มู่อันเหมยคล้ายกับคนใจลอย จนมาถึงหน้าผาแห่งหนึ่ง ตลอดเวลาเธอกล่าวโทษตนเองที่ใจง่ายจนชีวิตต้องเป็นแบบนี้ ขอโทษพ่อแม่และครอบครัว รวมถึงว่าที่สามีที่เธอรังเกียจตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน เธอไม่อยากให้ครอบครัวอับอายที่ลูกสาวทำตัวเช่นนี้
การเป็นชู้กับสามีคนอื่นเป็นเรื่องต่ำช้าที่น่ารังเกียจ ทว่าเธอกลับท้องไม่มีพ่ออีก หญิงสาวคิดทบทวนสิ่งที่ผ่านมาจนน้ำตาที่ไหลออกมานั้นแทบจะเป็นสายเลือด
สุดท้ายเพื่อไม่ให้ครอบครัวอับอายและตัดสินโทษให้ตนเอง จึงได้ตัดสินใจกระโดดหน้าผาเพื่อจบชีวิตของเธอพร้อมกับลูกที่ยังไม่ลืมตาขึ้นมาดูโลกภายนอก
“ชาตินี้ฉันทำตัวไม่ดี ทำให้ครอบครัวเสียใจ ทำให้ครอบครัวต้องอับอายที่หนีการแต่งงาน หากชาติหน้ามีจริงและถ้าเป็นไปได้ ฉันขอกลับมาแก้ไขอดีตตนเองอีกครั้ง ฉันจะไม่ทำผิดเรื่องเดิมอีก”
มู่อันเหมยได้แต่คร่ำครวญขอโทษครอบครัว แม้กระทั่งบ้านเฉินที่เธอผิดสัญญาเรื่องการแต่งงาน
“ลูกรัก ชาตินี้เราสองคนบุญน้อย หากชาติหน้ามีจริง เรากลับมาเป็นแม่ลูกกันอีกนะ”
ทันทีที่อธิษฐานจบ หญิงสาวจึงกระโดดหน้าผาด้วยความรู้สึกผิด ทว่าภาพที่เธอเห็นก่อนที่ร่างจะกระแทกกับพื้น เธอกลับเห็นพี่ใหญ่เฉินพยายามคว้าร่างของเธอไว้ นี่คงเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เธอยิ้มให้เขาด้วยความจริงใจ
“ไม่!”
ใช่แล้ว คนที่ตะโกนร้องเสียงดังไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเฉินหยางคุน ชายหนุ่มพยายามเอื้อมมือมาคว้าร่างของมู่อันเหมยไว้ แต่ไม่ว่าจะเอื้อมแค่ไหนกลับคว้าได้เพียงอากาศ!
จากนั้นเฉินหยางคุนหาทางลงไปตีนหน้าผาอย่างบ้าคลั่ง หวังเพียงว่าหญิงสาวที่อยู่ในใจเขานี้จะรอดปลอดภัย แม้จะไม่มีความหวังเลยก็ตาม
ทันทีที่พบร่างที่แหลกเหลว ชายหนุ่มถึงกับคุกเข่าใกล้ร่างไร้วิญญาณอย่างหมดแรง พร้อมกับกอดร่างที่อาบไปด้วยเลือดอย่างไม่รังเกียจ น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“อันเหมย ทำไมคุณถึงทำแบบนี้ ต่อให้ชายทั้งโลกนี้ไม่รักคุณ ไม่ต้องการคุณ แต่ผมรักคุณ ผมต้องการคุณได้ยินไหม!”
เขากอดร่างไร้วิญญาณด้วยความอาลัยเจือไปด้วยความรัก
ใช่แล้ว! เขารักเธอ รักมาก รักตั้งแต่แรกเห็น แต่เพราะรู้ว่าตนเองมีประวัติ แม้ว่าจะไม่ได้ทำผิดจริงก็ตาม จึงไม่กล้าเดินหน้าเข้าหาเธอ
เฉินหยางคุนนั่งฟูมฟายพูดความในใจกับร่างไร้วิญญาณอย่างไม่อาย เขาหวังเพียงว่าชาติหน้าหากได้เกิดอีกครั้ง เขาขอเกิดมาให้ได้ครองคู่กับมู่อันเหมย และครั้งต่อไปเขาจะไม่รีรอหรือปล่อยเธอไปอีกแล้ว
วิญญาณของมู่อันเหมยมองภาพตรงหน้าทั้งน้ำตาเช่นกัน พลางคิดในใจว่า ทำไมเธอจึงมองคนเพียงเปลือกนอก ทั้ง ๆ ที่มีคนรักเธอมากขนาดนี้ แต่เธอกลับหนีการแต่งงานไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่น
จากนั้นไม่นานดวงวิญญาณของเธอก็หลุดลอยไป และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้
“น้ำ หิวน้ำ”
เสียงแหบแห้งดังขึ้น ทำให้บ้านรองมู่ทั้งหมดได้สติ ก่อนที่นางจางหลานจะรีบหยิบน้ำออกมาป้อนลูกสาว เมื่อเห็นว่ามู่อันเหมยได้สติแล้วเฉินหยางคุนรีบเดินออกมาด้วยความโล่งใจ
ตอนที่ชายหนุ่มเห็นร่างของมู่อันเหมยลื่นล้มตรงลำธาร เขานั้นแทบสิ้นสติ กลัวว่าเธอจะจากเขาไปอีกครั้ง
ใช่แล้ว! เมื่อสามปีก่อนเขาถูกทรมานในคุกค่ายทหารเพื่อให้เขารับผิดแทนใครบางคน ตอนนั้นเขาคล้ายกับจะหมดลมหายใจ ทว่าไม่นานเขากลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ในสมองของเขานั้นกลับมีความทรงจำเก่าก่อนมากมาย ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่ามันเป็นเพียงความฝัน หรือว่าเขาตายแล้วได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง
แต่ใครจะคิดว่าครั้งนี้เขาไม่ได้เพียงย้อนกลับมา ทว่าเขามีบางอย่างที่เหนือธรรมชาติ ซึ่งนั่นคือช่องว่างเก็บของ ซึ่งในนั้นมีข้าวของมากมายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน
พร้อมกับห้างสรรพสินค้าที่หรูหรา และคฤหาสน์หลังหนึ่ง ซึ่งเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ในยุคนี้ทุกอย่างนั้นขึ้นตรงกับภาครัฐ ไม่แน่ว่าสิ่งที่เขาได้มาอาจจะเป็นลิขิตของสวรรค์ที่มอบให้
เมื่อคิดถึงเรื่องในสามปีที่ผ่านมา เขาจึงสร้างทุกอย่างเพื่อใครบางคน ดังนั้นใบหน้าของเฉินหยางคุนจึงมีรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน ทว่าเขากลับไม่เคยแพร่งพรายให้ใครรู้แม้แต่แม่และน้องสาวของเขา!
กลับมาบ้านรองมู่ มู่อันเหมยหลังจากได้ดื่มน้ำดับกระหาย หญิงสาวจึงกวาดสายตามองทุกคน คิดในใจและสงสัยว่าเธอกระโดดหน้าผาขนาดนั้นทำไมยังไม่ตาย
“ฉันกลับมาบ้านได้ยังไงคะ”
“นี่อันเหมยจำไม่ได้เหรอว่าลูกน่ะล้มที่ลำธารหัวฟาด หากไม่ได้ลูกชายบ้านเฉินช่วยไว้แล้วพากลับมาส่ง ลูกคงเป็นหนักมากกว่านี้”
มู่อันเหมยขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่แม่พูด เธอล้มที่ลำธารได้อย่างไร ในเมื่อก่อนหน้านี้เธอ...เอ๊ะ เดี๋ยวนะ หรือว่าเธอได้ย้อนกลับมาจริง ๆ
“วันนี้วันที่เท่าไรคะแม่”
“อันเหมย น้องลืมวันลืมคืนหมดแล้วเหรอ ไม่ใช่ว่าดีใจที่สอบเข้าโรงงานยาสูบได้จนสมองเพี้ยนไปแล้วนะ” มู่เฟยหยวนเอ่ยล้อน้องสาว เมื่อเห็นอาการของเธอ
“พี่ใหญ่อย่ามาล้อฉันนะ ก็แม่บอกว่าฉันล้มหัวฟาด ฉันต้องเบลอเป็นธรรมดาไหมล่ะ”
มู่อันเหมยหันมาทำปากยู่และส่งค้อนให้พี่ชายยกใหญ่
“เจ้าใหญ่ ลูกก็อย่าแกล้งน้องเลย แล้วนี่อาคุนกลับไปแล้วเหรอ ก่อนหน้านี้แม่ยังเห็นเขานั่งเฝ้าอันเหมยไม่ห่าง”
นางจางหลานห้ามทัพทั้งสอง ก่อนจะถามหาเฉินหยางคุน เพราะก่อนหน้านี้ลูกชายบ้านเฉินนั่งเฝ้าลูกสาวของเธอไม่ห่าง
เธอไม่สนใจหรอกนะว่าชาวบ้านจะมองลูกชายบ้านเฉินอย่างไร ทว่าในสายตาบ้านรองมู่ กลับเห็นเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง ที่ขยันทำงานดูแลแม่และน้องเป็นอย่างดี
เธอยังมองเห็นว่าเฉินหยางคุนนั้นน่าจะชอบอันเหมยด้วยใจจริง แต่เพราะลูกสาวเธอไม่ชอบคล้ายจะรังเกียจด้วยซ้ำ เธอเป็นเแม่จึงไม่อยากบังคับใจลูก
เมื่อแม่เอ่ยถึงชายที่อยู่ในห้วงความคิดและเป็นคนสุดท้ายที่เธอเห็นก่อนสิ้นใจ ใบหน้าของมู่อันเหมยจึงแข็งค้างไปเล็กน้อย ก่อนจะปรับมาเป็นอ่อนโยนอีกครั้ง ซึ่งคนในบ้านแทบจะไม่เคยเห็นมาก่อน
“พี่ใหญ่ เรื่องแต่งงาน”
“ช่างมันเถอะ ในเมื่ออันเหมยน้องพี่ไม่ต้องการ หากต้องรักษาสัญญาของสองบ้านไว้ พี่คงต้องรอให้ฟางเซียนเรียนจบค่อยให้พ่อไปพูดคุยเรื่องสู่ขอ”
ในเมื่อน้องสาวไม่ต้องการแต่งงานกับพี่ใหญ่เฉิน แม้ว่าจะไม่พอใจแต่ก็ไม่อยากบังคับ เขาจึงตัดสินใจแต่งงานกับลูกสาวบ้านเฉินแทนเอง
มู่อันเหมยขมวดคิ้วอีกครั้ง ไม่ใช่ชาติก่อนพี่ใหญ่ให้เวลาเธอหนึ่งปีเหรอ ทำไมชาตินี้เขาจึงยอมง่ายดาย
“แล้ว...แล้วพี่ใหญ่เฉินยินยอมเหรอคะ ในเมื่อสัญญาของพ่อและลุงเฉินในครั้งนั้นคือฉันกับเขา”
“ยอมหรือไม่พ่อจะไปคุยเอง ในเมื่ออันเหมยไม่ต้องการ เรื่องหน้าที่ตอบแทนบุญคุณบ้านเฉินในครั้งกาลก่อน ให้เจ้าใหญ่รับผิดชอบเองเถอะ พรุ่งนี้พ่อจะเรียกอาคุนเข้ามาคุยอีกครั้ง ตอนนี้ลูกเพิ่งฟื้นขึ้นมาให้แม่ป้อนข้าวต้มให้ก่อนดีไหม”
ในเมื่อลูกสาวไม่เต็มใจ เจ้าใหญ่กลับเสนอตัวแทนแล้ว เขาจึงไม่อยากบังคับใจของมู่อันเหมย
ตอนนี้ในสมองของมู่อันเหมยมึนงงไปหมดแล้ว จากที่เธอมีสัญญาหมั้นหมายกับพี่ใหญ่เฉิน ทว่าตอนนี้กลับเป็นพี่ใหญ่ของเธอตัดสินใจจะแต่งงานกับเฉินฟางเซียนแทน นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเรื่องราวในชาตินี้จึงไม่เหมือนเดิมล่ะ
ทุกคนทยอยออกจากห้องเมื่อเห็นว่ามู่อันเหมยหลับตาลง แต่ละคนคิดว่าเธออยากพักผ่อน แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเวลานี้มู่อันเหมยนั้นว้าวุ่นแค่ไหนกับเรื่องระหว่างเธอและเฉินหยางคุนที่ไม่เหมือนเดิม
หากพี่ใหญ่แต่งงานกับเฉินฟางเซียน แล้วเรื่องระหว่างเธอกับพี่ใหญ่เฉิน ชายที่แสนดีคนนั้นล่ะ ไม่ อย่างไรมู่อันเหมยคนนี้ไม่มีทางยอมสูญเสียเขาไปอีกครั้งในชาตินี้แน่!