ตอนที่ 1 สตรีมเมอร์ทำอาหารไม่เป็นแต่อยากเป็นสตรีมเมอร์
ร่างเพรียวบางซุกตัวอยู่บนที่นอน กองหมอนสูงทับถมกันหลายใบราวกับร่างขาวผ่องจะจมหายเข้าไปในที่นอนอยู่รอมร่อ คนบนเตียงคงไม่คิดจะลุกขึ้นตื่นถ้าเสียงท้องไม่ร้องซะก่อน
ขนตางอนยาวกะพริบถี่พร้อมกับดวงตาสุกใสกลมโตสีลูกองุ่น แฮมสเตอร์ลืมตาขึ้นมาแล้วบิดขี้เกียจ ท้องก็สมควรร้องอยู่เพราะตอนนี้บ่ายสองแล้วยังไม่มีอาหารตกถึงท้องสักมื้อ
อ้อ...ไม่ใช่ คือเค้าพึ่งตื่นนี่นา พึ่งตื่นแต่ก็หิวอะ
เพราะนอนเยอะเกินไปหัวมันเลยมึนตึ้บๆ หลังจากพยายามกลิ้งเกลือกพาตัวเองลงจากเตียงอยู่นานแฮมสเตอร์ก็เดินไปควานหาของที่อยู่บนหลังตู้เย็น ขนาดตู้เย็นที่สูงเกินตัวทำให้ต้องเขย่ง
"ง่ะ อยู่ไหน"
มือควานหาไปเรื่อยแตะไปแตะมาก็เจอสัมผัสเย็นๆ สักที แฮมสเตอร์หยิบเหรียญสิบลงมาทีละเหรียญแล้วนับ
"หนึ่ง"
"สอง"
"สาม"
"มีอีกเหรียญไหม ร้านขายข้าวสามสิบบาทหายากจะตาย อ๊ะ! "
แกร๊ง! เหรียญอีกเหรียญตกลงมาใส่หัวพอดีเป๊ะ
"ได้กินมื้อเช้าสักทีนะไอ้แฮม"
น้ำเสียงหวานพูดกับตัวเองเงินพวกนี้คือเงินฉุกเฉินที่แฮมสเตอร์วางทิ้งไว้ ก็ไม่ได้วางหรอกจะเรียกว่าซ่อนหรือเก็บแบบส่งๆ ก็ได้ ได้มาก็จับโยนๆ ไม่รู้ว่ามีที่มามาจากไหนแต่คุณยายเคยเล่าว่าคนโบราณเขาบอกไว้ 'ถ้าวางเหรียญสิบไว้หลังตู้เย็นแล้วจะโชคดีเพราะเป็นการเก็บทรัพย์' คิดว่าเพราะอยากให้หลานคนนี้หัดเก็บบ้างซะมากกว่า
ดังนั้นวันนี้ไอ้แฮมคนนี้ถือว่าโชคดีแล้วที่ได้กินข้าวเช้า...ไม่รู้ว่าตอนนี้ในบัญชีของตัวเองมีเงินอยู่เท่าไหร่ อ๊ะ! อ๊ะ! เค้าคนนี้ไม่ใช่คนขี้เกียจแต่อย่างใด แต่เดิมเข้างานออฟฟิศตอกบัตรเก้าโมงกลับสามทุ่มทุกวันแต่มันบังเอิญ! บังเอิญ…
โดนไล่ออก
เดินหิ้วกระเป๋าออกจากบริษัทตั้งแต่เมื่อวานสดๆ ร้อนๆ ระหว่างที่รอเงินชดเชยและเงินเดือนเดือนสุดท้ายที่ยังไม่ทันออก และหลังจากที่เมื่อสองวันที่แล้วตัวเองดันอยากได้ 'เนิฟเกียร์' เทคโนโลยีเกมโลกเสมือนที่พึ่งเข้าประเทศที่เท่โคตรๆ มาเล่น ไอ้แฮมสเตอร์ตัวปิ๊งปั๊งคนนี้เลยโปะเงินในบัญชีทุกบาททุกสตางค์เพื่อมันไปหมดแล้ว ตั้งใจว่าจะใช้เงินเดือนก้อนใหม่ประทัง ยังชีพดันโดนไล่ออกก่อนซะได้ ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด!
"เค้าคงต้องขายตัวหาข้าวกินแล้วมั้ง" ถึงในสมองจะพูดสบถหยาบแค่ไหนแต่แท้จริงแล้วแฮมสเตอร์คนนี้เป็นคนพูดเพราะสำเนียงคุณหลวง
หลังจากได้เหรียญสิบสี่เหรียญมาในครอบครองคนตัวเล็กก็ควานหาฮู้ดสีดำตัวโคลงที่หมกอยู่ในตู้สักตัวเอามาใส่ แฮมสเตอร์ออกจากห้องกดลิฟต์คอนโดจากชั้นสิบลงมา
มีเงินผ่อนคอนโดหมดแต่ไม่มีเงินกินข้าว เอ้า! งงใจ
หาร้านข้าวที่ใก้ลที่สุดด้วยการเดินถ้าขึ้นวินก็ต้องเสียค่าวินใช่ไหม? งั้นเค้าไม่ไป สี่สิบคงได้ข้าวราดแกงสักอย่าง พอเห็นร้านประจำคนมุงเต็มร้านพร้อมมอเตอร์ไซต์จำนวนมากที่คนขับใส่ชุดเขียวต่ออีกห้าหกคัน แฮมสเตอร์จากที่ยิ้มๆ ว่าจะได้กินข้าวอยู่ก็ทำปากคว่ำ
"คนเยอะอะ เค้าไม่กินแล้วไปหาร้านอื่นก็ได้"
ถ้าเดินจากนี่ไปข้าวร้านอื่นที่ถูกๆ คงสองกิโล แต่เจ็ดร้อยเมตรใกล้ๆ มีซูเปอร์มาร์เก็ต โอ้โห ใครๆ ก็รู้จักสูตรมาม่าประทังชีพ ขาเรียวก้าวเปลี่ยนทางไปหาสถานที่ใหม่ตามที่คิดไว้ในใจ ถึงที่หมายแล้วก่อนอื่นก็ต้องไปดูแผงของลดราคาก่อน
นี่ล่ะคือการใช้ชีวิตของไอ้แฮม!
"มาม่า 4 บาท เอาไปสองห่อ ต้นหอมเกือบเหลืองแต่กินได้ 5 บาท หมูสับหมดอายุพรุ่งนี้ 20 บาท! "
เห็นกล่องที่ข้างในบรรจุเนื้อหมูอนามัยสีชมพู แฮมสเตอร์พลันตาวิบวับจากราคาเต็ม 56 บาทเหลือ 20 บาทดูยังไงก็คุ้ม! ถ้าหมูก้อนนี้ไม่ได้สีซีดคล้ำเหลืองหรือกลิ่นตุแฮมสเตอร์คิดว่ามันกินได้
"4+4+5+20 เท่ากับ 33 บาท งั้นเค้าอยากกินเต้าหู้!"
แฮมสเตอร์กระดี๊กระด๊า อะไรจะอร่อยเท่าเนื้อเต้าหู้ไข่ดึ๋งๆ กินแล้วละลายในปากกัน อ่านจากป้ายราคาสินค้าคือหลอดละ 7 บาทพอดี ได้ของครบตามจำนวนเงิน คนตัวเล็กก็เดินไปต่อแถวรอคิดเงินที่แคชเชียร์พร้อม กำเหรียญสิบสี่เหรียญไว้อย่างมาดมั่น พอถึงคิวของที่จะซื้อก็ไหลตามสายพานให้พี่พนักงานแคชเชียร์หยิบคิดเงิน
"ยอดทั้งหมด 42 บาทค่ะ ลูกค้า"
ฮะ? ไอ้แฮมคนนี้หูฝาด "กี่บาทนะครับ?"
"42 บาทค่ะ"
เหมือนโดนฟ้าผ่าดังเปรี้ยงใส่หัว
นะ นี่ อย่ามาดูถูกว่าหัวคิดด้านคณิตศาสตร์ของเค้าไม่ดีนะ
"42 บาทได้ยังไงครับ ทั้งหมดต้อง 40 บาทไม่ใช่หรอ?" ว่าแล้วก็พูดแจกแจงราคาทีละอย่างดิบดีจนพี่หนักงานทำหน้าเหวอ
"เต้าหู้ราคา 9 บาทค่ะลูกค้าไม่ใช่ 7 บาท"
เหมือนโดนระเบิดปาใส่หน้าดังบึ้ม! ตะ ตะ เต้าหู้ แฮมสเตอร์แบมือมองเหรียญสิบที่มีแค่สี่เหรียญ
"คะ คือ..." เค้าตังไม่พอทำยังไงดี นึกถึงตอนที่มาซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วทำแม่หายเลย แต่ตอนนี้เค้าไม่มีแม่ "ช่วยยกเลิกของสักอย่างแล้วตีบิลใหม่ได้ไหมครับ?"
พูดจบพอหันไปมองคนที่ต่อแถวคิวจ่ายเงินอยู่แฮมสเตอร์ก็สะดุ้ง โอ้โห ยาวเหยียดเลย...จิตใต้สำนึกบอกให้ไอ้แฮมคนนี้เกรงใจ
"เอ่อ..." พนักงานสาวทำท่าอึกอัก "ยอด 42 บาทเองนะคะลูกค้า แต่ถ้าลูกค้าต้องการเดี๋ยวจะยกเลิกให้ค่ะ จะยกเลิกอะไรคะเป็นเต้าหู้ไหม"
ตะ เต้าหู้ เต้าหู้ของเค้า ไม่เอา! เค้าอยากกินเต้าหู้!!
เจ็บปวดไปซะไอ้แฮม
"เอาเป็น..." ชี้นิ้วหงึกหงักอย่างคิดมาก ถ้าเอามาม่าออกห่อเดียวก็ไม่อิ่ม ถ้าไม่กินผักก็จะขาดสารอาหาร หมูกับเต้าหู้ไม่เอาออกอยู่แล้ว ระหว่างที่หาทางเอาชีวิตรอดอยู่ เสียงแกร๊ก! ของบางสิ่งที่ตกพื้นก็ดังขึ้น เหรียญสีทองหล่นลงพื้นห่างจากปลายเท้าของแฮมสเตอร์ไปไม่ถึงคืบ
เหรียญสองบาท
ราวกับบรรยากาศถูกหยุดให้เงียบงันชั่วขณะมาพร้อมแสงสีทองเปล่งออร่าแสบตา คนตัวเล็กมองเหรียญสองบาทตาไม่กะพริบ เนิ่นนานเกินยี่สิบวินาทีก็ยังไม่มีเจ้าของของมันย่อตัวลงมาเก็บ แฮมสเตอร์เลยเป็นคนย่อเองหยิบเหรียญสองบาทมาไว้ในมือ เหรียญนี้ต้องเป็นของคนใกล้ตัวที่ยืนต่อคิวต่อจากเขาอยู่แน่นอน
แฮมสเตอร์เงยหน้าใช้ดวงตาใสซื่อสีลูกองุ่นช้อนมอง เพราะอยากกินเต้าหู้หรืออย่างไรสายตาขอตัวเองเลยดูเว้าวอนอย่างไม่ได้ตั้งใจ
"ของคุณใช่ไหมครับ"
"อืม" เสียงทุ้มตอบกลับแค่นั้น
แฮมสเตอร์คิดว่าเจ้าของเงินสองบาทนี่ตัวสูงมากเลยจากนั้นก็ชะงัก นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมหน้าตาคนอื่น แต่ที่แน่ๆ ไม่รู้ว่าตัวเองเอาความกล้าบ้าบิ่นมาจากไหน แฮมสเตอร์จับเหรียญด้วยมือทั้งสองข้างแล้วขอ...
"อันนี้เค้าขอได้ไหมครับ? "