“สิน...ไอ้สิน” ภูชิตตะโกนเรียกลูกน้อง เพราะรู้ดีว่าเหล่าลูกน้องที่ติดตามเขา ต้องคอยดูและระวังความปลอดภัยให้เขาอยู่ใกล้ๆ
“ครับนาย” นายสินวิ่งเร็วมาถึงหน้าเรือนไม้ ยืนเอามือกุมเป้าก้มหน้ารอฟังคำสั่ง
“ไปซื้อยาลดไข้ชนิดน้ำมาให้หน่อย” ลูกน้องตัวโตทำหน้างงแปลกใจ ภูชิตจึงตวาดเสียงดัง
“แกจะทำหน้างงทำไม สั่งอะไรก็ไปซื้อมาสิ”
“ครับนาย ว่าแต่วันนี้นายจะเข้าไปดูในไร่ไหมครับ ผมจะได้ให้ไอ้อ๋องมันมาขับรถให้”
“วันนี้คงไม่ไปไหน จะไปทำอะไรกันก็ไปเถอะ” ภูชิตพูดจบก็เดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้ลูกน้องเกาหัวแกรกๆ ปกติแล้วภูชิตจะออกสำรวจไร่ทุกวัน ‘ไร่ภูชิต’ปลูกพืชไร่หลายชนิด ไม่เคยมีสักวันที่ผู้เป็นนายจะไม่ออกไปตรวจไร่ เพราะชายหนุ่มจะมุ่งมั่นกับการทำงานให้ออกมาดีที่สุด และมักจะควบคุมการทำงานทุกอย่างด้วยตัวเอง หากแต่ตอนนี้ผู้เป็นนายกลับมีบางอย่างที่รั้งให้เขาอยากอยู่กับบ้าน มากกว่าการออกไปตรวจงานไร่อย่างที่เคยเป็น
“คุณน้ำ...ลุกมาทานยาเถอะจ้ะ” นางแตงอ่อนปลุกน่านน้ำในตอนเที่ยงเกือบบ่ายโมง หญิงสาวปรือตามองอย่างลำบาก แต่การที่ได้นอนหลับพักผ่อนมาตลอดช่วงเช้า และได้รับการเช็ดตัวอย่างถูกวิธีจากเจ้าของไร่ จึงทำให้เธอพอมีกำลังที่จะพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง
“ว้าย! คุณน้ำไม่ได้ใส่เสื้อนอนหรือจ๊ะ” นางแตงอ่อนถามด้วยความตกใจ เมื่อน่านน้ำลุกขึ้นนั่งแล้วผ้าห่มที่คลุมกายหญิงสาวไปกองอยู่ที่เอว คนป่วยก้มลงมองสภาพตัวเอง แล้วรีบดึงผ้าห่มมาคลุมร่างจนมิดถึงคอ น่านน้ำขมวดคิ้วมุ่นงุนงง ไม่เข้าใจว่าตัวเองอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไง
“เอ่อ...น้าแตงอ่อนเป็นคนถอดเสื้อผ้าน้ำหรือเปล่าคะ” คนถูกชี้เป้ารีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“น้าเพิ่งมาถึงเรือนเมื่อกี้เองจ้ะ พอมาถึงนายก็บอกว่าคุณน้ำป่วย ให้น้ามาป้อนยา แล้วนี่อะไรก็ไม่รู้ให้ยาน้ำมา อย่างกับว่าคุณน้ำเป็นเด็ก” น่านน้ำกลอกตาไปมาคิดทบทวนเหตุการณ์ที่แสนจะเลือนรางในความคิด
“หรือว่าคุณน้ำถอดเสื้อผ้าเช็ดตัวเอง น้าเห็นกะละมังใบเล็กมีผ้าขนหนูแช่อยู่ วางอยู่บนโต๊ะหน้าห้องนะ”
“เอ่อ...ตอนที่น้าแตงอ่อนไม่อยู่ มีใครอยู่บนเรือนบ้างคะ” น่านน้ำรีบถามเร็ว หวังว่าคงไม่เป็นอย่างที่เธอคิดหรอกนะ
“ก็มีแต่คุณน้ำกับนายนะจ๊ะ เพราะนายสั่งห้ามใครขึ้นมายุ่มย่ามบนเรือนนี้ หรือว่า...นายจะเป็นคนเช็ดตัวให้คุณน้ำ” นางแตงอ่อนพูดจบก็ยกสองมือขึ้นปิดปากตัวเอง ดวงตาเบิกกว้างมองน่านน้ำอย่างตกใจ คนที่หัวใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆอยู่แล้ว ก็แทบจะเป็นลมกับข้อสันนิษฐานที่ได้ยิน
“คุณน้ำ...นายให้มาถามว่าพอจะลงไปทานอาหารเย็นข้างล่างได้ไหมจ๊ะ” น่านน้ำซึ่งยังนอนอยู่บนเตียงตั้งแต่เมื่อเช้าจนถึงเย็น ดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที
“เอ่อ...น้ำยังเวียนหัวเลยค่ะน้าแตงอ่อน” น่านน้ำยกมือเล็กกุมศีรษะตัวเองเพื่อความสมจริง เพราะเธอรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว แต่จะให้ลงไปเจอหน้าคนที่เช็ดตัวให้เมื่อเช้าน่ะเหรอ เธอยังไม่พร้อมหรอกนะ
“อืม...เดี๋ยวน้ายกอาหารขึ้นมาให้ทานบนห้อง คุณน้ำรอสักครู่นะจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะน้าแตงอ่อน” นางแตงอ่อนปิดประตู เดินลงไปข้างล่างแล้ว น่านน้ำถอนหายใจแรง ใบหน้างามบูดบึ้งเล็กน้อย
“คนบ้าอะไร กล้าถอดเสื้อผ้าคนอื่น นี่คงเห็นหมดแล้วแน่เลย แงๆ” น่านน้ำก้มลงมองร่างของตนเองแล้วก็ยิ่งรู้สึกเซ็ง มือเล็กตวัดผ้าห่มคลุมทั้งร่าง ใบหน้าเนียนร้อนผ่าวเมื่อคิดว่ามือของคนที่เช็ดตัวให้คงจะลูบไล้ไปทั่วร่างของตนเอง
เสียงเปิดปิดประตูดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้เตียง น่านน้ำเพียงแต่ขยับตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา แต่ยังไม่ยอมโผล่ศีรษะออกมา
“วางไว้ที่โต๊ะเลยค่ะน้าแตงอ่อน เดี๋ยวน้ำลุกไปทานเอง ขอบคุณมากนะคะ”
“คุณยังไม่หายอีกหรือ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำให้น่านน้ำเบิกตาโพลง หญิงสาวกระชับผ้าห่มไว้แน่น ไม่กล้าขยับตัว
“เอ่อ...นอนพักต่ออีกสักหน่อยคงหายค่ะ” ตอบคำถามเสร็จแล้วก็เงี่ยหูฟังว่าเมื่อไรเขาจะเดินออกไปสักที
“ว้าย!” น่านน้ำร้องเสียงหลงเมื่อผ้าห่มถูกกระชากออกจากร่าง สายตาคมกริบกวาดไปทั้งร่างเล็กอย่างสำรวจ หญิงสาวอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นเสื้อยืดพอดีตัว เธอยกแขนขึ้นกอดอกทันทีเมื่อเห็นสายตาช่างสำรวจของเขา ภูชิตไหวไหล่เล็กน้อย
“ผมแค่ต้องการขึ้นมาดูให้มั่นใจว่า คุณไม่เป็นไรจริงๆ เดี๋ยวดึกดื่นเที่ยงคืนเกิดคุณไข้ขึ้นตัวร้อนขึ้นมาอีกมันจะลำบากผม” น่านน้ำอ้าปากค้าง หญิงสาวมองสบตาเขา และเพิ่งสังเกตว่าใบหน้าเกลี้ยงเกลาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรที่เธอฝันเห็นเมื่อเช้า ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับเขาจริงๆ
“เอ่อ...ไม่เป็นไรแล้วค่ะ” มือเล็กพยายามไขว่คว้าผ้าห่มกลับคืนมา ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่ในชุดปกติ แต่สายตาของคนที่มองเธอทำราวกับว่า เขา
สามารถมองทะลุไปทุกซอกทุกมุมของร่างกายเธอเลยทีเดียว
“ถ้าไม่เป็นไร คุณควรลุกขึ้นมาทานข้าว แล้วลงไปรับอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกบ้าง ผมให้เวลาทานข้าวสิบห้านาที ผมจะพาคุณไปทำความรู้จักกับไร่ภูชิต” น่านน้ำมองตามร่างสูงใหญ่ที่กำลังเดินออกจากห้องไป ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างคนเดียว
“กรี๊ด! หล่อมากกกกก!”
ใจเย็นๆน่านน้ำ หญิงสาวพยายามบังคับลมหายใจให้เป็นปกติ นี่มันพรหมลิขิตชัดๆ เธอเคยเจอเขาครั้งแรกในงานแต่งของไอรักที่จัดขึ้นที่ไร่แสงตะวัน ไร่ของธีร์ภาณุซึ่งอยู่ติดกันกับไร่ภูชิต ตอนนั้นเธอยอมรับว่าไม่ได้รู้สึกสะดุดตาอะไร เมื่อวานที่พบหน้ากันอีกครั้งก็ยังดูเฉยๆ เพราะหนวดเครารกครึ้มของเขาบดบังใบหน้าหล่อเหลาเอาไว้ แต่เย็นนี้เมื่อได้สบตามองหน้ากันชัดๆ น่านน้ำรู้แล้วว่านี่มันคือพรหมลิขิต ก็ในเมื่อพระพรหมลิขิตให้เธอต้องไม่สบาย จนต้องเสียตัวให้เขาดูแล้ว เขาก็ต้องรับผิดชอบเธอทั้งชีวิตและหัวใจตามที่พระพรหมต้องการ บอสคนเก่าถูกเตะโด่งออกจากหัวใจไปนอกโลกเรียบร้อย ต่อไปนี้เธอจะเริ่มแผนพิชิตใจพ่อเทพบุตรภูชิตให้ได้ น่านน้ำอมยิ้มไปกินข้าวไปด้วยสายตาฝันเฟื่อง