“เชิญครับ แม่บ้านกำลังตั้งโต๊ะอยู่เราไปนั่งจิบไวน์เย็นๆ รอที่ห้องรับแขกก่อนดีกว่า”
เจ้าของบ้านออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง โดยมีทั้งลูกสาวลูกชายและเมียรุ่นลูกคอยมาช่วย และแยกกันจับคู่ชวนแขกคุยอย่างเป็นกันเอง วิวรรญาอดมองผ่านหน้าต่างกระจกออกไปหาคนขับรถหนุ่มไม่ได้ หลังจากที่ส่งทุกคนตรงหน้าประตูบ้านเสร็จแล้วก็ควบรถออกไป คาดว่าน่าจะหามื้อค่ำหน้าปากซอยกินคนเดียว
“คุณแจมหิวหรือเปล่าครับ หรือว่านั่งนานจนเมื่อย ไม่เห็นพูดอะไรเลย”
แต่ก็ไม่มีเวลาได้คิดอะไรเมื่อปาลินชวนคุยขึ้นมาก่อน
“อ๋อ! เปล่าค่ะ แค่ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรเท่านั้นเอง”
แล้วก็เลี่ยงหันไปมองน้องสาวกับน้องเขยที่วันนี้ถูกสั่งให้มากินมื้อเย็นด้วยก็พบว่าทั้งสองต่างนั่งนิ่งกระซิบกระซาบกันแค่สองคน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพ่อจะดึงใครต่อใครมาทำไมเยอะแยะ
ก็แค่มากินข้าวเท่านั้น ก็ยังดีที่มีน้องสาวของปาลินกับหลานสาวของมณีมาลาที่ชื่ออนัญญาหรืออีฟมาคอยคุยด้วยเพื่อไม่ให้แขกเก้อเขิน
“ซี! ตักหูฉลามให้หนูแจมด้วยนะ ลองชิมดูนะครับเฮียไจ้เผื่อจะถูกปาก ผมสั่งในครัวคัดแต่ของดีๆ มาทำเลยนะครับ”
ประมุขมักจะคอยกำชับลูกชายอยู่ตลอดเวลาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม และชวนไกรเดชคุยบ่อยครั้ง มากกว่าจะหันไปคุยกับเกรียงไกรที่ใส่เสื้อตัวใหม่มาร่วมโต๊ะด้วย
เพราะคนเป็นน้องให้มาดูว่าฝ่ายชายเป็นปึกแผ่นแค่ไหน ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่เข้าใจว่าในเมื่อคิดอยากจะได้เงินเขาแล้ว จะต้องเสียเวลามาดูทำไม
แต่ก็ขัดน้องไม่ได้แม้ใจไม่อยากเข้าเมืองกรุงนัก อีกทั้งห่วงความรู้สึกหลานกลัวจะน้อยใจจนคิดว่าลุงกับป้าละเลยไม่ใจกับชายที่จะกลายมาเป็นสามีอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
และหลังจากอิ่มหนุ่มๆ สาวๆ ก็ถูกสั่งให้ออกไปเดินเล่นตามเคย ครั้งนี้วิวรรญาเห็นว่าปาลินมีท่าทีจริงจังกว่าครั้งไหนๆ ที่เคยเห็นกันมา
“คุณแจมมีใครอยู่ในใจมาก่อนหรือเปล่าครับ ขอโทษครับที่ต้องถามตรงๆ เพราะผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่เราควรจะต้องคุยกันอย่างเปิดอกสักที”
ดวงหน้าสวยใสเศร้าหมองลงเล็กน้อย เมื่อคิดถึงคำบอกเล่าของเพื่อนเกี่ยวกับงานแต่งของแฟนเก่าให้ฟังเมื่อไม่กี่วันมานี้ แต่แปลกที่มันไม่ได้เจ็บหนึบๆ เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไรหรือเพราะใคร
“แจมเคยมีแฟนค่ะ คบกันสองสามปีแล้วก็ต่างคนต่างไป เขาเพิ่งจะแต่งงานไปเองค่ะ”
เลยตอบตามความจริงออกไป
“แล้วคุณแจมก็ไม่ได้มีใครเข้ามาในชีวิตอีกเลยใช่หรือเปล่าครับ”
คำถามนี้สะกิดให้คิดถึงใครบางคนขึ้นมาทันใด ใครบางคนที่พยายามจะอยู่ห่างๆ แต่กลับกลายเป็นมีเขาคอยมาวนเวียนอยู่ใกล้ตัวแทน ใครบางคนที่พยายามสั่งใจไม่ให้หวั่นไหว
ไม่ให้หลงเดินทางซ้ำรอยแม่ แต่กลับกลายเป็นว่าความน่าสงสารของเขาทำให้หัวใจดวงนี้ไม่อาจจะผลักไสเขาออกไปได้สักที
“คุณซีถามทำไมคะ”
เมื่อรู้ตัวว่าถูกต้อน จึงพยายามหาทางออกให้ตัวเอง
“อ๋อ! เปล่าหรอกครับ ผมแค่อยากรู้ และอยากจะบอกคุณแจมว่า ผมเองก็มีใครของผมอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้จริงใจมากมายจนจะทำให้เป็นปัญหากับการจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันของเราสองคน ผมไม่อยากให้คุณแจมมารู้ทีหลังจากปากคนอื่นนะครับ เลยอยากจะบอกทุกอย่างเกี่ยวกับผม ว่าผมกำลังทำอะไร คิดอะไร รู้สึกยังไงกับใคร”
คำของปาลินยังก้องอยู่ในหูวิวรรญา แม้เวลากำลังนั่งรถกลับบ้านบึงแล้วก็ตาม เพราะตัวเองไม่อาจจะบอกอะไรออกไปให้ว่าที่คู่หมั้นรับรู้ได้เลย รวมทั้งข้อสงสัยที่ก่อเกิดในใจโดยมีคนสวนผู้ต่ำต้อยเป็นสาเหตุสำคัญ
และวิวรรญาก็สังเกตเห็นว่าเขาพูดน้อยกว่าทุกครั้ง หรือไม่พูดเลยด้วยซ้ำ แม้แต่ตอนที่ช่วยกันขนของขึ้นไว้บนรถอีกคัน เมื่อสองลุงป้าขึ้นไปนอนเอาแรงแล้วก็ตาม เขาก็ทำงานตามปกติแต่ไม่เอ่ยอะไรออกมาเลย
การยืนอยู่หน้าประตูครัวเมื่องานเสร็จ เป็นเชิงบอกให้รู้ว่าเขารอเธอขึ้นชั้นบนแล้วจะได้ปิดไฟปิดบ้านให้ก็เท่านั้น ช่วงขาเรียวเลยก้าวเดินขึ้นบันไดไปทันที
แต่ก็อดจะไปยืนจ้องมองแผ่นหลังกว้างที่ก้าวเดินไปในความสลัวเพื่อกลับกระท่อมอย่างเชื่องช้าไม่ได้ หัวใจดวงน้อยๆ สงสารเขาขึ้นมาอีกระลอก เมื่อเผลอคิดไปว่า
การไปคฤหาสน์หลังงามของตระกูลพลชนะชัยชาญ อาจจะเป็นสาเหตุให้เขาเศร้าสลดลงก็เป็นได้ แต่คิดอีกทีก็ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองนัก ว่าจะมีอิทธิพลต่อจิตใจคนสวนหนุ่มได้
“เพื่อนที่ทำงานเอามาขายลดราคาแล้วเก็บเงินสิ้นเดือน ฉันเห็นว่ามันเหมาะกับนายเลยซื้อมาให้”
กระนั้น ถุงที่มีเสื้อทีเชิ้ตสีขาว ฟ้า น้ำเงิน น้ำตาล เทาและดำก็ยังถูกยื่นให้คนสวนหนุ่มที่เข้ามาช่วยทำมื้อเย็นเป็นปกติอยู่นั่นเอง
“รับไปสิ นายจะได้มีไว้ใส่ตอนไปรับส่งฉันเวลาทำโอทีไง ยัยยีนจะได้ไม่บ่นว่าฉันใจดำไม่ยอมหาเสื้อผ้าใหม่ๆ ให้นายใส่”
ลินจ้องมองดวงหน้าสวยที่เรียบเฉย ขณะยื่นถุงมาให้อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรับมาเปิดดูด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย แต่ยี่ห้อที่ประทับอยู่กับเสื้อนั้นทำให้รู้ทันทีว่าราคาไม่น้อย เลยต้องรีบออกตัวเมื่อรู้ว่าฐานะอันต่ำต้อยที่มีไม่เหมาะกับของพวกนี้
“ผมเป็นคนจน กินแค่ค่าจ้างรายวันเท่านั้นไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าเสื้อคืนให้คุณแจมได้เร็วๆ คงจะต้องเก็บวันละนิดวันละหน่อยก่อนครับ แล้วทั้งหมดนี้เป็นเงินเท่าไหร่ครับ”
“ไม่บอก! ถ้าไม่มีเงิน งั้นนายก็กวาดบ้าน ถูบ้านแทนฉันสักเดือนสิ จะได้หายกัน”
แม้คำพูดจะติดตลกแต่วิวรรญาก็ยังคงไว้ท่าทางไม่ยอมก้าวล้ำเส้นที่ตัวเองพยายามขีดเอาไว้ ด้วยการตีสีหน้าเรียบเฉยและหันไปหาหม้อแกงบนเตาแทนเลยไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มบางๆ จากใบหน้าหล่อเพราะความดีใจที่มีให้หญิงสาวที่ใจดีกับคนสวนผู้ต่ำต้อยขณะยืนอยู่เบื้องหลัง