ตอนที่ 9

1697 คำ
เป็นเพราะผมช่วยหางานใหม่สำรองให้ ผมดีใจอย่างมาก และสุดซึ้ง เมื่อคนที่คบหากันระดับหนึ่งนั้นเธอบอกว่าจะย้ายมาอยู่กับผมที่อพาร์ทเม้นต์ และขอให้ผมช่วยหางานทำให้เธอด้วย ที่ทำงานเก่าของเธอกับบ้านพักหรือหอพักนั้นอยู่แสนไกล ต้องต่อรถหลายต่อ เธอจะนั่งรถเมล์หลายต่อ นอกจากวันศุกร์ถึงจะนั่งรถตู้ที่อนุสาวรีย์ไปลงแถวที่พัก นั่นคือช่วงที่คบหากันของเรา จะว่าไปผมก็มาจากศูนย์เหมือนกัน ผมเคยบาดเจ็บจากความรักมาก่อน จึงไม่ได้พูดคุยอะไรมาก แต่มีอะไรผมก็เล่าบอกเธอมาก่อน เธอบอกว่าเธอไม่ถือสาและแคร์ในเรื่องนั้น และผมก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องในอดีตเลย ถ้าถูกใครทิ้งหรือผิดหวังจากความรัก เมื่อเขาไม่อยากอยู่กับเรา ผมใช้วิธีการตัดสินใจลาจากในทันที เพื่อตัดปัญหาทั้งหมด แบบไม่ต้องพบเจอกัน แต่เรื่องราวของเธอ ผมไม่ได้คุยอะไรกันมาก "ลินมาหาผมในวันศุกร์ได้มั๊ย พรุ่งนี้ผมหยุด" ตอนนั้นระหว่างที่เรามาคุยกันผ่านมือถือและไลน์สามสี่เดือน ที่ปาเข้าไปแล้วนั้น ช่วงคบกันใหม่ เพียงพอ ที่ผมอยากจะรู้จัก และลึกซึ้ง กับคนที่รักกันมากกว่านี้ มากกว่าแค่เห็นในจอภาพ แต่ว่าเป็นการตัดสินใจแล้ว ที่เรานัดเจอกัน เพื่อจะมาดูตัวกันและกัน หลังจากที่เธอบอกว่า เธอก็มั่นใจในตัวผมระดับหนึ่ง และผมก็โอเคด้วย ในวันที่นัดเจอกัน นั้นผมแสนตื่นเต้น ทำอะไรไม่ถูกเลย แม้หน้าจะเคยเห็นแล้วผ่านกล้องที่พูดคุยกัน ตอนพูดกันนั้นลินบอกว่า "ได้จ๊ะ ลินก็หยุดเหมือนกัน ช่วงนี้ก็ไม่มีงาน" ผมหยอดไปอีกเหมือนกัน "ถ้าเป็นไปได้ ลินเอ้อ มาค้างที่นี่ด้วยก็ดี เพราะพรุ่งนี้วันเสาร์อาทิตย์ ค่ำๆผมจะไปส่งด้วยมอเตอร์ไซค์" "ไม่หรอกจ้ะ ลินขอนั่งบีทีเอสกลับดีกว่า มันไกล สงสารพี่ถ้าจะขับไปส่ง" รู้ว่าเธอรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยผมเช่นกัน เพราะตอนนั้นผมกำลังเริ่มงาน หลังจากที่เรียนจบมหาวิทยาลัย สมัครทิ้งที่ไหน เขาก็ไม่รับและเรียกตัวทันที พอดีมีเพื่อนสนิทของผมบอกว่า บริษัทใกล้ที่ทำงานเพื่อน รับสมัครแมสเซนเจอร์ ผมจึงไปสมัคร และเขารับเข้าทำงานทันที ช่วงนั้นเป็นช่วง ที่เหลืออีกเดือนเดียวผ่านทดลองงาน ที่จะถูกปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้น เงินเดือนถึงไม่มาก หากเทียบกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่อะไรก็แพงระยับ ขึ้นราคาไปหมดดักหน้าก่อนแล้ว ก่อนที่เงินเดือนบริษัทจะขึ้น มนุษย์เงินเดือน ใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือน จึงกระเบียดกระเสียรกันมาก พยายามจะใช้จ่าย อย่างประหยัดและอดออม แต่ก็ช่างยากเย็นเหลือเกิน นี่ผมต้องหางานทำแบบพิเศษด้วย อาจจะหาเช่าเสื้อวินแถวบ้าน ที่มีคนรู้จักเขาบอกว่า ถ้าว่างจากงานก็ลองไปสมัครดู เขารับอยู่ ยอมเสียค่าเช่าเขาเดือนละพันสองพัน หรือจะเป็นรายวัน วันละ ร้อย นั่นคือข้อเสนอ จากเพื่อนที่ผมก็รับเอาไว้พิจารณา และตัดสินใจแน่ ผมเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง การงานมีอะไรผมรีบคว้าไปหมด เพื่อมีรายจ่ายให้ตัวเองและวันข้างหน้าด้วยคืนนั้น ผมดีใจตั้งแต่กลับมาจากห้องและวาดฝันถึงวันหยุด ที่เราได้เจอกัน ผมไปรับเธอที่สถานีบีทีเอสแถวบ้าน คือ บางจาก สุขุมวิท ตกตะลึงในครั้งแรกเช่นกัน กิริยาและใบหน้าของเธอ น่ารักเหมือนที่คิด ใบหน้าหวานตัวเล็กผอมบางแต่ไม่บางมาก มีรอยยิ้มทักให้ผม แนะนำว่า "เราชื่อ ลินนะ" "ครับ ผมชื่อ ภพ" ตอนนั้นเราทั้งสองต่างยิ้มให้กัน ไม่กล้าคุยอะไรกันมาก แม้จะคุยกันด้วยทุกวันผ่านมือถือ แต่ก็ไม่หวั่น ตัวสั่นแบบเขินในขณะนี้ ระหว่างที่ผมขับรถไปส่งเธอในอพาร์ทเม้นต์ที่อยู่ข้างในลึก กระทั่งถึงที่พักของผม เธออุทานว่า "ห้องใหญ่จัง แถวนี้คนอยู่เยอะเหมือนกัน แถวที่ลินอยู่ ก็เยอะเหมือนกัน" ผมเลยตอบ "แถวนี้ ชุมชมใหญ่ ที่พักเป็นแบบคอนโด กับอพาร์ทเม้นต์ คนก็เลยเยอะ แต่อาหารการกินเพียบเลยนะ" "ลินเป็นคนไม่กินเยอะหรอก ดูซิตัวลินตอนนี้" เธอบอกพร้อมกับให้ผมดูตัว "เธอว่าเราผอมมากมั๊ย" "อือม ผอมหน่อยนะ อยากให้เพิ่มขึ้นนิดกว่านี้ คือ อ้วน" "บ้า เราไม่ชอบอ้วน เราชอบให้ตัวเราเป็นแบบนี้ แต่ตอนนี้มันผอมลงไปหน่อย" "งั้นเมื่อก่อนก็ไม่ผอมเท่านี้" เธอไม่ตอบผมเอาแต่ยิ้ม "อยู่คนเดียวเหรอ" "ใช่ก็อยู่คนเดียวอย่างที่บอก ผมไม่เคยโกหกใคร" ผมพูดกับเธอตามตรง เธอยิ้ม "ดีจัง ลินก็ไม่ชอบคนโกหก" "เลยบอกให้มาที่นี่เพื่อจะได้รู้ความจริงไง ว่าผมอยู่กับใคร" "อื้อ" เธอพยักหน้า "มาถึงเหนื่อยแล้ว นั่งพักก่อน จะกินน้ำอะไรมั๊ยเดี๋ยวลงไปซื้อให้" "ห้องเธอไม่มีตู้เย็นเหรอ" "ไม่ ค่าไฟแพงเลยไม่ได้ซื้อในห้องมีแต่พัดลม แอร์แล้วก็เตารีด" "นะ รอเราอยู่แป้บ เดี๋ยวลงไปซื้อให้ ชอบดื่มอะไรล่ะ เอ้อ ข้าว" พอผมพูดตรงนี้ นึกได้ว่าจะพาเธอออกไปทานข้าว ที่ศูนย์การค้าแถวสถานีบีทีเอสอ่อนนุชมากกว่าเพราะผมตั้งใจไว้ "เอ้อ งั้นเราจะลงไปซื้อเครื่องดื่มก่อน เธอชอบแบบไหน ชาเชียว ชาปั่นชานม ชาไทย" "ขอชาเขียวดีกว่า เย็นๆ ตอนมาร้อนเหลือเกิน" สักพัก เมื่อผมลงไปแล้วขึ้นมาอีกครั้ง ในมือถือเครื่องดื่มและขนมจุกจิกแบบมันฝรั่งทอดแล้วก็ปลาเส้นกับข้าวเกรียบกุ้ง "ซื้อมาทำไมเยอะจัง ลินไม่กินหรอก ไม่ชอบ" "อ้าว เผื่อนึกอยากกินไง วันหลังก็ได้" ผมก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เป็นการเอาใจเท่านั้น ผมปล่อยให้เธอทานเครื่องดื่ม เธอบอกว่ามีอาหารติดมือมาด้วย เป็นแฮมเบอร์เกอร์กับซาละเปาหมูสับ เธอขอหยิบกระเป๋าผ้าและดึงเอากล่องขนมออกมา "นี่ไง แก้หิว กินด้วยกันมั๊ย" ผมพยักหน้า ผมอาบน้ำไปรอบหนึ่งแบบเสร็จสรรพแล้ว ก็เตรียมตัวที่จะพาเธอออกไปข้างนอก ผมเลยทานซาละเปาที่เธอหยิบมาให้ รสชาติมันอร่อยนะ "อร่อยมั๊ยเราเลือกซื้อของดีๆทั้งนั้น ของที่ไม่อร่อยเราไม่ซ์้อมากิน" ผมเชื่อเธอ ดูจากท่าทางและลักษณะคำพูด เรายิ้มให้กันอีกครั้ง เธอหยิบทานขนมของเธอ เหมือนกัน แต่ส่วนน้อย ชิมนิดหนึ่งแล้ววาง ทำให้รู้ว่า เธอเป็นคนไม่ชอบทานอะไรมาก มิน่าถึงหุ่นผอมแบบนี้ ผู้หญิงส่วนมากก็เป็นแบบนี้ละ ผมคิดไปตาม เราทิ้งเวลาอยู่ห้านาที ผมตัดสินใจบอก "เอ้อ เราออกไปข้างนอกดีมั๊ย ซื้ออะไรกินทานกันแล้วเดินเที่ยว อยากได้อะไรก็ซื้อ แล้วค่อยกลับ" ผมเสนอขึ้น เธอเงียบไปครู่ก่อนบอกว่า "ตอนนี้เหรอ ไม่ ก่อนได้มั๊ย ลิน เพิ่งมาถึงรู้สึกเหนื่อย ขอนั่งพักไปก่อน สักเที่ยงๆหรือบ่าย" เธอบอก ผมแปลกใจ "มีอะไรเหรอ" "ลินมีเรื่องราวหลายอย่างจะเล่าให้ฟังน่ะ" ผมพยักหน้า เมื่อเธอบอกอยากจะเล่าให้ฟัง ผมเดาเอา อาจจะเป็นเรื่องราวชีวิตของเธอหรือที่ทำงาน "คือลินรู้สึกเหงานะ ลินทำแต่งานแล้วก็กลับห้องเข้านอน เช้ามาทำงานแล้วก็วนเวียนแบบนี้ มาหลายปีแล้ว" ผมมองที่ดวงตาของเธอ พยายามคิดอะไรบางอย่าง ด้วยความใส่ใจและเป็นห่วง แววตาเธอไม่ได้ดูเศร้า แต่ดูเหมือนผู้หญิงที่ทระนงพอสมควร แข็งแกร่ง ไม่ได้อ่อนปวกเปียก อ่อนแอเหมือนผู้หญิงบางคน ผมอ่านจากสายตาและริมฝีปาก ริมฝีปากบางเป็นรูปกระจับ หน้าตาออกหมวย ขาวถูกใจผมมาก เพระผมสองสีไปทางสีแทนละเอียด จมูกนิดหน่อย คิ้วของเธอนั้นดูเหมือนใช้ดินสอเขียนเอาค่อนข้างบาง "ผมเองก็เหงาเหมือนกัน ก็อยู่คนเดียว เช้ามาต้องตื่นไปทำงานเย็นก็กลับเข้าห้อง แบบนี้ไงถึงได้หาชีวิตคู่ที่จะมาอยู่ด้วยกัน" ผมเข้าเรื่องเลย ในเมื่อเธอพูดแบบนี้ แต่เราไม่ได้ส่อไปในทางด้านนั้น เพียงแต่หยั่งเชิงกันดู ผมรู้ว่าเธอฉลาด เท่าที่คุยกันมานานแล้ว ผมต้องตามทันเธอให้ได้ ตอนนี้เธอเงียบ แต่จากประกายตาของเธอที่พูดและในบางอย่าง รู้ว่านอกจากเขินเอียงอายแล้วเธอมีความสุข "ลิน จะเล่าอะไรให้ฟัง เล่ามาก็ได้ผมพร้อมจะฟัง" "ประวัติไง อยากรู้เรื่องของลินมั๊ย" ผมพยักหน้า "เอาซี ดีเหมือนกันจะได้เรียนรู้กัน แล้วลินก็จะได้รู้ของผมบ้าง" เหมือนเราสลับกันเล่าแบบยุติธรรมที่สุด ไม่ได้ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบ ผมมีความรู้สึกว่าเธอเป็นคนขี้ระแวงไม่น้อย "ลินไม่มีพ่อนะ แม่ก็เสีย แต่ลินอยู่กับยาย ยายเลี้ยงลินมา แล้วก็มีน้าที่ช่วยส่งเสียจนลินเรียนจบปริญญาแล้วได้ทำงาน" ผมรับฟังและรู้สึกสงสารเธอ ผมกับเธอถามกันไปมาอยู่อย่างนั้น ด้วยความหวานประสาหนุ่มสาว มันเหมือนการหยั่งเชิงของกันและกัน เธอดูผมพยายามสังเกตเช่นเดียว กับผม เหมือนมีความอึดอัดเกิดบ้าง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม