พยศรักพ่อเลี้ยงบ้านไร่ 01
แรกพบ
"โอ๊ยนี่รอมานานแล้วนะคะ! ถ้าไม่มาตามนัดแบบนี้มิลไม่รอแล้วนะ" มิลลิกา นาราสุนทร นางแบบสาวชื่อดังเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเมื่อถูกโทรตามให้มาถ่ายแบบแต่ทว่าตากล้องกลับยังไม่โผล่หน้ามาทั้งที่เลยเวลามาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว นางแบบสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวเธอไม่รีรอให้ใครพูดอะไรเท้าเรียวก็เดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัวทันทีทำให้เหล่าทีมงานได้แต่หน้าเสียเพราะรู้ว่าวันนี้คงจะเสียเวลาอีกเช่นเคย
"มิลนี่จะหนีงานอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย? ทำไมไม่รู้จักรอบ้าง" เสียงของเอมมี่ผู้จัดการส่วนตัวของมิลลิการเอ่ยขึ้นทำให้นางแบบสาวที่กำลังจะหยิบชุดเข้าไปในห้องหมายจะเปลี่ยนชุดหันมามองทันทีด้วยสีหน้าไม่พอใจ
"มิลไม่ได้หนีค่ะ แต่นี่นั่งรอมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วตากล้องยังไม่เห็นจะโผล่มาสักทีมิลไม่ได้มีเวลามานั่งรอแค่คน ๆ เดียวนะคะ พี่พูดให้ถูกด้วย" มิลลิกามองหน้าผู้จัดการสาวเพียงนิดก่อนจะหายเข้าไปในห้องเพื่อนเปลี่ยนชุดโดยที่เอมมี่ได้แต่ถอนหายใจกับนิสัยเอาแต่ใจของนางแบบในสังกัด
ใช้เวลาไม่นานมิลลิกาก็เดินออกมาจากห้องด้วยชุดเดรสชุดเดิมที่เธอสวมใส่ตอนมาเมื่อไม่เห็นผู้จัดการส่วนตัวอยู่ในห้องจึงหยิบกระเป๋าสะพายข้างแบรนด์ดังขึ้นมาก่อนจะเดินออกจากห้องไป
"เอ่อ...น้องมิลคะพอดีตอนนี้ตากล้องมาถึงแล้วค่ะ"
"ค่ะ แล้วไงคะ?" เท้าเรียวหยุดนิ่งในยามที่จะเดินผ่านกลุ่มทีมงานที่กำลังเตรียมฉากกันอยู่เมื่อมีทีมงานสาวคนหนึ่งเดินเจ้ามาหาเธอ
"มันเป็นฉากที่น้องมิลต้องถ่ายพอดี..."
"วันนี้มิลไม่ถ่ายแล้วค่ะ ไม่เห็นเหรอคะว่าเปลี่ยนชุดไปแล้ว" น้ำเสียงและสีหน้าเหวี่ยงวีนไม่สบอารมณ์ของมิลลิการทำให้ทีมงานคนนั้นหน้าซีดทันที
"แต่วันนี้มาคิวถ่ายของน้องมิลกับน้องอันนะคะ" ทีมงานสาวอีกคนหนึ่งที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่เอ่ยขึ้นทันทีทำให้มิลลิกาตวัดสายตามองทันทีด้วยความไม่พอใจ
"คนมาช้ามีสิทธิ์มาสั่งคนอื่นด้วยเหรอคะ?"
"เอ่อ...ไม่เป็นไรหรอกค่ะวันนี้ถ่ายแค่คิวของอันก่อนก็ได้ค่ะ ส่วนฉากคู่ที่ต้องถ่ายคู่กับพี่มิลเอาไว้วันอื่นก็ได้ค่ะ" อันดานางแบบสาวน้องใหม่ที่กำลังมาแรงในตอนนี้เอ่ยขึ้นทำให้มิลลิกาปรายตามองหญิงสาวที่เข้ามาใหม่ทันที
"แต่ถ้าแบบนั้นน้องอันจะต้องเสียเวลามาถ่ายอีกรอบนะคะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ อันยินดี"
"หึ" มิลลิกาไม่ได้สนใจเธอมองนางแบบรุ่นน้องนิ่ง ๆ ก่อนจะเดินออกไปทำให้กลุ่มทีมงานต่างจับกลุ่มซุบซิบนินทากันตามประสากับความเอาแค่ใจขี้เหวี่ยงขี้วีนของนางแบบคนดัง คนในกองถ่ายต่างรู้กันดีว่ามิลลิกามีนิสัยยังไงแต่ทว่าเธอก็ยังมีคนจ้างงานอยู่ตลอด
"น้องมิลกับน้องอันนี่นิสัยต่างกันมากเลยนะ"
"นั่นสิ ฉันล่ะเห็นใจคนที่ต้องร่วมงานกับหล่อนมาก เอาแต่ใจขี่เหวี่ยงอะไรไม่ได้ดั่งใจก็วีนแตก นี่ฉันได้ข่าวมาว่าไปกองไหนก็วีนใส่ทีมงานแทบจะทุกคนเลยนะ ต่างจากน้องอันที่เรียบร้อยให้เกียรติเพื่อนร่วมงานแถมยังไม่เอาแต่ใจอีกทั้ง ๆ ที่ก็นั่งรอมานานเหมือนกัน" ทีมงานอีกคนหนึ่งเอ่ยออกมาอย่างเห็นด้วยกับนิสัยต่างขั้วของมิลลิกากับอันดา
"แต่ก็ยังมีคนจ้างงานนะ"
"ก็บารมีของพ่อหล่อนน่ะสิ นี่ถ้าไม่มีพ่อคุ้มกะลาหัวก็คงจะไม่ได้มายืนเหวี่ยงใส่คนอื่นอยู่แบบนี้หรอก"
"เธอพูดแรงไปรึเปล่า"
"ไม่แรงหรอกอย่างคนแบบนั้นเจอแค่นี้ยังน้อยไป ฉันล่ะอยากให้น้องอันขึ้นมาแทนยัยนี่ชะมัด"
"พอ ๆ อย่าพูดเลยเดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่" ทีมงานอีกคนเอ่ยขึ้นก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่โดยที่ไม่ได้สังเกตว่าบทสนทนาเมื่อครู่มีหญิงสาวอีกคนหนึ่งยืนฟังอยู่พร้อมรอยยิ้มที่ประดับมุมปาก
@ห้างสรรพสินค้า
ครืด~ ครืด~
"ไม่รับหน่อยเหรอ?" มินนี่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นโทรศัพท์เครื่องหรูที่วางอยู่บนโต๊ะในขณะที่นั่งอยู่ในร้านอาหารของห้างสรรพสินค้าสั่นครืดคราดไปมาแต่ทว่าเจ้าของอย่างมิลลิกาเพื่อนรักของเธอไม่ยอมกดรับสายแถมยังปิดจอวางคว่ำหน้าลงบนโต๊ะอย่างไม่สนใจถึงแม้คนที่โทรเข้ามาจะเป็นเอมมี่ผู้จัดการส่วนตัวก็ตาม
"น่ารำคาญ คงไม่พ้นเรื่องเดิม ๆ" นางแบบสาวบ่นออกมาด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายหลังจากเธอขับรถออกมาจากกองถ่ายก็ตรงมาที่ห้างสรรพสินค้าโดยไม่ลืมที่จะโทรนัดเพื่อนสนิทอย่างมินนี่มาด้วย นี่ไม่ใช่สายแรกที่เอมมี่โทรเข้ามาแต่เธอเลือกที่จะไม่กดรับสายเพราะเรื่องที่ผู้จัดการสาวจะพูดก็คงไม่พ้นเรื่องบ่นเธออีกเช่นเคย
"แล้วแกไม่กลัวโดนถอดออกจากโฆษณาหรือไง?" นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มิลลิกาออกมาจากกองถ่ายโดยที่ยังถ่ายงานไม่เสร็จเธอจะไม่เข้าข้างเพื่อนรักหรอกนะว่าทำแบบนี้มันถูกแต่เธอก็ได้แค่เตือนเพียงเท่านั้น
"หึ ฉันไม่ได้สนใจอยู่แล้วอยากถอดก็ถอดเถอะแค่งานเดียวไม่ได้ทำให้ฉันล่มจมลงหรอก" นางแบบสาวเอ่ยออกมาอย่างเย้ยหยัน เธอไม่ได้บังคับให้คนอื่นมาจ้างงานเธอสักหน่อยใครจะจ้างก็จ้างใครไม่จ้างก็ไม่ได้สนใจเพราะถึงไม่มีงานก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตเธอล่มจมลง
"นิสัยเอาแต่ใจของแกนี่มันแก้ไม่หายจริง ๆ" มินนี่เอ่ยออกมาอย่างเอือมระอากับนิสัยเอาแต่ใจขี้เหวี่ยงขี้วีนตามฉบับลูกคุณหนูที่ถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กอย่างมิลลิกาเพื่อนรักของเธอ แต่ถึงมิลลิกาจะเป็นคนแบบนี้แต่ทว่ากลับจริงใจและไม่เสแสร้งเพราะแบบนี้ถึงคบกันมาได้นานหลายปี
"หึ เดี๋ยวกินเสร็จแล้วฉันจะไปชอปปิงหน่อยนะวันนี้อารมณ์ไม่ดี" สิ่งเดียวที่สามารถทำให้เธออารมณ์เย็นขึ้นได้ก็คือการชอปปิงซื้อสิ่งของที่เธอต้องการเพราะมันถือว่าเป็นการระบายอารมณ์อย่างหนึ่งของเธอ
"วันนี้แกคงไม่เหมาห้างหรอกนะ" มินนี่อดที่จะประชดประชันไม่ได้เพราะทุกครั้งที่เพื่อนรักอารมณ์ไม่ดีมักจะซื้อข้าวของทุกอย่างที่ขวางหน้าไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม
นางแบบสาวยักไหล่ไม่ได้สนใจกับถ้อยคำประชดประชันของเพื่อนรักทั้งคู่ใช้เวลาทานอาหารไม่นานก็เดินออกจากร้านเพื่อไปชอปปิ้งต่อ
"แกฉันยังไม่ได้เข้าร้านนี้" มิลลิกาเอ่ยขึ้นเมื่อกำลังจะเดินผ่านช็อปแบรนด์ดังทำให้มินนี่ต้องหยุดฝีเท้าตามอย่างเอือม ๆ
"คุณมิลจริง ๆ ด้วย!" น้ำเสียงที่ตื่นเต้นดีใจดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้นางแบบสาวเจ้าของชื่อที่กำลังจะเดินเข้าไปในร้านนิ่งไปก่อนจะหันหน้ากลับมามองเห็นหญิงสาวสองคนยืนอยู่
"เราสองคนชอบคุณมิลมานานแล้วค่ะเลยอยากจะมาขอถ่ายรูปด้วย" หนึ่งในหญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้นในมือถือโทรศัพท์มือถือเพื่อเตรียมถ่ายรูปไว้อย่างดี
"ตอนนี้เป็นเวลาส่วนตัวไม่สะดวกค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ" พูดจบนางแบบสาวก็เดินเข้าไปในช็อปทันทีโดยมีมินนี่เดินตามเข้าไปทำให้หญิงสาวสองคนที่อ้างตัวว่าเป็นแฟนคลับยืนหน้าเสียอยู่อย่างนั้น
"กะ...แกได้ยินเหมือนฉันไหม?" เมื่อเรียกสติกลับมาได้จากที่ยืนนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างไม่คิดว่าจะได้ยินถ้อยคำแบบนี้มาจากปากของคนที่ชื่นชอบมานาน
"ได้ยินสิฉันไม่ได้หูหนวกนะ"
"ฉันไม่คิดว่าจะเป็นคนแบบนี้มาก่อนเลย เสียดายเวลาที่ติดตามมาก"
"นั่นสิ เสียความรู้สึกมากไอ้เราก็อุตส่าห์ดีใจแต่ดูชีตอบกลับมาสิ แสดงว่าที่มีคนพูดกันเป็นเรื่องจริงวันนี้ฉันเชื่อสนิทใจเลย" จากที่ตอนแรกไม่เชื่อข่าวลือที่ว่านางแบบสาวอย่างมิลลิกามีนิสัยเอาแต่ใจมากแค่ไหนแต่พอได้มาสัมผัสกับตัวเองวันนี้ทำให้เชื่อสนิทใจอย่างที่ไม่โต้แย้งเลย
"แกนี่ไม่ห่วงชื่อเสียงของตัวเองจริง ๆ" เพราะการที่ปฏิเสธแฟนคลับแบบนั้นแน่นอนว่าจะมีกระแสโจมตีเข้ามาในไม่ช้าแต่ทว่านางแบบสาวอย่างมิลลิกากลับไม่ได้ให้ความสนใจเพราะทุกวันนี้ดราม่าของเธอก็มีอยู่เต็มโลกโซเชียลอยู่แล้ว
"นี่มันเป็นเวลาส่วนตัวนะ อีกอย่างคนพวกนั้นต่างหากที่เข้ามาไม่ดูเวล่ำเวลา" เธอก็ต้องมีเวลาส่วนตัวในการใช้ชีวิตไม่ใช่จะต้องคอยเทคแคร์แฟนคลับที่ก็ไม่รู้ว่าเป็นแฟนคลับของเธอจริง ๆ หรือกลุ่มแอนตี้ที่เข้ามาหาข่าวไปเรียกกระแสกันแน่
@คอนโดมิลลิกา
แกร๊ก~
"รู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป?" ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้องพักของคอนโดมิเนียมเสียงของเอมมี่ก็ดังขึ้นทำให้นางแบบสาวตีสีหน้าอย่างเบื่อหน่าย มือเรียววางถุงชอปปิงที่มีชื่อของแบรนด์เขียนไว้บนถุงกระดาษบางส่วนลงบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาก่อนจะหย่อนสะโพกลงส่วนของที่เธอซื้อมาอ**บางส่วนก็ให้ทางชอปจัดส่งมาให้ทีหลัง
"รู้ไหมว่าสิ่งที่ทำลงไปวันนี้มันส่งผลเสียอะไรบ้าง!?" เอมมี่อดที่จะโมโหไม่ได้ในขณะที่หางานให้กับนางแบบในสังกัดแต่ทว่ามิลลิกากลับไม่สนใจอะไรเลยนึกอยากจะทำอะไรก็ทำจนเธอต้องคอยจัดการให้ไม่เว้นวัน
"มันจะส่งผลเสียอะไรมากคะนี่ก็ใช่ว่าจะทำครั้งแรกเสียเมื่อไร" นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำแต่ละครั้งก็ไม่เห็นจะมีผลเสียอะไรมากนอกจากถูกกระแสโจมตีจากเหล้าแอนตี้แต่นั่นเธอก็ไม่ได้ให้ความสนใจอยู่แล้ว
"ก็ทางเจ้าของแบรนด์เขาโทรมาถอดแกออกจากพรีเซนเตอร์แล้วนี่ไง เรื่องใหญ่พอไหม!?" คำพูดของเอมมี่ทำให้นางแบบสาวนิ่งไปเพราะคาดไม่ถึงว่าทางแบรนด์จะถอดเธอออกจากพรีเซนเตอร์
"ก็ช่างสิคะ แค่แบรนด์เดียวไม่เห็นจะต้องแคร์เลยนิ" มิลลิกาที่เงียบไปครู่หนึ่งเอ่ยออกมาอย่างไม่ใส่ใจ แค่แบรนด์เดียวมันไม่ได้ทำให้รายได้เธอหดหายดีเสียอีกจะได้รอต้อนรับแบรนด์ใหม่เลยทีเดียว
"แกมันก็คิดได้แค่นี้ไง! เพราะไอ้นิสัยขี้เหวี่ยงขี้วีนเจ้าอารมณ์เอาแค่ใจของแกนี่ไงถึงทำให้เป็นแบบนี้ แกอย่าคิดว่าตอนนี้แกมีเงินมีงานแล้วในอนาคตแกจะมีเหลือสักอย่างถ้าแกยังมีนิสัยแบบนี้อยู่" เอมมี่พูดจบก็ลุกเดินออกไปโดยปล่อยให้นางแบบสาวนั่งคิดทบทวนกับคำพูดของเธอใหม่ ที่ผ่านมามิลลิกาทำอะไรเธอไม่เคยขัดไม่เคยห้ามแต่ทว่าตอนนี้มันกลับยิ่งไปกันใหญ่ถึงจะมีชื่อเสียงมากแค่ไหนแต่ใช่ว่าวันข้างหน้าชื่อเสียงเหล่านั้นมันจะไม่หายไป
"คิดว่าจะแคร์รึไง"
--------
เพิ่งลองเขียนนางเอกแนวนี้ถ้าไม่ดีตรงไหนคอมเมนต์ติชมกันมาได้นะคะ นางเอกเรื่องนี้นางถนัดใช้เสียงมากค่ะ
ฝากกดใจ+คอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ด้วยน้าาาา