ชายหนุ่มถามขึ้นมาอีก เขาพยายามที่จะคุมเสียงให้นิ่ง ไม่อยากสร้างความตื่นกลัวให้ผีเสื้อตัวน้อย ทั้งที่ร่างกายของเขาตอนนี้ร้อนฉ่าแทบจะควบคุมอารมณ์ดิบเถื่อนต่อไปไม่ไหว แค่ได้กลิ่นหอมๆจากตัวเธอและสัมผัสผิวนุ่มนิ่มของเธอก็กระตุกต่อมอารมณ์ความปรารถหนาในตัวของเขาอย่างง่ายดาย ทั้งที่ชีวิตนี้เขาเคยผ่านผู้หญิงมาแล้วมากมาย ทั้งนางแบบ ดารา เรียกได้ว่าเขาไม่เคยอ่อนหักกับเรื่องแบบนี้เลยก็ว่าได้ เพราะปกติเขาเป็นคนคุมเกม ไม่ใช่ให้พวกเธอคุม
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเกมกำลังจะพลิก! เมื่อนักศึกษาที่เขากำลังจะแกล้งเล่น ทำให้เขาแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง
“ทำไมคุณถามแบบนั้นละคะ”
“ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มที่คุณส่งมาแอบแฝงอะไรบางอย่างอยู่”
“คุณอ่านใจคนเก่งนะคะ”
“หึ ก็ผมทำธุรกิจนี่ ถ้าอ่านใจคนไม่เก่งแล้วจะเจรจากับคู่แข่ง และลูกค้าได้ยังไง สรุปแล้วคุณคิดอะไรอยู่”
วิลเลียมไม่ปฏิเสธ แถมยังบอกอาชีพที่เขาทำให้กับเธอ ก่อนที่ประโยคท้ายจะเอ่ยถามซ้ำอีกครั้ง
“ฉันแค่คิดว่าคืนนี้จะเอาใจคุณยังไงให้ได้ทิปก้อนโต”
หญิงสาวเริ่มเรียนรู้ที่จะงัดมารยาหญิงมาใช้เพื่อเอาใจเขา เริ่มจากการพูดปดคำโต เก็บซ่อนความกังวล และความกลัวไว้ภายใต้รอยยิ้มหวานๆ เพราะตระหนักได้ว่าแขกที่มาผ่อนคลายต้องการฟังแต่เรื่องที่ทำให้สบายใจ ไม่ใช่มารับฟังปัญญาของคนอื่น
เมื่อเห็นว่าไวน์ในแก้วเริ่มจะลดน้อยลง เมลดาก็โน้มไปรินใส่แก้ว แล้วส่งแก้วไวน์ให้กับเขาด้วยร้อยยิ้มที่ระบายเต็มดวงหน้างดงาม
วิลเลียมถึงกับสมาธิหลุดลอยไปชั่ววินาที เมื่อได้มองรอยยิ้มบาดใจของคนตัวเล็ก เป็นรอยยิ้มที่งดงามบริสุทธิ์และจริงใจที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอมา จู่ๆก็เกิดความรู้สึกหวงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ไม่อยากให้ใครได้เห็นมันเลย นอกจากเขา
“เหนื่อยไหม”
ชายหนุ่มรีบดึงสติกลับมา หลังจากรู้ว่าตัวเองเผลอจ้องใบหน้างามเนิ่นนาน ซึ่งทำถามของเขาสร้างความแปลกใจให้กับหญิงสาวอยู่ไม่น้อยจนเมลดาต้องเลิกคิ้วเป็นเชิงย้อนถาม เหมือนได้ยินไม่ถนัด
“คะ?”
“เหนื่อยไหมที่ต้องมาทำงานแบบนี้”
เสียงทุ้มพูดอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ชัดเจนจนคนถูกถามต้องพยักหน้าเบาๆ พร้อมเอ่ยตอบ
“ก็นิดหน่อยค่ะ”
“แล้วเคยคิดอยากจะเลิกทำไหม”
“ถ้าฉันมีเงินมากพอ ฉันจะเลิกทำค่ะ”สาวน้อยตอบอย่างไม่ลังเล เพราะเป้าหมายเดียวที่เธอเข้ามาทำงานนี้เพราะต้องการเงินตามจำนวนที่ได้ยืมเขามา
“เท่าไหร่ถึงจะมากพอ”
“เอ่อ…เรื่องนี้ฉันขอเก็บเป็นความลับแล้วกันนะคะ”
เมลดาแสร้งทำเป็นยิ้มกลบเกลื่อน ทั้งที่ความเป็นจริงอยากจะย้อนถามเขาไปว่า
‘ถ้าหากฉันบอกไปแล้วคุณจะให้ทิปก้อนนั้นกับฉันไหมละคะ’
แน่นอนว่าความจริงเขาไม่ให้อย่างแน่นอน มีอย่างที่ไหนมาเที่ยวคืนเดียวต้องเสียเงินให้กับสาวนั่งดริ้งเป็นแสนๆโดยใช่เหตุ
“ถ้าคืนนี้ผมต่อยาวเลย คุณจะดูแลผมไหม”
“ค่ะ…ไม่มีปัญหา ฉันจะดูแลคุณจนกว่าคุณจะกลับ ถ้าคุณเมาก็จะไปส่งคุณขึ้นรถโดยสวัสดิภาพค่ะ”
เมลดาตอบอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด เพราะนั่นเป็นหน้าที่ของเธออยู่แล้ว เธอไม่เกี่ยงหากต้องดูแลแขกเกินเวลา ขอแค่ได้ทิปจากเขาก็พอ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคิดผิด เมื่อเสียงทุ้มไขความกระจ่างในเวลาต่อมา
“เปล่า ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น”
“แล้วคุณหมายถึงอะไรละคะ”
“นอนกับผม คืนนี้”
หญิงสาวเผลออ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำตอบตรงไปตรงมาของเขา อันที่จริงหากเธอทำอาชีพอื่น หรือไปที่อื่นแล้วมีคนพูดแบบนี้กับเธอก็คงตบเขาหน้าสั่นไปแล้ว แต่เพราะตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังทำงานอะไรอยู่ เลยไม่คิดจะโกรธหรือต่อว่าเขา
“ว่าไง ทำไมถึงเงียบไป”
“คุณจะให้ฉันเท่าไหร่คะ ถ้าฉันยอมนอนกับคุณ”
หญิงสาวย้อนถามออกไปตรงๆ ทั้งที่ในใจนั้นกระดากอายเต็มที แต่เมื่อเธอมีโอกาสที่จะได้เงินก้อนโตจากเขา ก็ต้องทิ้งศักดิ์ศรีความเป็นคนทำในสิ่งที่ฝืนใจ เพื่อให้หลุดพ้นจากตารางที่รออยู่ตรงหน้า
“แล้วคุณต้องการเท่าไหร่ล่ะ”
“สองแสนค่ะ ฉันต้องการสองแสน”
เสียงหวานเผลอหลุดโพลงออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะจิตใต้สำนึกข้างในมีแต่จำนวนเงินนี้ที่บีบบังคับเธอ แต่แล้วเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาคมกริบก็ทำให้สติของเธอคืนกลับมา
“เอ่อ แสนเดียว…เออ…หะ…ห้าหมื่นก็ได้ค่ะ ถ้าคุณตกลงฉันจะเป็นของคุณทันที”
คงไม่มีใครเรียกค่าตัวแพงเท่าเธอมาก่อนละสิ ไม่งั้นคงไม่ทำให้เขานิ่งอึ้งไปแบบนี้หรอก คิดแล้วก็รู้สึกละอายในใจ เพราะการไม่เคยมีประสบการณ์รักบนเตียงทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่ากำลังเอาเปรียบเขาอยู่
“สรุปคุณจะเอาเท่าไหร่”
ชายหนุ่มถามอีกครั้ง หลังจากที่หญิงสาวทำท่าลังเล ไม่มั่นใจกับราคาที่เสนอมา
“ห้าหมื่นค่ะ!”
“ตกลง”
คำตอบตกลงของเขาทำให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง เพราะคาดไม่ถึงว่าเขาจะรับข้อเสนอของเธอง่ายดายแบบนี้ ถ้ารู้ว่าเขาจะตอบตกลงโดยไม่ลังเลแบบนี้เธอน่าจะเพิ่มราคาสักสองสามพันก็น่าจะดี นึกแล้วก็อดเสียดายมิได้
วิเลียมล้วงเอาอะไรบางอย่างในกระเป๋ากางเกงออกมา ตวัดปากกาลงบนเช็คเงินสดพร้อมกับจำนวนเงินที่เธอเรียกร้อง ก่อนจะส่งให้กับเธอ โดยที่หญิงสาวนั่งมองอยู่เงียบๆด้วยความอึ้งปนทึ่ง
“เอานี่ของคุณ”
‘จ่ายกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ’
“ขะ…ขอบคุณค่ะ”
เมลดารับแผ่นกระดาษใบเล็กมาด้วยอาการมือไม้สั่น ดวงตาคู่สวยกวาดมองจำนวนตัวเลขในแผ่นกระดาษพร้อมกับอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าจะได้เงินมาง่ายดายแบบนี้
‘นี่เราฝันไปหรือเปล่า’
หญิงสาวพึมพำถามตัวเองในใจ ก่อนที่จะได้รับรู้ว่าไม่ได้ฝันไปเมื่อจมูกโด่งๆแนบลงมาหาแก้มเนียนขาว และสูดความหอมละมุนนั้นเข้าเต็มปลอด
“มัดจำไว้ก่อน”
เสียงทุ้มที่ดังขึ้น ทำให้หญิงสาวได้สติ รีบเก็บเช็คใส่กระเป๋าสะพายใบเล็กราคาร้อยเก้าสิบเก้าบาทตามตลาดนัด แล้วหันมาถามเขา
“แล้วเราจะไปกันเมื่อไหร่ดีคะ”
“ตอนนี้เลย”
ชายหนุ่มบอกอย่างใจร้อน แต่เมลดาก็รีบปรามไว้ก่อน เพราะเธอยังไม่ได้ตกลงรายละเอียดกับเขา
“เอ่อ…เดี๋ยวก่อนสิคะ แล้วเราจะไปที่ไหนกันคะ”
“ที่พักของคุณ”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเล เพราะคืนนี้เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่กลับไปยังโรงแรมนั่นอีก ปล่อยให้นางแบบสาวขี้วินอยู่ในห้องตามลำพังนั่นแหละดีแล้ว
เมลดาทำท่าครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะพยักหน้าตอบตกลง เพราะเธอเช่าหออยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อนร่วมห้องด้วย และถ้าเสร็จกิจเธอก็จะได้พักผ่อนไม่ต้องเดินทางต่อไปไหน และที่สำคัญจะได้ประหยัดเงินในกระเป๋าด้วย
“แล้วฉันต้องหลับนอนกับคุณกี่ครั้งคะ”
หญิงสาวกลั้นใจถาม ทั้งที่รู้สึกกระดากปากอายเต็มที พูดจบก็อยากจะกลั้นใจตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด
“ตอบไม่ได้ เพราะผมกินจุ”
คำตอบเรียบๆ แต่กลับทำให้คนฟังหน้าเปลี่ยนสีเป็นสีแดงก่ำด้วยความเขินอายปนหมั่นไส้ จนอดค้อนให้ในใจมิได้
‘ตอบมาได้ว่ากินจุ แล้วแบบนี้ใครกันแน่ที่จะเสียเปรียบ แต่เดี๋ยวคืนนี้ก็คงรู้กัน’