ตอนที่ 6

1172 คำ
“ไร่ภูชิตนี่อากาศดี๊ดีนะคะ” น่านน้ำเอ่ยเสียงกังวานใส ยิ้มหวานระบายเต็มใบหน้าเนียน เจ้าของไร่ภูชิตมองรอยยิ้มนั้นนิ่งค้าง “คุณภูชิต คุณภูชิตคะ” น่านน้ำโบกมือไปมาตรงหน้าชายหนุ่ม ภูชิตสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบเฉยเหมือนเดิม “เอ่อ...ครับ” “น้ำว่าที่นี่อากาศดี๊ดีนะคะ” ภูชิตยิ้มเล็กน้อยพยักหน้ารับ “คุณน่านน้ำชอบที่นี่ไหมครับ” คนถูกถามระบายยิ้มหวานอีกครั้ง “ชอบค่ะ เอ่อ...คุณภูชิตเรียกน้ำเฉยๆก็ได้นะคะ” ภูชิตพยักหน้ารับ “ครับคุณน้ำ” เสียงเรียกราวกับคนละเมอ “น้ำขออนุญาตเรียกคุณภูนะคะ จะได้คุ้นเคยกัน” “ครับ” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าใกล้ จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากลมหายใจกันและกัน บรรยากาศเบื้องหลังเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน พระอาทิตย์ดวงกลมโตกำลังจะลับขอบฟ้า ลำแสงสีส้มสาดส่องไปทั่วบริเวณไร่ภูชิต น่านน้ำหลับตาพริ้ม เอาล่ะ...อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ปากบางจิ้มลิ้มเผยอขึ้นเล็กน้อยเพื่อรอรับสัมผัสจากริมฝีปากได้รูปนั้น “คุณน่านน้ำ!” เสียงทุ้มดังก้องจนหญิงสาวสะดุ้งสุดตัว หันรีหันขวางก่อนจะหันกลับมาสบตาเจ้าของเสียง ภูชิตส่ายหน้าเล็กน้อยกับอาการของหญิงสาว คนที่เพิ่งตื่นจากอาการคิดไปเองคนเดียวเม้มปากแน่น ใบหน้านวลเห่อร้อนกับภาพที่ตัวเองมโนขึ้นมา น่านน้ำกลับสู่โลกความจริงอีกครั้ง เธอและภูชิตกำลังยืนคุยกันอยู่ระเบียงหลังบ้าน ภาพหลังคือทิวเขาสลับซับซ้อน อากาศดีๆกับลมพัดเย็นในเวลาพลบค่ำทำให้ร่างกายเธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก มากจนหลงมโนเพ้อพกไปไกล “คะ...เอ่อ...คุณภูชิตว่าไงนะคะ” น่านน้ำยิ้มเขินๆ ภูชิตถอนหายใจแรง “ผมบอกว่าหากคุณน่านน้ำจะไปเยี่ยมเพื่อนที่ไร่แสงตะวัน เอารถที่ไร่ไปก็ได้นะครับ” “เอ่อ...ค่ะ” คนที่เพิ่งตื่นจากฝันออกอาการงงๆ “แต่ผมอนุญาตให้ไปได้เฉพาะวันหยุดนะครับ ที่นี่มีวันหยุดวันเดียวคือวันอาทิตย์” เสียงเข้มออกแนวขู่ เพราะต้องการให้เธอรู้ว่างานที่เธอต้องทำนั้นมันไม่ง่ายเลย “ค่ะ” หญิงสาวรับคำยิ้มกว้าง หัวใจหนุ่มโสดกระตุกวูบเมื่อเห็นรอยยิ้มหวานจนตาหยีของเธอ กลัวที่ไหนล่ะ น่านน้ำสู้ตายเพื่อคุณภูชิต เอ๊ย! เพื่องานค่ะ “เอ่อ...ผมจะไปตรวจในไร่ คุณอยากไปด้วยไหม” ภูชิตไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องชวนผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้านี้ด้วย “ไปค่ะ” น่านน้ำรับคำยิ้มกว้าง รอยยิ้มสดใสของหญิงสาวทำให้ภูชิตเผลอยิ้มไปด้วย “คุณภูชิตดูแลที่นี่คนเดียวหรือคะ” น่านน้ำถามขณะที่นั่งอยู่ภายในรถกระบะ โฟร์วีลคันเดียวกับที่ไปรับเธอมาจากสถานีขนส่ง ภูชิตกำลังขับรถไปเรื่อยๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขากวาดสายตามองไปทั่วอาณาจักรของตนเอง “คนเดียวครับ” ชายหนุ่มตอบโดยไม่หันกลับมามองคนถาม น่านน้ำกำมือแล้วชักแขนเข้าหาตัวรวดเร็ว คลี่ยิ้มอย่างดีใจ “เย้!” เธอแอบเปล่งเสียงดีใจที่ไม่สามารถกักเก็บเอาไว้ได้ออกมาเบาๆ “อุ๊ย! มีลำธารด้วยหรือคะ” น่านน้ำอุทานอย่างตื่นเต้น เมื่อรถกำลังแล่นไปตามถนนเลียบลำธาร สายตาละห้อยของน่านน้ำที่ภูชิตหันมามองแวบหนึ่ง ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจแตะเบรกแล้วจอดรถทันที น่านน้ำหันมองหน้าคนขับรถอย่างแปลกใจ “จอดทำไมคะ” “อยากลงไปเดินเล่นหน่อยไหม” เป็นอีกครั้งที่น่านน้ำยิ้มสดใส จนภูชิตชักจะหวั่นใจกับตัวเอง “ลงไปเดินเล่นในลำธารได้หรือคะ” ภูชิตพยักหน้าช้าๆ เท่านั้นน่านน้ำก็เปิดประตูวิ่งตัวปลิวลงจากรถตรงไปยังลำธารเบื้องหน้าทันที ภูชิตก้าวตามช้าๆ น่านน้ำเดินลงไปในน้ำที่มีความสูงแค่หัวเข่า กางเกงขาสั้นที่เธอสวมอยู่อำนวยความสะดวกในการเดินลุยน้ำเล่นได้อย่างดี “ลำธารนี้เชื่อมต่อไปถึงไร่แสงตะวันด้วยนะ” ภูชิตนั่งบนโขดหินเตี้ยๆ สายตาจับจ้องที่ร่างเล็กซึ่งกำลังวักน้ำเล่นอย่างมีความสุข “จริงหรือคะ...วันหลังน้ำไปหาหนูไอ แล้วชวนไปเล่นน้ำดีกว่า” น่านน้ำพูดพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง “คุณนี่สมชื่อจริงๆคุณน้ำ” ชื่อเล่นของเธอช่างฟังดูแสนเซ็กซี่เมื่อถูกเขาเรียกขาน อา...พ่อเทพบุตรของน้ำ “คุณภูชิตไม่ชอบน้ำหรือคะ” เมื่อถามออกไปแล้วก็รู้สึกทะแม่งกับคำถามของตัวเอง “ชอบสิ...น้ำให้ความรู้สึกน่าค้นหา เอ่อ...ผมหมายถึงน้ำในลำธารนะ เวลามองดูมันไหลเอื่อยๆ ทำให้อยากค้นหาว่ามันจะไหลไปถึงไหน และจะไปหยุดอยู่ที่ใด” น่านน้ำสบสายตาคมของคนพูด หญิงสาวยิ้มไปกับคำพูดของเขา หัวใจแอบเต้นแรง ยอมรับว่าลุ้นให้เขาหมายถึงตัวเอง “มืดแล้ว กลับกันเถอะครับ” ภูชิตลุกขึ้นเดินหันหลังทันทีที่พูดจบ ตู้ม!!!! เสียงร่างของน่านน้ำล้มลงในสายน้ำ ส่งผลให้ภูชิตต้องหันไปดู หญิงสาวนั่งอยู่ในน้ำเปียกปอนไปทั้งตัว ใบหน้าบิดเบี้ยว “เป็นอะไรไหมครับ” ภูชิตรีบปราดเข้าประชิดตัวน่านน้ำทันที “เจ็บค่ะ” เท้าเล็กถูกเจ้าของยกขึ้นเหนือน้ำเล็กน้อย โลหิตสีแดงจากฝ่าเท้าไหลซึมออกมา น่านน้ำตาโตหอบหายใจแรง “ละ...เลือด” ร่างของหญิงสาวอ่อนระทวย ก่อนที่จะเป็นลมหมดสติไป ภูชิตนั่งลงประคองร่างบางไว้ทันก่อนที่ศีรษะของเธอจะจมน้ำไปเสียก่อน ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างระอา นอกจากจะกินยาเม็ดไม่เป็น แล้วยังจะเห็นเลือดไม่ได้อีกหรือเนี่ย “เห็นเลือดแค่นี้ก็เป็นลมซะแล้ว...ไหวไหมเนี่ยคุณน่านน้ำ” ภูชิตตวัดร่างคนเปียกปอนขึ้นอุ้ม เขาพอเดาได้ว่าบาดแผลของหญิงสาวน่าจะเกิดจากเหยียบก้อนหินที่แหลมคม ลำแขนแกร่งกอดกระชับร่างในอ้อมแขนแน่น ราวกับว่าเขาไม่ต้องออกแรงสักนิดเมื่ออุ้มเธอไว้อย่างนี้ แรงเสียดสีกันจากการขยับเดินทำให้คนที่เคยเห็นร่างนี้มาแทบจะทุกตารางนิ้วแล้ว พ่นลมหายใจออกอย่างยากลำบาก น่านน้ำเปิดเปลือกตาข้างเดียวมองใบหน้าคนอุ้ม ก่อนจะรีบปิดลงทันทีเมื่อใบหน้าคมเข้มนั้นก้มลงมามองหน้าตัวเอง หัวใจดวงน้อยเต้นโครมคราม ใจหนึ่งบอกให้ลืมตาขึ้นมาได้แล้ว แต่อีกใจก็บอกให้หลับตาไว้ก่อน เพราะอ้อมแขนนี้อบอุ่นชะมัด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม