่างสูง ผิวขาว เขาอยู่ในชุดลำลอง เสื้อยืดสีเขียวอ่อนกับกางเกงยีนส์สีซีด ถึงจะแต่งตัวดูสบายๆ แต่ในสายตาเธอหรือคนที่พบเห็นทั่วไปก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยท่าทางและใบหน้าที่บ่งบอกถึงการมีเชื้อสายจีนตามสมัยนิยม เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีน่ามองคนหนึ่ง แต่ก็นั่นล่ะ ถึงเขาจะดูดีเเค่ไหน แต่ในเวลานี้กับสิ่งที่เขาทำ บวกกับสายตาที่มองเธอ เเววตาที่สื่อออกมาเหมือนไม่ถือสากับสิ่งที่เด็กตัวเล็กๆ ทำ มันทำให้เธอโกรธ เขาสื่อความหมายออกมาชัดเจนว่า "เธอผิด" ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยคิดจะต่อว่าเขาสักคำ (เหรอ) เเม้ว่าเขาจะไม่มีเเม้คำขอโทษให้เธอก็ตาม เจ้าของร่างเล็กมองตามคนตัวโตกว่าที่ตอนนี้ละสายตาจากเธอ ก้มลงเก็บกระดาษจำนวนมากที่หล่นบนพื้น "น้องไปนั่งรอตรงนั้นก่อนดีกว่า พี่เก็บของเเป๊บหนึ่ง เดี๋ยวจะเดินไปซื้อน้ำกับยาล้างแผลมาให้" เขาว่าเรื่อยๆ "แล้วความจริงไม่เห็นต้องรีบขนาดนี้เลย รีบแล้วเดินชนอะไรต่ออะไร สุดท้ายก็ต้องมาเจ็บตัวเอง" ฮะ?? แต่เมื่อกี้เขาว่าอะไรนะ เขาหาว่าเธอเดินมาชนเขาถึงต้องมาเจ็บตัวเองอย่างนั้นใช่มั้ย "ใช่ หนู เอ้ย ฉัน รีบ รีบเพราะว่ากำลังจะไปเรียนไม่ทัน แต่คุณจะมาโทษฉันฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เพราะคุณเองก็ผิดเหมือนกัน นี่คงรีบไปส่งเอกสารอะไรสักอย่างแล้วเดินมาชนฉัน" คนตัวเล็กว่าอย่างไม่คิดใช้สรรพนามแทนตัวเองและเขาอย่างรุ่นพี่รุ่นน้องใช้กัน เพราะใจหนึ่งเธอคิดว่าเขาคงจะเป็นพนักงานหรือคนที่มาส่งเอกสารในมหาวิทยาลัย มือบางล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลขนาดกลางควานหาโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ก่อนตกใจตาโตเมื่อเห็นว่าเลยเวลาการเข้าชั้นเรียนมากว่าสิบนาทีเเล้ว นริศราหันไปมองคนตรงหน้าซึ่งตอนนี้เก็บเอกสารของเขาเสร็จแล้วและกำลังเดินเอามาวางไว้ตรงเก้าอี้มม้าหินที่เธอนั่ง "ฉันขอโทษที่ฉันมีส่วนผิดที่เดินมาชนคุณ จนทำให้คุณไปส่งเอกสารไม่ทัน จนอาจทำให้อาจารย์หรือเจ้านายคุณว่าได้ แม้ว่าคุณจะไม่เคยคิดขอโทษฉันเลยสักคำที่ทำให้ฉันไปเรียนไม่ทัน" เธอบอก ชายหนุ่มซึ่งกำลังเอาเอกสารในมือไปวางบนโต๊ะม้านั่งหินอ่อนซึ่งจัดเป็นชุดกับเก้าอี้ที่หญิงสาวนั่ง เงยหน้าขึ้นมามองด้วยใบหน้าเหวอ เขานิ้วชี้ชี้มาทางตัวเอง เธอขอโทษเขา เเต่น้ำเสียงนี่... ประชดกันชัดๆ นี่ยัยตัวเล็กคิดว่าเขาเป็นคนส่งเอกสาร แถมยังคิดว่าเขาเป็นคนเดินชนเธออีก ทั้งที่ความจริงแล้ว เธอนั่นเล่ะ ที่ก้มหน้าก้มตาเดินมาชนเขาที่กำลังยืนอยู่เฉยๆ ตรงนี้ ! "แล้วอีกอย่าง ก็ขอบคุณที่จะไปซื้อยาทำแผลให้ฉัน เเต่ไม่เป็นไรดีกว่า ฉันไม่ถือสา และจะถือว่านั่นคือคำขอโทษของคุณ" คนตัวเล็กว่าพลางก็ถือกระเป๋ารีบเดินออกไป ปล่อยให้เขายืนงงกับหน้าที่คนส่งเอกสารที่เธอยัดเยียดให้ แล้วยังคำพูดนั้นอีกล่ะ คำพูดที่ดูเหมือนว่า ไม่ถือสากับความผิดของเขาครึ่งหนึ่งที่เดินมาชนเธอเช่นกัน "โธ่เอ๊ย.. เด็ยเอ๋ยเด็ก"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม