“นอนบนเรือนใหญ่” หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นกับคำตอบสั้นๆที่ได้รับ
“แล้วใครอยู่บนเรือนใหญ่บ้างคะ” เธอยังซักไซ้ต่อด้วยความอยากรู้
“คุณกับคุณภูชิต” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ น่านน้ำพอจะฟังออก หญิงสาวจึงเลือกที่จะเงียบ ใบหน้าเรียบเฉยที่ดูเคร่งขรึมตลอดเวลา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววเด็ดเดี่ยว ประกอบกับเคราเขียวครึ้มบนใบหน้า ทำให้น่านน้ำแอบกลัวเขาอยู่นิดๆ แต่ก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เธอเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อนหรือเปล่านะ
รถคันใหญ่แล่นเข้าสู่บริเวณไร่ภูชิต ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว ความมืดปกคลุมไปทั่วบริเวณ แต่เมื่อรถแล่นเข้าใกล้บ้านไม้สไตล์รีสอร์ทหลังใหญ่ ก็มีแสงสว่างจากตัวบ้านและดวงไฟจากบริเวณรอบๆบ้าน ไม่ได้ดูมืดมิดเหมือนตลอดทางที่นั่งรถผ่านมา น่านน้ำเปิดประตูลงจากรถพร้อมๆกับคนขับ หญิงสาวมองไปรอบๆ
“เข้าบ้านกันเถอะคุณน่านน้ำ อากาศเย็นหมอกลงจัด เดี๋ยวคุณจะไม่สบายเอาได้” น่านน้ำวิ่งตามคนที่ถือกระเป๋าของเธอเดินนำหน้าไปทางตัวบ้านก่อนแล้ว
“นี่ห้องของคุณ” ชายหนุ่มเปิดประตูห้องออกแล้ววางกระเป๋าไว้ในห้องให้ ก่อนจะพาตัวเองออกมาจากห้อง น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้าง
“ขอบคุณนะคะ” เขาจะรีบไปไหนของเขานักหนา น่านน้ำยักไหล่ก่อนจะปิดประตูห้อง แล้วเดินสำรวจไปรอบๆ ห้องนอนกว้าง เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นทำจากไม้ ทุกอย่างดูเรียบแต่แฝงไว้ด้วยความหรูในความเรียบง่ายนั้น
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้น่านน้ำรีบวิ่งไปเปิด หญิงสาววัยกลางคนยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร น่านน้ำยกมือไหว้ ในฐานะที่เธอเด็กกว่าต้องรู้จักเคารพผู้ใหญ่
“น้าแตงอ่อนจะมาบอกว่า เวลาทานอาหารเย็นของที่นี่คือหกโมงเย็น วันนี้นายรอคุณน่านน้ำ เลยเลื่อนเวลามาจ้ะ นายให้มาเชิญคุณน่านน้ำลงไปทานข้าว” น่านน้ำยิ้มรับพยักหน้า น้าแตงอ่อนจึงหันหลังกลับ
“เอ่อ...น้าแตงอ่อนคะ เรียกหนูว่าน้ำก็ได้นะคะ” หญิงวัยกลางคนยิ้ม
“จ้ะ...คุณน้ำ”
น่านน้ำยังอยู่ในชุดเดิมขณะที่เดินลงมาจากบันไดบ้าน ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หัวโต๊ะคือคนที่ไปรับเธอมานี่นา หรือว่า...
“เชิญนั่งครับคุณน่านน้ำ” หญิงสาวตัวชาวาบไปทั้งร่างประมาณสองวินาที
“เอ่อ...ขอบคุณค่ะ คะ...คุณภูชิต” มิน่าล่ะเธอถึงรู้สึกคุ้นหน้าเขา เพราะน่านน้ำเองเคยเจอภูชิตมาแล้วครั้งหนึ่ง ในงานแต่งงานของไอรักและธีร์ภาณุ แต่พอมาเจอในสภาพหนวดเครารกครึ้มจึงทำให้เธอไม่ทันได้สังเกต
โอย...ตายล่ะน่านน้ำ คิดสิคิดว่าพูดอะไรไปบ้าง
“สวัสดีค่ะคุณภูชิต” ชายหนุ่มเพียงแต่พยักหน้ารับ น่านน้ำเพิ่งคิดได้ว่าเธอยังไม่ได้ไหว้ทักทายเขาตามมารยาทที่ควรทำ อาจเป็นเพราะตอนที่เจอหน้าเขาเธอยังงงและสับสนกับสถานที่ใหม่ๆ และคนแปลกหน้า
“เวลาทานอาหารเช้าคือเจ็ดโมงตรง เวลาทำงานคือแปดโมง มื้อเที่ยงทานที่โรงครัว เลิกงานห้าโมงเย็น เวลาอาหารเย็นคือหกโมง คุณน่านน้ำมีอะไรจะถามไหม” น่านน้ำแอบพ่นลมหายใจออกเบาๆ ย้ำถามตัวเองในใจอีกรอบว่า เธอไม่ได้คิดผิดใช่ไหมที่เลือกมาทำงานที่นี่
“เอ่อ...ออฟฟิศทำงานล่ะคะ คุณภูชิตให้น้ำทำงานที่ไหนคะ”
“ออฟฟิศอยู่ในห้องทำงานใหญ่ของผม” ภูชิตชี้นิ้วไปทางห้องทำงานของเขา ซึ่งอยู่ชั้นล่างของบ้าน น่านน้ำยิ้มอย่างเสียไม่ได้ เมื่อหันไปตามนิ้วเรียวใหญ่ที่ชี้ไปที่ประตูไม้บานใหญ่ แล้วหันกลับมาสบตากับดวงตาคมเข้มของภูชิต ชายหนุ่มไหวไหล่เล็กน้อย แล้วก้มลงทานอาหารเงียบๆ น่านน้ำมองอาหารบนโต๊ะ มันก็น่าอร่อยอยู่หรอกนะ แต่เธอเพิ่งเดินทางมาถึง รู้สึกร่างกายมันยังไม่อยากจะรับอะไรเข้าไป หญิงสาวจึงเพียงแต่ตักอาหารมาวางที่จานของตัวเอง แล้วเขี่ยไปเขี่ยมา ภูชิตชำเลืองตามองอาการของหญิงสาวอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“รู้ไหม...ทำไมผมถึงอยากได้ผู้ชายมาทำงานด้วย เพราะผู้ชายจะไม่เรื่องมากในทุกๆเรื่อง” น่านน้ำชะงักมือที่กำลังเขี่ยอาหารไปมา เงยหน้าสบตาคมเข้มอย่างไม่เข้าใจ
“เอ่อ...น้ำแค่เหนื่อยจากการเดินทาง เลยยังไม่หิวเท่าไรค่ะ” หญิงสาวรีบแก้ตัว ไม่อยากให้เขามองว่าเธอเรื่องมาก ภูชิตยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วลุกจากเก้าอี้ เดินขึ้นบันไดไม้สีน้ำตาลเข้มมันวาวไป โดยไม่สนใจคนที่มองตามตาค้าง
“เอ่อ...นายก็เป็นอย่างนี้แหละจ้ะ คุณน้ำอย่าไปคิดมากเลยนะ ว่าแต่คุณน้ำอิ่มหรือยังจ๊ะ” หญิงสาวพยักหน้า แล้วถอนหายใจเบาๆ นางแตงอ่อนเก็บสำรับอาหารแล้วก็พูดไปเรื่อยๆ
“นายเป็นคนใจดีจ้ะ แต่พูดน้อย ที่เห็นขรึมๆน่ะ ไม่ได้โกรธอะไรหรอกจ้ะ คุณน้ำอย่าเพิ่งถอดใจหนีกลับบ้านไปก่อนนะ เราเป็นผู้หญิงอย่าให้ผู้ชายมาดูถูกได้ว่าไม่สู้งาน” น่านน้ำยิ้มให้นางแตงอ่อน รู้สึกมีกำลังใจที่จะทำงานมากขึ้น
“เอ่อ...น้าแตงอ่อนนอนที่ไหนคะ”
“น้านอนที่บ้านพักคนงานกับผัวจ้ะ เก็บสำรับเสร็จแล้วก็จะกลับไป เรือนไม้นี้ก็จะมีแต่คุณน้ำกับนายสองคนเท่านั้น แต่คุณน้ำไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ นายไม่ทำอะไรกับคุณน้ำหรอก เพราะนายมีผู้หญิงมาหาไม่ขาด แต่ละคนหุ่นนางแบบเซ็กซี่ บึ้มๆกันทั้งนั้น อย่างคุณน้ำนี่ไม่ใช่แนวที่นายชอบเลยล่ะ อ้อ...พรุ่งนี้เช้าน้าไม่ได้ขึ้นมาบนเรือนนะจ๊ะ จะไปทำธุระในเมือง คุณน้ำหาอะไรง่ายๆในครัวทานเองได้เลยนะจ๊ะ น้าบอกนายไว้แล้ว” ท่าทางของนางแตงอ่อนตอนทำท่าบึ้มๆ ทำให้น่านน้ำทำหน้าไม่ถูก หญิงสาวยิ้มเจื่อนๆ
“ค่ะ” ก็ไม่รู้จะพูดอะไรไปมากกว่านี้นี่นา