ท่ามกลางงานศพที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าของแขกนับร้อยที่ต่างก็แวะเวียนมาร่วมงานเพื่อแสดงความเสียใจแก่ครอบครัว ‘วิศรุจ’ กันอย่างเนืองแน่น ภาพของคุณเบญวรรณ มารดาของนางสาวอรดีหญิงสาววัยยี่สิบสองที่เพิ่งจะเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนตร์ที่กำลังนั่งร่ำไห้อยู่หน้าโรงศพนั้นต่างเป็นภาพที่สะเทือนใจแก่ทุกคนที่ได้พบเห็นกันเป็นอย่างมาก หัวอกของคนเป็นแม่แทบจะแตกสลายไม่เหลือชิ้นดีเมื่อต้องมาสูญเสียลูกสาวสุดที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ คงไม่มีใครจะเข้าใจความสูญเสียนี้ดีถ้าไม่เจอกับตัวเอง
ไม่ต่างจากหญิงสาวอีกคนที่ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นยังไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากของเธอเลยสักคำเดียว ทุกๆ คนต่างก็พากันลงความเห็นว่า ‘เธอ’ คือต้นเหตุของเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับอรดี น้องสาวต่างมารดาของตัวเอง เธอคือคนที่ทำให้หญิงสาวผู้ซึ่งไม่มีพิษภัยกับใครต้องมาจากไปก่อนงานหมั้นของตัวเองไม่กี่วัน
แก้วกานดาเงยหน้าที่เอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาขึ้นมองรูปถ่ายของน้องสาวสุดที่รักที่กำลังส่งยิ้มมาให้กันด้วยความเศร้าโศก หากไม่ใช่เพราะเธอแล้วล่ะก็ เรื่องทุกอย่างคงไม่ลงเอยเป็นแบบนี้ หากว่าไม่ใช่เพราะเธออรดีก็คงไม่ต้องมาตายด้วยอุบัติเหตุบ้าๆนั่นแน่
บางทีหากย้อนเวลากลับไปแล้วคนที่ตายเป็นเธอก็คงดี…
สามวันก่อน
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มอยู่ภายในผับหรูมีระดับส่งผลทำให้หญิงสาวที่ถูกพี่สาวต่างมารดาชวนออกมาฉลองสละโสดอย่าง อรดี สะดุ้งเป็นพักๆ ด้วยความที่ไม่ค่อยจะคุ้นชินต่อสถานที่รื่นเริงแบบนี้สักเท่าไหร่ หากเปลี่ยนเป็นห้องสมุด หรือสวนสาธารณะเงียบๆ ก็ว่าไปอย่าง หญิงสาวคิดก่อนจะหันไปกระซิบบอกพี่สาวต่างมารดาอย่าง ‘แก้วกานดา’ ซึ่งตอนนี้กำลังเมาจนแทบไม่ได้สติเมื่อคิดได้ว่านี่มันน่าจะถึงเวลา ที่ทั้งสองควรจะพากันกลับบ้านกันได้แล้วขึ้นมาได้
“ดึกแล้วนะคะพี่แก้ว อรว่าเรากลับบ้านกันเถอะค่ะอรไม่อยากถูกคุณแม่ดุ” เธอว่าพร้อมคิดถึงหน้าของผู้เป็นแม่ที่คืนนี้ไม่อยู่บ้านเพราะมีต้องไปงานฉลองวันเกิดของเพื่อนๆ ที่ต่างจังหวัด แม่ของเธอแต่งงานกับพ่อของแก้วกานดามาได้สิบปีก่อนที่ท่านจะเสียไปด้วยโรคประจำตัว ทำให้เธอและผู้เป็นแม่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับแก้วกานดาแค่สามคน แต่ถึงจะมีกันแค่นี้ความรักที่ทุกคนต่างมีให้กันและกันนั้นมันกลับแนบแน่นเกินใครจะคาดถึง ชีวิตของครอบครัวเล็กๆ ต่างก็มีความสุข ทุกๆ คนสามารถรักและเข้ากันได้เป็นอย่างดี
เธอกำลังเรียนอยู่มหาลัยปีสุดท้ายในขณะที่พี่สาวเองก็กำลังจะเข้าไปบริหารรีสอร์ทของครอบครัวอย่างเต็มตัว แก้วกานดาพี่สาวของเธอนั้นฉลาด ทันคน ต่างจากเธอที่หัวอ่อนเลยมักจะถูกแกล้งมาโดยตลอด แต่เธอก็ได้พี่สาวสุดที่รักคนนี้ที่คอยช่วยเหลือเธอมาตลอด
อรดีคิดพร้อมมองพี่สาวด้วยความรัก และชื่นชมจากใจจริง
“นี่มันแค่เที่ยงคืนเองนะอร อยู่ต่ออีกนิดเถอะ อีกหน่อยเราสองคนก็จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ” แก้วกานดาเอ่ยตอบพร้อมทั้งจ้องมองน้องสาวต่างมารดาด้วยความรัก แต่ภายในสิ่งเหล่านั้นมันกลับมีบางสิ่งหลบซ่อนอยู่ บางสิ่งที่เธอเฝ้าพยายามมาตลอดสี่ปีเต็มที่จะเก็บงำมันเอาไว้ไม่อยากให้ใครได้มารับรู้ ไม่ว่าจะใครก็ให้รู้เรื่องนั้นไม่ได้จริงๆ เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องดีงามอะไรสำหรับคนอื่นๆ
มันคือเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นมากกว่า ไอ้ความรักบ้าบอที่เธอมีต่อ ‘เหนือตะวัน’ ชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นคนรักของน้องสาว ผู้ชายที่เธอได้แต่เฝ้ามองเขาทำดีกับอรดีอยู่ห่างๆ จ้องมองทั้งสองแสดงความรักต่อกันท่ามกลางหัวใจที่แสนจะเจ็บปวดจนมันใกล้แตกสลายเมื่อชายหนุ่มพาผู้ใหญ่มาทาบทามสู่ขอน้องสาวเธอกับแม่เลี้ยง ซึ่งอีกฝ่ายก็ยินดีเป็นอย่างมากเพราะเห็นทั้งสองคนนั้นคบกันมานานและเขาก็เป็นคนดีที่ไว้ใจได้คนหนึ่ง กำหนดงานหมั้นของทั้งคู่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า ทั้งสองคนตกลงกันเอาไว้ว่าจะหมั้นกันเอาไว้ก่อนแล้วค่อยจัดงานแต่งงานกันหลังจากฝ่ายหญิงเรียนจบ
ทุกๆ คนต่างมีความสุขกับงานมงคลที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ต่างจากเธอที่เจ็บจนไม่รู้จะสามารถทนมองภาพของพวกเขาที่เดินเคียงคู่กันต่อไปได้อีกนานแค่ไหนไม่รู้เลยจริงๆว่าชีวิตมันจะเป็นเช่นไนต่อไป
“พูดอะไรแบบนั้นล่ะคะพี่แก้ว อรแค่หมั้นยังไม่ได้แต่งเสียหน่อย อันที่จริงอรคุยกับพี่เหนือเรื่องนี้แล้วนะคะว่าจะขออยู่ที่บ้านเหมือนเดิมไปก่อน รอแต่งงานกันแล้วค่อยย้ายเข้าไปอยู่ที่เรือนหอทีเดียว” อรดีตอบอย่างยิ้มๆ โดยไม่คิดเลยว่ารอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขของตนนั้นมันกำลังฆ่าพี่สาวของเธอให้ค่อยๆ ตายอย่างช้าๆ
“แต่ถึงยังไงพี่ก็ยังรู้สึกว่ากำลังจะเสียน้องสาวที่น่ารักของพี่ไปอยู่ดี อยู่ต่ออีกนิดนะ พี่รับรองว่าจะไม่ทำให้คุณน้าดุอรเด็ดขาด มีพี่อยู่ทั้งคนอรไม่ต้องกลัว จะไม่มีใครทำอะไรน้องสาวที่น่ารักของพี่ได้อย่างแน่นอน” เมื่อพี่สาวว่ามาอย่างนั้นอรดีจึงไม่กล้าที่จะขัดใจ จำต้องนั่งอยู่เป็นเพื่อนเฝ้ามองพี่สาวที่กระดกเหล้าเข้าปากแก้วแล้วแก้วเล่า จนกระทั่งหญิงสาวฟลุบไปกองอยู่บนโต๊ะในเวลาตีสองกว่า