“มีหนุ่มพามาซื้อของด้วยหรือรอบนี้” กบทักเด็กสาวขณะเดินมาจากหลังร้าน “เดี๋ยวจะฟ้องนังสม”
เด็กสาวรีบบอกเสียงหลงในทันที “พี่กบน่ะไม่ใช่แฟนกันนะ”
“ร้อนตัวหรือไง พี่ยังไม่ได้พูดเลยว่าเป็นแฟนกัน” กบสัพยอกยิ้ม ๆ แล้วมองไปยังฐิรดลที่ยืนมองของตรงหน้าร้าน “ลูกชายหมอนาทไม่ใช่หรือไงคนนี้น่ะ ตาแหลมนะเราเนี่ย”
กบยังแหย่ไม่เลิก เด็กสาวอายจัดรับของมาแล้วก็รีบจ่ายเงินก่อนจะออกจากร้านไป
“กลับบ้านเลยไหม” ฐิรดลถามขณะช่วยถือถุงของที่หนักเอาการอยู่เหมือนกัน
“ค่ะ”
ขึ้นซ้อนท้ายเขาแล้วก็นึกว่าเขาจะพาไปส่งที่ท่ารถ พอเห็นเขาตรงไปเรื่อย ๆ ยังทางกลับบ้านจนเกือบจะเลี้ยวเข้าไปในซ้ายนั่นเอง ค่อยแตะมือลงที่ไหล่ของฐิรดลเบา ๆ พร้อมเสียงเรียกไม่ดังนักในหมวกนิรภัยใบสวย
“พี่คีย์คะ”
ฐิรดลหันมาตอบทั้งที่ยังขับรถต่อไป “ว่าไง”
“จอดก่อนค่ะ”
เขาพารถจอดแล้ว ภัทรวรินทร์ก็ค่อยปีนลงจากรถ
“ลงไปทำไม”
“เดี๋ยวพราวเดินเข้าไปเองค่ะ”
“พี่ไปส่ง”
ส่ายหน้าว่าไม่ได้ แล้วบอกเหตุผลให้เขารู้ “ตอนออกไปพราวบอกว่าจะไปทำงานบ้านเพื่อนแล้วก็แวะไปหาซื้อของกลับร้านด้วย ถ้าน้าสมเห็นพี่คีย์ ท่านจะต้องรู้แน่ ๆ เลยว่าพราวโกหก”
ฐิรดลพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาเงียบไปเดี๋ยวเดียวก็มองหาที่จอดรถ เข็นไปจอดใกล้ ๆ ตรงนั้นแล้วยืนกรานว่าจะไปส่งเธอให้ถึงที่บ้าน ภัทรวรินทร์ยอมให้เขาตามไปส่งแล้วหันไปบอกให้กลับไปก่อนที่สมสมรจะออกมาเห็น
“พี่กลับนะ”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
กล่าวลาเขาแล้วก็หันหลังเดินเข้าบ้านไป
“กลับมากับใคร” สมสมรเอ่ยถามมาจากด้านในร้าน
“พราวจะมากับใครได้ล่ะ ไปคนเดียวก็กลับมาคนเดียวสิน้า” ภัทรวรินทร์พูดรัวเร็วอย่างคนมีความผิด “พราวเอาของไปเก็บในตู้ก่อนนะ”
สมสมรมองตามหลังของเด็กสาวที่หลบเลี่ยงเดินเข้าไปหลังร้านก็ส่ายหัว น้อย ๆ ด้วยวัยของตนขนาดนี้มีหรือจะดูไม่ออก
ภัทรวรินทร์เริ่มรู้จักที่จะโกหกตนเสียแล้ว หวังว่าจะไม่มากไปกว่านี้หรอกนะ
ฐิรดลพาตัวเองไปยังห้างสรรพสินค้าที่ในตัวจังหวัดอีกครั้ง แล้วตรงไปยังร้านขายตุ๊กตาที่ภัทรวรินทร์ยืนมองของเป็นนานสองนาน เลือกไม่นานก็ได้ของ แล้วค่อยออกจากร้านมา ก่อนจะเดินชนเข้ากับเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่มากันเป็นกลุ่ม
มองทางนั้นเห็นว่าอยู่ในชุดนักเรียนของโรงเรียนเดียวกันกับตนเอง ฐิรดลจึงร้องถามออกไปตามนิสัยว่า
“วันนี้วันอะไร มีเรียนกันด้วยหรือ”
ฝั่งนั้นมองตอบฐิรดลแล้วสวนกลับทันที “แล้วมึงเสือกอะไรด้วย เรียนจบไปแล้วก็จบไปดิวะ หรือหน้าที่ประธานนักเรียนมันติดตัวมึงไปถึงที่ใหม่ด้วยหรือไง”
พูดจาหาเรื่องจนฐิรดลยืนมองด้วยสายตาเอาเรื่องกลับไปเช่นกัน แล้วถึงได้มีเด็กในกลุ่มเข้าไปดึงคนพูดเอาไว้ก่อน พร้อมกับร้องห้าม
“เฮ้ย เอ มึงใจเย็นก่อนเว้ย ไปหาเรื่องพี่เขาทำไมวะ”
ฐิรดลมองกลุ่มคนตรงหน้าส่ายหน้าเอือม ๆ แล้วถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย เมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นรุ่นพี่ เขามากับอาจารย์ฝ่ายปกครองบ่อย ๆ เพื่อจัดการกับเด็กที่แอบโดดเรียน หนีมาเที่ยวตามห้างสรรพสินค้า จนติดนิสัย พอเห็นเด็กรุ่นน้องทำตัวเกกมะเหรกเกเรที่ไหน ก็อดเตือนไม่ได้ แต่เห็นแล้วว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีสำนึก ทั้งยังจะหาเรื่องเขาอีกด้วยจึงหันหลังเดินจากไป
เอมองตามหลังฐิรดลไปแล้วก็พูดเสียงดังขึ้นว่า
“กูโคตรเกลียดหน้าไอ้เหี้ยนี่เลยว่ะ”
“พี่เขาหล่อกว่ามึงใช่ไหมล่ะถึงได้เกลียด”
เพื่อนในกลุ่มถามสวนขึ้นทันที “หรือไม่ก็เป็นเพราะว่าพี่เขาจีบน้องพราวแข่งกับมึงไงเอ เลยเขม่นหน้าพี่เขาเว้ย”
“เดี๋ยวเหอะมึง”
เอตวาดเพื่อน ตายังคงมองตามหลังฐิรดลไปด้วยสายตามาดร้ายเอาเรื่อง ก่อนจะเดินตามกันเป็นกลุ่มไปนั่งแซวเด็กสาวตามจุดต่าง ๆ ในห้างสรรพสินค้าแห่งนั้นต่อ
“ครีมรู้เรื่องที่พราวหมกเม็ด อุบเงียบ ไม่ยอมบอกครีมหมดแล้วนะ มีอะไรจะแก้ตัวไหม”
ฐิติชญากระแทกเสียงพูดใส่ ทั้งยังทำหน้าบึ้งตึงใส่เธออีกด้วย
ภัทรวรินทร์มองเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวแล้วก็ใจหาย มณีนาถนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยไม่พูดอะไร ยักไหล่ด้วยท่าทางว่าเธอสองคนมีเรื่องอะไรกันอีก แล้วเงียบรอฟังอย่างเดียวไม่พูดอะไร
คนกำลังโดนเพื่อนสนิทโกรธเลยถามเสียงสั่นออกไปว่า
“อะไรกันครีม เรื่องอะไรหรือ”
“ทำไมจะต้องโกหกกันด้วย ทำแบบนี้ไม่อยากเป็นเพื่อนกับครีมแล้วใช่ไหม”
“เดี๋ยวสิ พราวโกหกอะไร”
“รู้อยู่เต็มอกยังจะมาทำหน้าไขสืออีก”
เลยนั่งเงียบเพราะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องใดกันแน่ที่ฐิติชญาเอามาพูดกับตนแบบนี้
“ถ้าอยากไถ่โทษ ต้องไปงานวันเกิดครีมให้ได้เลยนะ”
“งานวันเกิดครีมหรือ”
“ใช่ เสาร์หน้าต้องมาให้ได้ ครีมถึงจะหายโกรธ”
ฐิติชญาหามุกมาชวนตนไปงานทุกปี แล้วก็ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาเคยไปแค่ปีเดียวเท่านั้นที่จัดตอนบ่าย หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปอีกเลย
“โชคดีชะมัดเลยที่ปีนี้วันเกิดตรงกับวันเสาร์ ไม่เหมือนปีก่อนต้องเลื่อนจัดให้ตรงกับวันหยุดอยู่เรื่อย นี่ครีมขอคุณพ่อแล้วด้วยนะว่าจะจัดเป็นปาร์ตี้ตอนกลางคืน นึกว่าจะไม่อนุญาตซะอีก และที่สำคัญกว่านั้นเลยนะ...” ฐิติชญาแกล้งลากเสียงยาว ก่อนจะยื่นหน้ามาพูดยั่วใส่ “พี่คีย์ก็จะกลับมางานปาร์ตี้วันเกิดของครีมด้วย...”
ได้ยินชื่อของฐิรดลก็หน้าแดงขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุมอาการของตนเองได้ มณีนาถที่ไม่ได้มีท่าทีสนใจนักเมื่อครู่นี้ก็ยังพลอยขยับตัวเข้ามานั่งฟังด้วย ใกล้ยิ่งกว่าเดิมเสียอีก