แต่หัวใจเจ้ากรรมมันก็ไม่รักดี เพราะมันแอบเป็นสุขในทุกครั้งที่ได้กอดเกี่ยวกายเปลือยของเขาไว้ แม้จะบอกตัวเองไม่ให้เผลอไผลไปกับรสรักอันอ่อนหวาน รสรักอันเย้ายวนหัวใจสักแค่ไหน
แต่มันก็ไม่เคยจะเชื่อ แถมยังสั่งกายให้ตอบโต้เขามากกว่าครั้งก่อนๆ อย่างน่าโมโห น่าเจ็บใจอีก
“แจม! ผมรักคุณนะ รักและมีความสุขที่สุดเวลาได้อยู่ใกล้ๆ คุณแบบนี้”
และไม่รู้ทำไม หัวใจยิ่งพองโตขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ เมื่อได้ยินคำบอกรักของเขา ครั้งแล้วครั้งเล่า ควบคู่กับไฟปรารถนาที่โลดแล่นไปพร้อมๆ กัน โดยมีเขาเป็นคนหยิบยื่นให้อย่างเต็มที่
และในทุกๆ ครั้งตลอดสามคืนสองวันที่ได้ใช้เวลาแห่งความสุขด้วยกัน ในบ้านสวนอันสงบเงียบหลังนี้ โดยไม่มีใครมารบกวนใดๆ แม้แต่สองลุงป้าก็ดูเหมือนจะทิ้งเวลา
ให้ทั้งสองได้ใช้ร่วมกันอย่างจงใจ ด้วยการออกไปตะเวนซื้อพืชผักนอกบ้านบ่อยและนานเกินความจำเป็นอย่างไม่เคยมีมาก่อนด้วยซ้ำ
“คราวหน้าซีก็เอาเสื้อผ้าติดรถมาด้วยนะ จะได้ไม่ต้องวุ่นให้ใครเอาไปให้ถึงออฟฟิศ แล้วผักพวกนี้พอไปถึงอย่าลืมใส่ตู้เย็นไว้นะจ๊ะแจม กว่าจะได้กลับบ้านก็เย็นย่ำค่ำมืด อันที่ฝากพ่อเราก็ให้หน้าปิ่นเอากลับบ้านเอง ไม่ต้องถ่อเอาไปให้เองถึงบ้านหรอก เราน่ะแต่งการแต่งงานแล้วนะ ต้องทำตัวเป็นแม่บ้านแม่เรือน ดูแลเอาใจใส่ผัวบ้าง ชีวิตคู่จะได้ยืนยาวเหมือนลุงกับป้าไงล่ะ”
อรพินสั่งเสียหลานเขยและหลานตัวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปล่อยทั้งสองกลับไปทำงานในเช้าตรู่ของวันจันทร์ เพราะวิวรรญามักจะทำแบบนี้ประจำ ปาลินเองก็ไม่ขัดอะไร แม้จะมาด้วยเสื้อผ้าเพียงชุดเดียวแถมกลับไปด้วยชุดเดิมก็ตามที
“ค่ะป้า งั้นแจมไปนะคะ”
“จ้ะ แล้ววันศุกร์ก็อย่าพากันเลิกงานค่ำนักนะ มาถึงนี่จะได้ไม่มืดมาก ป้าจะทำเมนูโปรดไว้รอนะจ๊ะ”
อรพินรับไหว้หลานนอกไส้ ที่ตัวเองรักประหนึ่งลูกก่อนจะดึงร่างเล็กเข้ามากอดไว้ ด้วยความคิดถึง และไม่อยากให้จากไปไหนเลย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะชีวิตของแต่ละคนก็ย่อมมีทางเดินของใครมัน
ปาลินยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองที่เขาเองก็เคารพนับถือเยี่ยงพ่อแม่ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้เมีย แล้วอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับ อดดีใจไม่ได้ที่มีเพื่อนรอบคอบ ด้วยการขับมาส่งเมื่อคืนก่อน เลยทำให้ได้มีเวลาอยู่กับเมียไปอีกชั่วโมงกว่าๆ
“เย็นนี้ผมจะมารับนะ อย่าเลิกงานค่ำล่ะ”
พอจอดให้เมียตรงหน้าทางเข้าออฟฟิศแล้วก็เอ่ยลา ขณะตัวยังนั่งอยู่หลังพวงมาลัย แม้อยากจะลงไปส่งแทบแย่ แต่ก็ทำไม่ได้ เมื่อการแต่งตัวไม่เอื้ออำนวยนัก อีกทั้งยังอยากจะไปถึงออฟฟิศเร็วๆ จะได้เปลี่ยนเสื้อผ้าที่ฝากให้คนขับรถหอบหิ้วจากบ้านมารอแล้ว
“ค่ะ”
วิวรรญารับคำแค่นั้นแล้วก็ลงจากรถไปด้วยใบหน้าร้อนผะผ่าวอย่างไม่เคยมีมาก่อน เมื่อคิดขึ้นได้ว่าตัวเองเหมือนใช้ชีวิตคู่กับเขาอย่างเต็มรูปแบบ เหมือนสามีภรรยาที่รักกันเหนียวแน่นไม่มีปมปัญหาใดๆ มาข้องเกี่ยวไม่มีผิดเพี้ยนเลย
“คุณแจมคะ คุณซีโทรมาบอกว่าวันนี้จะประชุมเสร็จช้าหน่อย แกจะให้คนรถมารับกลับบ้านก่อน เพราะที่ตึกมีแขกสำคัญมาทานมื้อเย็นด้วยค่ะ”
แต่พอประชุมออกมาในตอนบ่ายแก่ๆ ตัวปัญหาก็แล่นมารออยู่ตรงหน้าแล้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และทำให้อดคิดถึงบรรยากาศในบ้านสวนในสองวันที่ผ่านมาไม่ได้ เพราะดูเหมือนจะเป็นไปด้วยรอยยิ้มและความสุข ไม่มีใครมาข้องเกี่ยวมากมายนัก
ผิดกับตอนมาบ้าน ที่มีคนรอบข้างของสามีเข้ามายุ่งวุ่นวายไม่ว่างเว้น จนแทบจะหาเวลาเป็นของตัวเองไม่มีเลยทีเดียว รวมทั้งค่ำคืนนี้ด้วยที่ วิวรรญาเดาได้ไม่ยากว่าคงจะมีแขกมากหน้าหลายตามาร่วมโต๊ะอย่างไม่ต้องสงสัย
“คุณซีให้อีฟมาบอกว่าคุณแจมไปรอบนตึกเลยค่ะ เห็นว่าเพิ่งประชุมเสร็จและกำลังจะกลับค่ะ”
อนัญญาเดินเข้ามาบอก เมื่อเห็นสะใภ้ของบ้านลงจากรถที่มีชายอื่นขับมาส่งแทนผู้เป็นสามี
“ค่ะ”
วิวรรญารับคำสั้นๆ แล้วก็เดินขึ้นบ้านที่มีเจียกำลังช่วยจัดเตรียมผ้าขนหนู และของอื่นๆ รออยู่บนห้องแล้ว
“อยากให้ใส่ชุดไหนก็หยิบออกมาเถอะเจีย”
เจ้านายสาวสั่งเสียงอ่อย ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ และกลับออกมาในเวลาไม่กี่นาที การแต่งเนื้อแต่งตัวก็เป็นไปในเวลาไม่นานนัก เพราะเกรงกลัวจะถูกตำหนิที่ไปช้า
“มาแล้วเหรอหนูแจม แล้วอาตี๋เล็กซีล่ะป่านนี้แล้วทำไมยังไม่มาอีก”
กระนั้นก็ถูกสายตาพ่อสามีมองมาหาอย่างตำหนิติเตียนกลายๆ อีก เพราะแขกต่างมาครบและนั่งรอที่โต๊ะอาหารแล้ว
“กำลังจะมาค่ะ ขอโทษนะคะที่ช้า พอดีเพิ่งเลิกงานค่ะ”
วิวรรญาเดินไปนั่งเก้าอี้ที่มีอนัญญาส่งยิ้มและสายตาเชื้อเชิญมาหา ต่างจากคนในบ้านที่พุ่งความสนใจกับแขกคนสำคัญ ที่ยังไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน มีความสำคัญยังไงกับพ่อสามี
“หนูแจมเป็นเมียอาตี๋เล็กครับ หนูแจมรู้จักคุณพิสุทธิ์คุณกมลไว้สิ แล้วนี่ก็พิพัฒน์ลูกชายคนเดียวของบ้าน เผื่อเจอกันครั้งหน้าจะได้จำกันได้” ประมุขแนะนำแค่นั้น แล้วก็หันไปหาแขกตามเดิม
“อ้าว! อาตี๋เล็กมาได้สักทีนะ มัวทำอะไรอยู่ปล่อยให้แขกมารอ แย่จริงนะแก”
“ขอโทษครับป๊า พอดีผมเพิ่งประชุมเสร็จครับ”
“เจ้าซีครับ ลูกชายคนเดียวของผม วันๆ มัวแต่ยุ่งกับงาน ไม่รู้เมื่อไหร่จะมีหลานให้ผมสักคน แต่งงานมาครึ่งค่อนปีแล้วก็ยังไม่มีวี่แววเลย...”
ประมุขแนะนำลูกชายคนเดียวให้แขกด้วยสายตาชื่นชมไม่น้อย ผิดกับสะใภ้ของบ้านที่พ่อสามีแทบไม่ได้ดึงเข้าไปในบทสนทนาเลยด้วยซ้ำ วิวรรญาจึงเอาแต่นั่งเงียบ นานทีถึงจะตักอะไรเข้าปากสักครั้ง