ในขณะที่สองหนุ่มกำลังยืนมองกันด้วยสายตาเชือดเฉือน อย่างไม่มีใครยอมใคร บุคลที่สามที่ดูเหมือนจะเป็นส่วนเกิน ก็ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างแม้แต่น้อย เมื่อตอนนี้ได้หลงเข้าไปอยู่ในโลกจินตนาการของตัวเอง และโลกที่เธอสร้างขึ้นก็เต็มไปด้วยภาพที่มีเดนิสเป็นพระเอก ส่วนใครเป็นนางเอกคงไม่ต้องบอก แบบนี้เขาเรียกว่าบุพเพสินนิวาสใช่ไหม “เมื่อคิดให้ดี โลกนี้ประหลาด บุพเพสันนิวาสที่ประสาทความรักภิรมย์ คู่ใครคู่เขารักยังคอยเฝ้าชม คอยภิรมย์เรื่อยไป ขอบน้ำขวางหน้า ขอบฟ้าขวางกั้น บุพเพยังสันประสบให้ได้พบสบรักกันได้ ห่างกันแค่ไหน เขาสูงบังกันไว้ รักยังได้บูชา”
“ก็ไม่รู้สินะ รู้แค่ว่าพอฉันยื่นเงิน คนของแกก็แทบจะอุ้มฉันขึ้นมา แบบนี้รึเปล่าวะที่เขาเรียกว่า ลูกค้าคือพระเจ้า ว่าแต่เจ้าของกิจการอย่างแกไม่คิดจะบริการแขกวีไอพีที่อุตส่าห์แบกเงินถุงเงินถังขึ้นมาบนเรือเป็นตัวอย่างให้ลูกน้องแกหน่อยเหรอวะ ฉันเนี่ยระดับเฟิร์สคลาสเลยนะเว้ย” สีหน้าและแววตาที่เป็นต่อของเดนิส ทำให้อเล็กซิสฮึดฮัดขัดใจอยู่ไม่น้อย ตรงข้ามกับแก้วมุกดาที่มองอะไรๆ เป็นดีไปหมด ‘ทั้งหล่อ ทั้งไหวพริบดีแบบนี้ เหมาะจะเป็นพ่อของลูกที่สุด’
“แล้วว่าแต่ช่วงนี้แกอดอยากปากแห้งหรือว่าเพิ่งค้นพบตัวเองล่ะ ถึงได้หันมาควงเก้งกวางแบบนี้ หึๆ กามโรคมันไม่เข้าใครออกใครนะจะบอกให้ นี่ฉันเตือนด้วยความหวังดีหรอกนะ ฮ่าๆๆ” คงเป็นเพราะภาพความสนิทสนมที่อเล็กซิสแสดงออกมาด้วยการเดินโอบไหล่แก้วมุกดาตลอดเวลา จึงทำให้เดนิสถามออกไปแบบนี้ ทำคนที่ถูกพาดพิงเสียๆ หายๆ อย่างแก้วมุกดาอยู่เฉยอีกไม่ได้
“ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคุณเดนิส” เธอรีบแก้ตัวให้ตัวเองด้วยความตกใจ จนลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะแสดงตัวได้
“รู้จักฉันด้วย?” เดนิสทำหน้าแปลกใจ “อ้อ! สงสัยฉันเองก็ดังเหมือนกัน แต่บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ได้มีรสนิยมบริโภคพวกเดียวกันเหมือนคุณอเล็กซ์ของแก เพราะฉะนั้นอย่าได้เข้ามาใกล้ฉันเชียว” เดนิสยักไหล่อย่างไม่เป็นมิตร และคำพูดนี้เองที่ทำให้แก้วมุกดาได้สติขึ้นมาว่าตอนนี้ตนกำลังอยู่ในสถานะไหน จึงได้แต่ยืนคอตกด้วยไม่สามารถอธิบายอะไรได้ในตอนนี้
“แล้วนี่แกจะยืนทำตาละห้อยเป็นหมาหงอยแบบนี้อีกนานไหม มีอะไรก็ไปทำสิวะ หรือคิดว่าเป็นหัวหน้าแล้วจะอู้เมื่อไหร่ก็ได้ ฉันจะบอกไอ้เจฟให้หักเงินเดือนแก คอยดู” อเล็กซิสว่าให้อย่างพาลๆ ทำเอาคนถูกว่าอู้หันขวับมามองด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเดินออกไปจากตรงนั้น
“แกคิดจะทำอะไร” เมื่อได้อยู่กันตามลำพัง อเล็กซิสจึงไม่อ้อมค้อมอีก
“ก็มาเที่ยวพักผ่อนเหมือนกับลูกค้าคนอื่นๆ ของแกไง” เดนิสแสร้งตอบทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
“อย่ามาเล่นลิ้นเดนิส ฉันรู้ว่าแกมานี่เพราะอะไร” หน้าตาถมึงทึงของ
อเล็กซิสบอกให้รู้ว่าเขาไม่เล่นด้วย
“งั้นก็ดี ในเมื่อแกรู้แบบนี้แล้ว ฉันจะได้ไม่ต้องพูดให้มากความอีก” เดนิสยักไหล่ตอบกลับไปอย่างไม่แยแสท่าทีของอีกฝ่าย
“ฉันขอเตือน ทางที่ดีแกเลิกคิดจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน แกก็รู้ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นคนอย่างฉันไม่ยอมอยู่เฉยแน่” อเล็กซิสขู่เสียงเขียว แต่ก็ใช่ว่าคนอย่างเดนิสจะกลัว
“งั้นแกก็ควรจะรู้เอาไว้อย่างด้วยว่า คนอย่างฉันลองถ้าคิดจะเดินหน้าแล้วล่ะก็ ไม่มีคำว่าถอยเหมือนกัน” เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้กัน ตอนนี้สองหนุ่มจึงได้แต่ยืนจ้องหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เอ้า! หัวหน้ามาแล้วเหรอครับ ผมกำลังจะออกไปตามอยู่เลย” ไซมอนที่ตั้งใจจะเดินออกไปตาม เห็นแก้วมุกดาเดินเข้ามาก็ทักทาย
“อืม! หาฉันมีอะไร” เธอบอกเสียงเนือยๆ อย่างคนไม่มีอารมณ์จะทำอะไร ทำเอาผู้ช่วยทั้งสองต้องมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ
“เอ่อ หัวหน้ามีเรื่องไม่สบายใจอะไรรึเปล่าครับ” ไซมอนตัดสินใจถามออกไปด้วยความเป็นห่วง
“เปล่า ไม่มีอะไร ว่าแต่วันนี้ฉันต้องทำอะไรบ้างล่ะ เรามาเริ่มงานกันเลยดีไหม เริ่มจากบัญชีก่อนจะได้ไม่เสียเวลา” แก้วมุกดาพยายามเก็บอาการ แต่ยิ่งพยายามก็ยิ่งน่าเป็นห่วงในสายตาของทั้งสองคน
“ตอนนี้เราก็เหมือนลงเรือลำเดียวกัน เป็นเพื่อนร่วมงานกัน ถ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็เล่าให้พวกเราฟังได้นะครับ” ไซมอนแสดงความจริงใจซึ่งอีวานเองก็เห็นด้วยกับทุกคำพูดของเพื่อน ถึงแม้จะแสดงออกแค่การพยักหน้าเท่านั้น แต่ก็เป็นที่เข้าใจว่าเขาเองก็คิดไม่ต่างกัน
“เอ่อ ฉัน ฉัน ฉัน เอ่อ ความจริง ฉัน ฉัน คือ ฉัน เอ่อ ฉัน” แก้วมุกดาได้แต่อึกอัก ด้วยไม่รู้จะเริ่มอธิบายจากตรงไหน
“ถ้าจะเอ่อขนาดนี้ ส่งโทรเลขไปบอกผมทีหลังก็น่าจะทันครับ” ไซมอนทำท่าจะผละจากไปจริงๆ
“เฮ้ย! เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหนเล่า ทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้ ไหนบอกว่าจะรับฟังฉันไง” สุดท้ายก็กลายเป็นแก้วมุกดาที่ต้องเป็นฝ่ายง้อให้ทั้งสองรับฟังเรื่องของตัวเอง
“พูดแบบนี้ แสดงว่าพร้อมจะเล่าแล้วใช่ไหมครับ” ไซมอนหันมายิ้มมุมปากกับท่าทางของคนอยากเล่า
“ก็ใช่ แต่ขอเวลาทำใจหน่อยได้ไหมเล่า” เธอบอกพร้อมกับหมุนตัวบิดไปบิดมา จนคนมองได้ถอนหายใจ
“ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ค่อยเรียกนะครับ” ไซมอนพูดจบก็ทำท่าจะผละออกไปอีกครั้ง แต่เธอก็เรียกเอาไว้อีก
“ก็ได้ๆ พร้อมแล้วก็ได้ ก็คนมันเขินนี่” จนตอนนี้เธอก็ยังเขินไม่หาย จนกลายเป็นความน่ารำคาญสำหรับคนมองไปเสียแล้ว
“ฉันว่าเราออกไปทำงานดีกว่าว่ะ ปล่อยให้หัวหน้าเขินให้เสร็จก่อนแล้วค่อยเข้ามาก็ยังทัน” ไซมอนหันมาพยักพเยิดกับอีวานที่ทำท่าจะเห็นดีด้วย
“โอเคๆ บอกแล้วๆ ฉันเจอผู้ชายในฝันน่ะ” เธอกลั้นใจบอกออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยืนบิดไปบิดมา ไม่ได้สนใจอาการอึ้งตาค้างของผู้ช่วยทั้งสองคนเลยสักนิด
“อะเอ่อ เมื่อกี้หัวหน้าว่าไงนะ บอกให้ผมฟังชัดๆ อีกทีซิ” ด้วยคิดว่าตัวเองต้องหูฝาด ไซมอนจึงถามซ้ำอีกครั้ง
“ก็แบบว่า คือฉันเพิ่งเจอผู้ชายในฝันเมื่อกี้ไง คือความจริงเราไม่ได้เพิ่งเจอกันหรอก เราเคยเจอกันนานแล้ว แล้วก็เพิ่งมาเจอกันอีก” ไซมอนถึงเกาหัวแกรกๆ กับคำพูดวกไปวนมาของเธอ
“เอ่อ! ฟังดูเข้าใจง่าย แต่ไม่เข้าใจครับ” ไซมอนอดประชดไม่ได้
“เอ้า! อุตส่าห์อธิบายตั้งนาน ทำไมเป็นพวกเข้าใจอะไรยากอย่างนี้ล่ะไซมอน ดูอย่างอีวานสิไม่เห็นจะบ่นสักคำ นายเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหมอีวาน” แก้วมุกดาหันไปหาพวก
“หน้าผมบอกอย่างนั้นเหรอครับ” แทนที่อีวานจะตอบ แต่เลือกที่จะถามกลับไปแทน
“เออ! ก็ได้ ฉันอธิบายใหม่ก็ได้ เรื่องของเรื่องก็คือ ฉันกับคุณเดนิสเนี่ย เราเคยเจอกันมาแล้วครั้งนึง แล้วก็แบบว่าเขาตรงสเป๊กฉันไง พอมาวันนี้เราก็ได้เจอกันอีก มันเหมือนพรหมลิขิตในนวนิยายที่ไม่ว่ายังไงนางเอกกับพระเอกก็ต้องได้เจอกัน แต่ปัญหาคือเขาจำฉันไม่ได้ เท่านั้นยังไม่พอเขายังคิดว่าฉันกับไอ้ป๋าหื่นจอมลามกนั่นเป็นคู่เกย์กันอีก คิดแล้วก็เจ็บใจ แล้วก็เศร้าด้วย” คนเล่าที่ก่อนหน้าทำท่าทางเคลิ้มฝันอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็เปลี่ยนมาใส่อารมณ์ซะอย่างนั้น ทำเอาไซมอนถึงกับผวาถอยหลังไปหายก้าว
“เอ่อ! ทั้งหมดที่เล่ามาเนี่ย ผมขอแค่คำถามเดียวได้ไหมครับ“ เมื่อหันไปเห็นแก้วมุกดาพยักหน้า ไซมอนจึงพูดต่อ “ไอ้ป๋าหื่นจอมลามกนี่มันใครครับ”
“ทั้งหมดที่ฉันเล่ามา นายติดใจแค่เรื่องนี้เนี่ยนะ” แก้วมุกดาถามกลับอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่ออีกฝ่ายดันจับใจความได้แค่นี้ ที่สำคัญเป็นเรื่องของผู้ชายคนนั้นด้วย
“ครับ คือถ้าผมไม่รู้ คืนนี้ผมต้องนอนไม่หลับแน่ๆ” ไซมอนตอบหน้าตาเฉย ไม่ได้สนใจสีหน้าของเธอเลยแม้แต่น้อย