"พัทธุ์เดี๋ยวนี้คุณเปลี่ยนแนว หันมาคั่วเด็กปีหนึ่งแล้วเหรอคะ" มือเรียวของเธอคล้องรอบคอธนพัทธุ์ไว้พลางส่งสายตาเชิญชวนเขาเต็มที่อย่างที่เคยทำ
ธนพัทธุ์พยายามแกะแขนเธอออกจากคอของเขา แต่เจ้าของแขนก็รัดแน่นและก็พยายามยื่นปากมาเพื่อประกบริมฝีปากของชายหนุ่ม
ริสาหลับตาลงช้าๆพยายามรั้งคอเขาเข้ามาจูบ สมผัสที่ได้รับกับเป็นความแข็งไม่อ่อนนุ่มเหมือนริมฝีปากคน ริสาลืมตาโพลงขึ้นมาขึ้นมาก็เห็นมือของเด็กปีหนึ่งที่มากับธนพัทธุ์ที่ยื่นมาปิดปากเขาไว้แน่น
‘ยายเด็กบ้า’
เท่ากับว่าสิ่งที่ริสาประทับจูบลงไปเมื่อสักครู่นั้นก็คือหลังมือของลักศิกานั่นเอง...
“เธอทำบ้าอะไร!” เสียงของริสาที่ตะคอกอย่างใส่อารมณ์กับลักศิกา
“ทำอะไรคะ” ลักศิกายิ้มหวานก่อนจะกระชากธนพัทธุ์ออกจากอ้อมแขนยายริสา...ยายปลาหมึก
“ขอโทษนะคะที่ขัดจังหวะลุงรีบไปกันเถอะค่ะ ลักไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว” ลักศิกากอดแขนเขาแน่นพร้อมทั้งดึงเขาออกจากตรงนั้น
“อีเด็กบ้า!” ริสาบ่นอย่างเสียอารมณ์ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะเข้าถึงตัวรองประธานนิสิตนะแล้วโอกาสก็กำลังเป็นใจขนาดนี้
ธนพัทธุ์ได้แต่หัวเราะกับการกระทำของลักศิกา หลานรหัสของเขาแสบใช่เล่น งานนี้คงสนุกล่ะ
“ลักไหนบอกว่าพี่ไม่ใช่สเปกไง แล้วเมื่อกี้นี้คือหึงรึเปล่านะ” ชายหนุ่มทำตาแพรวพราว อมยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ
"เปล๊า! ใครจะไปหึงแค่ไม่อยากเห็นภาพอุจาดตา หัดอายผีสางเทวดาบ้างนะคะลุง” ลักศิกาพูดด้วยท่าทีทำเป็นไม่แยแสก่อนจะหันไปเอ่ยทักทายรุ่นพี่อีกสองคนที่นั่งรออยู่แล้ว
"พี่เต็งหนึ่ง พี่นาย ทำไมช้าจังคะ ลักรอตั้งนาน"
"โทษที พอดีหาที่จอดรถอยู่” เต็งหนึ่งพูดขึ้นส่วนชญาดานั่งหน้าแดงอยู่ข้างๆ ‘อะไรเนี่ยสองคนนี้ต้องมีอะไรในก่อไผ่แน่ๆ’ ลักศิกาได้แต่คิดในใจแต่ไม่กล้าพูดออกไปเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวถ้าเจ้าตัวไม่พูดเราไม่ควรเข้าไปยุ่ง
"ลักดื่มได้ไหม" ชญาดาเอ่ยถามน้องรหัสในขณะที่กำลังจะสั่งเครื่องดื่มมาให้น้องรหัส
"ได้ค่ะ" อีกแค่สองเดือนฉันก็จะอายุครบยี่สิบแล้ว ทำไมจะดื่มไม่ได้
"อายุเท่าไหร่กันถึงคิดจะดื่มเหล้า" ธนพัทธุ์พูดด้วยน้ำเสียงประชด
" อีกไม่กี่เดือนก็ยี่สิบแล้วดื่มได้ ชิ!" ลักศิกาพูดพร้อมค้อนเขาไปทีหนึ่ง โต๊ะของพวกเขาเป็นโชฟาสองตัวคู่กัน หนึ่งตัวนั่งได้สองคน ชญาดานั่งข้างเต็งหนึ่ง ทำให้ลักศิกต้องมานั่งข้างลุงพัทธุ์ ตอนนี้เธอไม่ค่อยรู้สึกอึดอัดกับเขาเหมือนตอนเจอกันแรกๆแล้ว เพราะหลังจากพูดคุยกันมากขึ้นถึงได้รู้ว่าธนพัทธุ์ ก็ไม่ใช่คนดุหรือหยิ่งอย่างที่เธอมองเขาแต่แรก
หลังจากดื่มไปสักยี่สิบนาที ลักศิกดก็รู้สึกเมานิดๆ คนเมาหันไปมองผู้ชายที่นั่งข้างเธอ ทำไมลุงพัทธุ์ของเธอหล่อจัง ปกติตอนกลางวันว่าเขาหล่อแล้วนะ ตอนกลางคืนยิ่งหล่อมาก ยิ่งใกล้ยิ่งหล่อ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆแบบของผู้ชายบนตัวเขายิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลมากขึ้นไปอีก
‘ลักตื่นๆแกเมาเปล่าเนี่ย จะไปหลงเขาได้ไง จำที่ยายหนูนาเล่าให้ฟังไม่ได้เหรอว่าพี่พัทธุ์เนี่ยติดอันดับผู้ชายเย็นชาถึงสามปีซ้อน ไม่แคร์ ไม่มีแฟน มีสาวๆมาบอกรักเยอะมากมาย แต่เจ้าตัวก็เล่นปฏิเสธสาวๆทุกคน จนสาวๆต้องร้องไห้กลับไปกันหมด เขาไม่เคยคบใครเลย อีกทั้งเขายังเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงมาก ๆ ถึงจะเรียนเก่งแต่ก็ไม่เคยติวให้ใคร ไม่สุงสิงกับใครเลย’
"มองขนาดนี้ คิดอยากจะทำเหมือนน้องริสาเหรอ" ธนพัทธุ์กระซิบข้างหูลักศิกา ทำให้สติของเธอกลับมาอีกครั้ง
"บ้า ใครเขาจะคิดแบบนั้นกับคนแก่อย่างลุงล่ะ"
"ให้มันจริงเถอะ... แล้วอย่ามา..จุด..จุด..ล่ะ.."
"หลงตัวเอง"
"อย่าดื่มเยอะขี้เกียจแบกกลับ" ธนพัทธุ์ก้มลงมากระซิบอีกครั้งในตอนนี้เองที่เธอเพิ่งสังเกตว่าเขาดื่มแค่เพียงน้ำเปล่าเท่านั้น
"ลุงไม่ดื่มเหรอ"
"ไม่อะ ต้องขับรถไปส่งเธออีก"
"ฮึก... อึก" จู่ๆ เธอก็สะอึกขึ้นมาเฉยเลย คนสะอึกอัดคิดไม่ได้ว่าใครมานินทาเธอเวลานี้นะ
"ลุงจะไปส่งฉันเหรอ"
"ใช่สิ ถ้าฉันไม่ไปส่งแล้วใครจะไปส่งเธอ พี่เต็งหนึ่งกับยายนายคงนั่งอยู่อีกนาน หวานกันเสียขนาดนั้น" เขาพูดพลางเบ้ปากไปทางเต็งหนึ่งกับชญาดา ลักศิกาก็เห็นด้วยตามนั้นเพราะตอนนี้มือเต็งหนึ่งโอบเอวบางของชญาดาไว้ พูดคุยกันกะหนุงกะหนิง จนลักศิกาและธนพัทธุ์กลายเป็นธาตุเป็นอากาศที่ไม่มีตัวตนไปแล้ว
"เมาแล้วมั้งเนี่ย" จู่ๆธนพัทธุ์ก็ใช้สองมือประคองข้างแก้มของเธอบีบแก้มทั้งสองข้างให้ปากเธอจู๋ออกมา แก้มทั้งสองข้างของลักศิการ้อนขึ้นมาทันที สายตาของเขาที่จ้องมองมากับสายตาเธอประสานกันอยู่นาน ความร้อนข้างแก้มของเธอ อดคิดไม่ได้ว่าตอนนี้แก้มทั้งสองข้างคงแดง ดีที่ไฟในผับช่วยอำพรางเอาไว้ได้บ้างไม่อย่างนั้นเขาคงรู้ว่าเธออายแค่ไหน
"อึก...อึก.." ลักศิกายังสะอึกไม่หยุด
‘ไอ้ลุงบ้าทำไมน่ารักอย่างนี้ อย่าเอาหน้ามาใกล้แบบนี้สิ หัวใจมันเต้นแรงนะ’ ได้แต่บทในใจกับการกระทำที่ทำให้ใจเต้นแรงของเขา
"อือ...ปล่อย... เล่นอะไรเนี่ย" เธอโวยวายก่อนจะพยายามผลักมือเขาออก
"แค่จับแก้ม ..ทำเป็นโวยวาย" ธนพัทธุ์บ่นพร้อมกับปล่อยมือออกอย่างเสียดาย รู้สึกว่าแก้มของเธอนุ่มมาก
"จะกลับแล้วนี่ก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว กว่าจะถึงหอก็ห้าทุ่มพอดีค่ะ" ลักศิกาหันไปบอกกับธนพัทธุ์
"พี่หนึ่ง พี่นาย ลักกลับก่อนนะคะไว้เจอนัดเจอกันใหม่ค่ะ " เธอกล่าวลารุ่นทั้งสอง ทว่าในจังหวะที่ลุกขึ้นนั้นทำเอาเธอเซจนเกือบล้มด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ดีที่ธนพัทธุ์คว้าเอวเธอไว้ได้ทัน