“กอดไว้ เดี๋ยวตกรถ”
เขาบอกแค่นั้น เธอเลยต้องกอดเอวเขาไว้หลวม ๆ เขาพารถออกมาจากตรงนั้นแล้วก็ขับไปอีกเป็นระยะทางพอสมควร จนมาจอดที่หน้าร้านของสมสมรในที่สุด
สมสมรปิดร้านแล้ว แต่ยืนรอด้วยสีหน้าไม่ดีนัก พอเห็นว่ามีรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ขับเข้ามาจอด ก็ยืนมองนิ่ง ๆ ถามเสียงเครียดขึ้นว่า
“หายไปไหนมาตั้งเป็นนาน”
“พราวติดฝน จะรอกลับรถตู้ ก็ไม่มาสักที พี่เขาผ่านมาเจอ เลยพามาส่งจ้ะน้า”
“น้าเกือบไปแจ้งความแล้วรู้ไหม” สมสมรบอกเธอจบ หันไปบอกฐิรดลว่า “ขอบคุณมากนะที่มาส่งพราวน่ะ เข้ามาข้างในก่อนไหม”
“ไม่ ๆ ไม่ต้องเข้าไปค่ะ” ภัทรวรินทร์รีบร้องห้าม เด็กสาวกลัวว่าเขาจะไปเห็นสาว ๆ ที่เรือนมาลีด้านหลังเดินเพ่นพ่านผ่านกันไปมา แล้วเขาจะรู้ได้ว่าตรงนั้นเป็นอะไร
เธอไม่อยากให้เขารู้
ไม่อยากให้เขามองเธอไม่ดี
สมสมรพยักหน้า แล้วหันมาถามเธอ “เอาของมานี่ เดี๋ยวน้าจะเอาเข้าบ้าน เราก็รีบเข้าไปอาบน้ำอาบท่าสระผมได้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอก”
เธอตอบรับน้าแล้วรีบส่งของให้ท่าน หันไปมองทางฐิรดล เมื่อเห็นว่าเขายังยืนตรงนั้น ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับ
พี่ชายของเพื่อนเรียกเธอด้วยชื่อเล่น ราวกับสนิทสนมกัน
“พราว”
“คะ?” เธอตอบรับแล้วก็มองเขานิ่ง ก่อนจะนึกสงสัยว่าทำไมเขาไม่กลับไปอีก หรือเขารอทวงมารยาทจากเธอ จำได้ที่ฐิติชญาเล่าให้ฟังว่าที่บ้านเคร่งเรื่องมารยาทเอามาก ๆ
เธอโตมาในที่แบบนี้เลยบกพร่องเรื่องพวกนั้น จึงบอกเสียงค่อยไปว่า “ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
ฐิรดลพยักหน้าเบา ๆ เขายืนเงียบเดี๋ยวเดียวก็เอ่ยปากขึ้นว่า
“พี่ขอเบอร์ที่บ้านพราวหน่อยได้ไหม”
เด็กสาวยืนกะพริบตาช้า ๆ ถามเขากลับว่า “คะ?”
“คือ...พี่มีกางเกงต้องซ่อมอีกหลายตัวเลย ไม่รู้ว่าพอจะมีคิวซ่อมให้พี่ไหม พี่ขอเบอร์โทรหน่อยจะได้โทรมาจองคิว” เสียงบอกของเขาฟังดูเก้อ ๆ อย่างไรชอบกล
เธอยืนงงพูดอะไรไม่ออก เคยมีบ้างที่เพื่อนในโรงเรียนมาขอเบอร์ที่บ้านของเธอ แต่ก็บอกทุกคนไปว่าไม่มี ฐิติชญามักจะแซวบ่อย ๆ ด้วย ว่าพวกที่ขอนี่คงเพราะอยากโทรศัพท์ไปจีบเธอแน่ ๆ
แต่พี่ชายของเพื่อนสนิทคงไม่ได้ขอเพื่อจะโทรมาจีบเธอหรอกละมั้ง ก็เขาบอกแล้วนี่ว่าจะโทรมาขอคิวซ่อมเสื้อผ้าของเขา ยืนคิดอะไรงง ๆ ไปคนเดียว เสียงของฐิรดลก็เอ่ยออกมาด้วยอาการอ่อนใจ
“หรือไม่มีเบอร์ติดต่อ”
“มีค่ะ มี”
บอกออกไปแล้วก็ฉุกคิดได้ว่ารีบเกินไปไหม ดูน่าเกลียดไปหรือเปล่า พอเห็นเขายืนรอก็จัดแจงบอกเบอร์โทรศัพท์ให้เขาไป
“ขอบคุณครับ”
ฐิรดลบอก ก่อนจะหันไปคร่อมรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของเขาควบออกจากตรงนั้นไป
เธอมองตามไฟท้ายรถที่แดงโร่ขึ้นตรงมุมถนน จนลับตาไปแล้วก็ค่อยเงยหน้าขึ้นไปมองบนฟ้า
คืนนี้ฟ้าไม่มีดาวเลยสักดวง แถมฝนก็ยังตกลงมาไม่หยุด
แต่แปลกที่เด็กสาวกลับไม่รู้สึกหดหู่เลยแม้แต่นิดเดียว รอยยิ้มน้อย ๆ ประดับที่ตรงมุมปากสีสวยจาง ๆ พร้อมกับหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้านด้วยหัวใจที่แสนเบิกบาน
สายฝนของวันนี้ทำเอาหัวใจของเด็กสาวชุ่มชื่นขึ้นราวกับดอกไม้แรกแย้มที่พร้อมจะบานสวย ล่อภมรให้เข้ามาตอมดอมดม ดูดกลิ่นหวาน ๆ จนพอแล้วก็บินจากไป
“คีย์ เดี๋ยวกลับพร้อมคุณพ่อเลยนะลูก”
แพทย์หญิงสิรินบอกพร้อมมองด้วยสายตาไม่ใคร่พอใจนัก ที่เห็นลูกชายนำหนังสือที่ไม่ใช่ตำราเรียนมาอ่านด้วยขณะรับประทานอาหารเช้า
ฐิรดลไม่ได้มองที่แม่ของเขาด้วยซ้ำตอนที่ตอบสวนท่านออกไป ตาของเขาจับจ้องอยู่ที่หนังสือเล่มโปรดนิ่งเพราะถึงตอนไคลแม็กซ์ของเรื่องพอดี
“ผมยังไม่กลับวันนี้ครับคุณแม่ เปิดเทอมอีกตั้งสามอาทิตย์”
นายแพทย์กัมปนาทมาทันได้ยินคำพูดของบุตรชายเข้าพอดี เดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหัวโต๊ะ บอกเสียงขรึมโต้แย้งทันที
“แล้วไม่ต้องไปลงทะเบียน ไปเตรียมอ่านตำราที่พ่อส่งรายชื่อให้เราหรอกหรือไง”
ฐิรดลนั่งเงียบ เก็บการ์ตูนเล่มโปรดลง ก้มหน้ากินมื้อเช้าโดยไม่พูดอะไรออกไปอีก คนเป็นพ่อเห็นอย่างนั้นแล้วก็สบสายตากดดันไปยังภรรยา ก่อนจะเอ่ยปากตักเตือนลูกชาย
“คีย์ต้องตั้งใจมากกว่านี้นะ กว่าจะจบหมอ มันไม่ง่ายเลย พ่อรู้ว่าคีย์หัวดี และปีหนึ่งก็ยังไม่มีวิชาอะไรที่มันหนักมากเกินกว่าที่คีย์จะต้องมานั่งกังวลมากนัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าคีย์จะเที่ยวเล่น ขับรถเที่ยวตะลอน ๆ พ่อว่าถ้าคีย์ว่างมากนักก็น่าจะเอาตำราของปีสองมาอ่านรอเลยก็ได้นะ หนังสือพ่อเตรียมไว้ให้ที่หอแล้วนั่นไง อ่านครบหมดแล้วหรือยัง”
ฐิรดลถอนใจหนัก ๆ บอกพ่อไปว่า “ครับ”
คนเป็นพ่อได้ยินลูกชายรับปากแล้วไม่ยอมขยายความต่อว่านั่นคืออะไร หมายถึงอ่านตำราที่ตนเตรียมไว้ให้จนครบทุกเล่มแล้ว หรือแค่ตอบรับคำให้รับรู้เพียงเท่านั้นก็ฉุนกึก บอกเสียงมีโมโหกลับไปว่า
“ถ้าอย่างนั้นพ่อจะส่งแบบทดสอบของปีสองแล้วก็จะเอาตำราของปีสามและปีสี่ให้คีย์อ่านเลย”
ฐิรดลก้มหน้าไม่ตอบโต้อะไร นายแพทย์กัมปนาทก็เข้าใจได้ถึงอาการต่อต้านของลูกชาย รู้สึกไม่พอใจขึ้นในทันที แล้วหาเรื่องต่อว่าไม่หยุด
“แล้วไอ้พวกเพื่อนที่เรียนช่างกลนั่นน่ะแกควรเลิกคบพวกมันได้แล้ว นอกจากจะเป็นกุ๊ย ไม่ได้เรื่อง ยังไม่ช่วยเสริมบารมีของแกเลย ทีพ่อชวนไปติวที่บ้านลุงชริน แกก็ไม่อยากจะไป ทำไมกันฮึ”
ก็ที่นั่นเอาแต่คุยข่ม ลุงชรินที่พ่อพูดถึงเป็นศาสตราจารย์นายแพทย์ที่มีลูกชายโตกว่าเขาเพียงปีเดียว ชนุตม์รวมถึงลุงชรินมีนิสัยชอบคุยข่มทับคนที่ด้อยกว่า
ก็ไม่รู้ว่าพ่อของเขาคบกับคนแบบนั้นไปทำไม