EP. 1
เกิดเหตุบังเอิญที่มุกมาริน มนัญญานักร้องสาวในโรงแรมหรูต้องเข้าไปรับรู้ว่าพี่ชายของเธอทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ผู้หญิงคนนั้นแท้จริงคือคู่หมั้นสาวที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับเรืออากาศเอกคิลเลียน แม็คไพรด์ทายาทมหาเศรษฐีในตระกูลอันมั่งคั่งแต่เลือดร้อนและบ้าระห่ำลากตัวนักร้องสาวมาเค้นความจริงด้วยการทรมานต่าง ๆ นานา เขาจะตามฆ่ามัน ! ไอ้ผู้ชายคนนั้นที่ทำให้คู่หมั้นอยู่ในขั้นโคมาร์ เสียงเพลงที่เธอขับขานจะกลายเป็นเสียงแห่งความทุกข์ทรมานอย่างสาหัส
เมื่อบทเพลง Greatest love of all อันไพเราะจบลง เสียงปรบมือภายในห้องอาหารชั้นที่ห้าสิบของโรงแรมหรู ฟิฟท์ อะเวนิว แกรนด์ โฮเต็ลซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจบนถนน ฟิฟท์ อะเวนิว แห่งมหานครนิวยอร์คก็ดังกึกก้อง
พริซซิลล่ามองตามนักร้องสาวร่างเล็กบอบบางในชุดราตรียาวปักเลื่อมสีขาวเจิดจรัสที่เดินลงจากเวทีด้วยความชื่นชมก่อนหันกลับมายังอีวานซึ่งนั่งข้าง ๆ และตรงข้ามคือคิลเลียนที่วันนี้ควงคู่มากับ เลทิเธีย คู่หมั้นสาวแสนสวย
“นักร้องผู้หญิงคนนั้นคงเป็นชาวเอเชีย เธอสวยมากเลยนะคะ”
พริซซิลล่าหันมาบอกทุกคนซึ่งอีวานวาดวงแขนโอบไหล่หญิงสาวก่อนพูด
“ถ้าผมเห็นด้วย คุณจะหึงหรือเปล่าที่รัก?”
“คุณมีสิทธิ์พยักหน้าค่ะ แต่ห้ามแสดงความเห็น โอเคมั้ยคะ อีวาน”
หญิงสาวทำเสียงเข้มซึ่งทำให้ทุกคนหัวเราะพร้อมกันก่อนที่คิลเลียนจะหันไปทางคู่หมั้นของเขาบ้าง
“ผมอยากให้คุณหึงผมแบบนี้บ้างจัง”
“อะไรกัน! นี่นายกำลังจะแต่งงานกับเธออยู่แล้วนะ คงไม่ต้องมาหึงหวงกันอย่างคู่รักที่เพิ่งคบกันหรอกน่า”
อีวานกระเซ้าเพื่อนของเขาซึ่งอยู่ในชุดสูทหล่อเหลากว่าปกติ คิลเลียนแทบไม่แตะชุดพวกนี้เพราะคุ้นชินกับการแต่งกายอย่างทหาร ทว่าหลังจากคบกับ เลทิเธีย อาเวอร์ตัน สาวสวยผมบลอนด์ลูกสาวนักธุรกิจบริษัทเรือเดินสมุทร เขาก็ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนตัวเอง จากที่เคยเป็นคนเลือดร้อนมุทะลุก็กลับกลายเป็นคนใจเย็นและมีเหตุผลมากขึ้นซึ่งก็รวมถึงการแต่งตัวอย่างหนุ่มสังคมอีกด้วย
ทั้งสองหมั้นหมายกันมาเกือบสองปีเพราะฝ่ายหญิงให้เหตุผลว่าอยากเรียนต่อด้านธุรกิจทำให้การแต่งงานต้องเลื่อนออกไปจนในที่สุดผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายก็เห็นว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้ช้านานไปกว่านี้อีก
“ก็เพราะเดือนหน้าเราจะแต่งงานกันแล้วยังไงล่ะครับ ผมเลยอยากให้เราต่างมีความรู้สึกเหมือนคู่รักที่เพิ่งคบกัน”
“แหม...ช่างเป็นว่าที่เจ้าบ่าวที่น่ารักจริง ๆ ค่ะ คิลเลียนกับคุณเลทิเธียเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากจริง ๆ ค่ะ”
พริซซิลล่าชื่มชมทว่าหญิงสาวกลับเห็นอะไรบางอย่างฉายวาบในดวงตาของว่าที่เจ้าสาว อะไรบางอย่างที่ผู้หญิงด้วยกันเท่านั้นจะมองเห็น
“จริง ๆ แล้วฉันอยากเรียนต่อให้จบเสียก่อนค่ะ แต่คุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยากรอนานกว่านี้” เลทิเธียกล่าวเสียงเนิบ เธอยกแก้วไวน์ขึ้นจิบก่อนปรายยิ้มเล็กน้อยและพูดต่อ
“ฉันอยากจัดงานเลี้ยงที่ไม่ต้องใหญ่โตมาก เชิญแค่เพื่อนสนิทไม่กี่คน และจัดในสถานที่เล็ก ๆ ค่ะ“
พริซซิลล่ามองสาวสวยผมบลอนด์ทองยาวสลวยนัยน์ตาสีมรกตแล้วอดที่จะคิดอยู่ลึก ๆ ไม่ได้ว่า คนที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวใยจึงดูเนิบเนือยเฉื่อยชาราวกับไม่รู้สึกตื่นเต้นกับงานสำคัญที่สุดในชีวิต แววตาคู่นั้นแทบไม่บ่งบอกความยินดียินร้าย มันราบเรียบจนน่าใจหายแทนว่าที่เจ้าบ่าวที่ตอนนี้ดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นเป็นประกายวิบวับ เธอรู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่างที่ยังไม่รู้แน่ชัด
“เอ้อ...ต้องขอโทษนะคะ ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนค่ะ”
เลทิเธียลุกขึ้นและปล่อยให้ทุกคนในที่นั้นนั่งคุยสัพเพเหระโดยเฉพาะเรื่องงานแต่งงานที่ใกล้มาถึง หญิงสาวตรงดิ่งไปยังห้องน้ำและแทบจะทรงตัวไม่อยู่จนต้องเกาะขอบอ่างล้างมือเพื่อก้มหน้าลงไปและปลดปล่อยความอัดอั้นที่แล่นขึ้นมาจุกบนลำคอ เธออาเจียนเบา ๆ ในช่วงเวลาที่ไม่มีใครเข้ามาก่อนเปิดก๊อกน้ำและเช็ดปากด้วยทิชชูพลางถอนหายใจ
แต่แล้วก็ต้องตระหนกเมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่ามีใครบางคนยืนอยู่เบื้องหลัง เจ้าของร่างเล็กบอบบางในชุดราตรียาวปักเลื่อมสีขาวปล่อยผมสีดำขลับยาวสยายกำลังมองมายังเธอ
“คุณเลทิเธีย” เธอกล่าวขึ้นและทำให้เลทิเธียหายปวดมึนเป็นปลิดทิ้งกระทั่งร่างเล็กบอบบางเรียกอีกหน
“คุณเลทิเธียใช่ไหมคะ?”
“เธอจำผิดคนแล้ว!”
เลทิเธียรีบคว้ากระเป๋าอย่างเร่งรีบก่อนจ้ำอ้าวออกจากห้องน้ำ แต่เดินออกมาไม่นานก็พบว่าคิลเลียนเดินเข้ามาพอดี
“เลทิเธีย...ขอโทษที ผมเห็นคุณหายมาพักใหญ่เลยตามมาดู คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
คิลเลียนถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาวซีดลง
“ไม่ค่ะ คิลเลียน...ไม่มีอะไร...เรารีบไปกันเถอะค่ะ”
เธอลุกลี้ลุกลนดึงแขนชายหนุ่มแต่ไม่ทันเดินออกไปก็มีเสียงหนึ่งดังตามหลังมา
“คุณเลทิเธีย...คุณ...เอ้อ...”
ร่างเล็กบอบบางยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นคนที่เธอวิ่งตามมายืนอยู่กับเจ้าของร่างสูงใหญ่หน้าตาคร้ามเข้มบาดใจในท่าเกาะเกี่ยวแขนกัน เลทิเธียมีสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อเห็นอะไรบางอย่างที่อีกฝ่ายถือมา
“เอ๊ะ! นี่มันกระเป๋าที่ฉันหาอยู่นี่...หล่อนขโมยมันไปใช่มั้ย!”