บทที่ 2

1284 คำ
ธนากรขับรถเก๋งคันเก่ามือสองของตัวเองมาส่งมัสยาถึงบ้านน้อยหลังเล็กของหญิงสาวหลังจากที่พาเธอแวะไปโรงพยาบาล ทั้งคู่พูดคุยกันได้ไม่นานหญิงสาวก็ขอตัวเดินเข้ามาในบ้านเพื่อพักผ่อน หลังจากที่เธอนั้นต้องเจอะเจอเรื่องราวร้ายๆ มาตลอดทั้งวัน              เพียงก้าวแรกที่เดินเข้าประตูมาดวงตาของเธอกลับต้องเบิกกว้างขึ้นเมื่อพบว่าข้าวของภายในบ้านหลังน้อยนั้นบัดนี้ถูกรื้อกระจัดกระจายไปทั่ว ที่พื้นไม่ไกลกันมีพ่อกับแม่เธอนั่งกอดกันร้องไห้น้ำตานองหน้าอยู่ ไวกว่าความคิดเมื่อขาก้าวเข้าไปหาทั้งสองอย่างรวดเร็ว             “นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะคุณพ่อ คุณแม่!” นางราตรีและสามีเงยหน้าขึ้นมองบุตรสาวด้วยความรู้สึกผิดก่อนจะสารภาพความจริงที่ปกปิดเอาไว้ไม่ยอมให้มัสยาได้ล่วงรู้   จนกระทั่งเมื่อวันนี้มาถึงจนได้              “คนของเจ้าหนี้เขามาทวงเงินเรา พอแม่กับพ่อขอผลัดมันก็เลยรื้อข้าวของในบ้านกระจัดกระจาย แม่ขอโทษนะมัท แม่ขอโทษ” มัสยาไม่เพียงแต่ตกใจ เธอกลับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเพราะไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย   ว่าพ่อกับแม่ของตัวเองนั้นมีหนี้สินอย่างที่ได้ยิน              “เท่าไหร่คะ! แล้วทำไมบ้านเราถึงเป็นหนี้ด้วยล่ะคะคุณพ่อ”              “พ่อผิดเองลูก พ่อไม่มีปัญญาส่งมัทเรียนมหาลัย ก็เลยบากหน้าลองไปขอยืมเงินเขามาก่อนโดยเอาบ้านเราไปจำนองเขา กิจการร้านอาหารของเราก็กำลังแย่ ขาดทุนจนตอนนี้แทบไม่เหลือเงินจ้างลูกจ้างต่อ” คำสารภาพจากผู้เป็นพ่อที่ได้ยินทำเอามัสยากลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เธอไม่เคยเอะใจเลยสักนิดกับเงินที่พ่อและแม่ส่งเสียให้เรียนมหาลัยดีๆ เพราะคิดว่ามันมาจากกิจการร้านอาหารของพวกท่าน แต่ความจริงที่เพิ่งได้รับรู้นี้มันกลับไม่ใช่เลย              ไม่ใช่เลยแม้แต่นิดเดียว!!              “เท่าไหร่คะ บ้านเราเป็นหนี้เขาอยู่เท่าไหร่คะพ่อ” คุณกวินลอบมองภรรยาที่เอาแต่นั่งร้องไห้ครู่ก่อนจะบอกยอดลูกไปตามความจริงเพราะไหนๆ   เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้วปิดยังไงก็ไม่มิดอยู่ดี              “รวมทั้งต้นกับดอกตอนนี้ก็เกือบสองล้านได้ พ่อต้องเอามาซ่อมแซมร้านใหม่ด้วย ก็เลยต้องขอกู้เขามาเยอะหน่อย พ่อขอโทษนะลูก ผมขอโทษนะคุณที่ทำให้คุณกับลูกต้องพลอยลำบากแบบนี้ ทั้งหมดมันเป็นเพราะผมเอง ผมเองที่โง่คิดว่าร้านเราจะไปรอด…” ยอดหนี้สินที่ได้ยินทำเอาเข่าทั้งสองแทบจะสิ้นเรี่ยวแรงไป แต่ไม่นานก็ต้องกลับมามีความหวังอีกครั้งเมื่อมารดาเอ่ยอะไรบางอย่างออกมาบางอย่างที่มันทำให้เธอดีใจ….ก่อนเกือบหมดสติในตอนหลัง              “จริงสิ! ฉันได้ยินมาว่าคุณรามเขาเป็นสามีของหนูพิมพ์ไม่ใช่เหรอคะคุณ มัทรู้จักคุณรามใช่ไหมลูก พ่อเลี้ยงอัศวิน เจ้าของไร่ชาทอฝันไง หนูลองไปคุยกับเขาหน่อยได้ไหมมัท เผื่อว่าเขาจะยอมช่วยให้เราผ่อนผันหนี้สินไปได้บ้าง…” มัสยาตัวชาจนไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะเปล่งเสียงตอบคำอ้อนวอนของมารดาที่จ้องมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความหวังอันแรงกล้า หากแต่เธอกลับไม่คิดเช่นเดียวกับท่านเลยว่าเขาจะยอมช่วยเหลือ  ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว!!              หากคนๆ นั้นจะช่วย คงช่วยเหยียบครอบครัวของเธอให้จมดินเสียมากกว่า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโชคชะตามันจะโหดร้ายแบบนี้              ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ สองวันต่อมา              สุดท้ายมัสยาก็หมดหนทางใดให้ได้เลือกนอกจากต้องพาตัวเองมาเหยียบที่นี่จนได้  ไร่ชาทอฝัน…ไร่ชาขนาดใหญ่ที่ถูกปกครองด้วยคนเพียงคนเดียวเท่านั้น และเขาก็คือคนที่เป็นเจ้าหนี้ของเธอในตอนนี้ เจ้าหนี้ที่เธอนั้นต้องขอร้องให้เขายอมช่วยเหลือกัน              หญิงสาวเอ่ยบอกคนสนิทของเจ้าของไร่ด้วยท่าทีหวาดกลัวเขาอยู่หน่อยๆ เพราะจำได้ขึ้นใจเลยว่าคนๆ นี้คือคนเดียวกับคนที่เกือบจะขับรถชนเมื่อเธอไม่กี่วันก่อน ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับรู้ก่อนจะหายเข้าไปในออฟฟิตขนาดเล็กที่ตั้งโดดเด่นอยู่ใจกลางของไร่นานหลายนาที ก่อนจะเดินกลับออกมาพร้อมคำตอบที่ทำให้อีกคนยิ้มได้              “นายอนุญาตให้คุณเข้าพบได้แล้วครับ เชิญ” มัสยาพยักหน้ารับช้าๆ ก่อนจะเหลียวมองผู้ชายร่างสูงใหญ่เหมือนจะถามบางสิ่งที่อีกฝ่ายเข้าใจดี    จึงอาสาเป็นคนเอ่ยเฉลยให้เธอได้เข้าใจขึ้นมา              “นายอนุญาตให้คุณเข้าไปได้แค่คนเดียวครับ ผมคงต้องขอตัวก่อน” นายชิดตอบก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางตามคำสั่งของเจ้านายที่อยากคุยกับหญิงสาวตรงหน้าคนนี้ตามลำพังโดยที่ไม่มีใครมาขัด  แม้ว่าในใจจะเป็นห่วงหญิงสาวแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก              มัสยาสูดลมหายใจเข้าเพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตูสองครั้งก่อนจะเปิดมันออก เมื่อเดินเข้ามาด้านในของห้องที่บัดนี้มีใครบางคนกำลังนั่งไขว่ห้างเฝ้ารอการมาเยือนของเธออย่างใจเย็น  ต่างจากเธอที่ในแต่ละก้าวนั้นมันช่างยากเย็นเหลือเกิน              “หวังว่าธุระของเธอจะสำคัญพอ! มีอะไรรีบว่ามา!” อัศวินแสร้งเอ่ยขึ้นราวกับไม่รู้เหตุผลของคนตรงหน้าที่ถ่อมาหากันถึงถิ่นตัวเองทั้งๆ ที่ความจริงแล้วทุกๆ อย่างมันลงล็อกเปิดทางให้เขาทั้งหมด พ่อของหล่อนเป็นหนี้เขาอยู่จริงๆ และเขาคงไม่ใจร้ายกับครอบครัวนี้แน่หากลูกสาวของคนที่บากหน้ามายืมเงินกันเมื่อสามปีก่อนนั้นไม่ได้เป็นพ่อแม่ของผู้หญิงตรงหน้าที่ทำให้ลูกกับเมียเขาตาย              “คือว่ามัท…” มัสยากลับมาอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีกครั้ง เมื่อต้องนั่งให้คนที่เกลียดเธอจ้องมองเอาอย่างนี้             “มีอะไรจะพูดก็พูดมา ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งรอเธอทั้งวัน!” สุดท้ายก็กลายเป็นอัศวินเองที่ทนไม่ไหว เขาตวาดจนอีกฝ่ายสะดุ้ง  ก่อนที่เธอจะรวบรวมความกล้าที่เหลืออยู่น้อยนิดเอ่ยออกมา             “มัท…อยากจะมาขอผ่อนผันหนี้สินของพ่อที่ติดคุณไว้ค่ะ” เมื่ออีกคนว่ามาเช่นนั้นมัสยาจึงรวบรวมความกล้าเปล่งเสียงออกไป เธอก้มหน้านิ่งเฝ้ารอคำตอบที่กำลังจะได้รับจากเจ้าหนี้อย่างใจเย็นทั้งๆ ที่ความจริงแล้วภายในใจมันกำลังร้อนรุ่มไปด้วยความหวาดหวั่น รู้สึกหวาดกลัวเขาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวใครมาก่อน             “หึ! เธอคิดว่าคนอย่างฉันใจดีขนาดนั้นเชียว! รู้รึเปล่าว่าแค่ดอกมันก็ปาไปเท่าไหร่แล้ว ยิ่งต้นนี่คงไม่ต้องพูดถึง น้ำหน้าอย่างเธอจะมีปัญญาชดใช้ให้ฉันหมดรึไง!” แน่นอนว่าหญิงสาวเตรียมใจรับคำตอบที่ได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่วินาทีแรกที่ตัดสินใจเดินทางมาที่นี่   ซึ่งตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่คิดไว้มันก็เป็นจริงราวกับจับวางลง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม