บทที่ 8

1159 คำ
“ไม่ต้อง! ยืนอยู่เฉยๆ ตรงนี้ห้ามขยับไปไหน!” จอมบงการเอ่ยสั่งก่อนจะเป็นฝ่ายเดินตรงเข้าไปตรวจสอบถึงความเสียหายด้วยตัวเอง หลังจากนั้นเหนือตะวันก็เริ่มต้นจัดแจงทุกๆ สิ่งตามที่เห็นสมควรด้วยตัวเองโดยไม่รอให้เจ้าของรีสอร์ทตัวจริงที่ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ตามคำสั่งของเขาได้คิด  หรือว่าทำอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว            “คุณเหนือเก่งจังเลยค่ะ พวกเราช่วยกันคิดแทบตายยังหาวิธีแก้ปัญหาไม่ได้เสียที ว่าแต่คุณเหนือกับคุณแก้วเป็นอะไรกันเหรอคะ” หนึ่งในทีมงานใจกล้าตัดสินใจเอ่ยถามขึ้นอย่างอดสงสัยถึงความสัมพันธ์ของเจ้านายคนสวย   และหนุ่มสุดหล่อตรงหน้าไม่ได้            “พ่อของเราสองคนเป็นเพื่อนรักกันครับ เราก็เลยรู้จักกัน” แก้วกานดาได้แต่ยิ้มเยาะตัวเองในใจ สุดท้ายแล้วสถานะที่เขามอบให้เธอก็คงจะมีเท่านี้ เขาไม่แม้แต่หันมาขอความเห็นจากเธอด้วยซ้ำตอนที่พูด แต่มันก็ไม่แปลกอะไรเพราะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาก็มักจะทำอะไรตามใจตัวเอง ทำทุกสิ่งโดยไม่สนเลยสักนิดว่าผลของการกระทำอันใจร้ายของตัวเอง จะทำให้ใครต้องเจ็บช้ำหัวใจแค่ไหน            “ถ้าไม่มีอะไรแล้วแก้วขอโทษก่อนนะคะ วานคุณนิชจัดการทุกอย่างตามเห็นสมควรได้เลยนะคะ ถ้ามีปัญหาตรงไหนโทรหาแก้วได้ทุกเวลา” หญิงสาวตัดสินใจเอ่ยลาทุกคนก่อนจะเดินแยกตัวออกมาซึ่งมันก็เป็นอีกครั้งที่เธอถูกเหนือตะวันเดินตามหลัง จนกระทั่งถึงห้องพักห้องพักสุดหรูที่ตั้งอยู่ในโซนวีไอพีของทางรีสอร์ท            “พี่เหนือเข้ามาในห้องของแก้วทำไมคะ!” หญิงสาวถึงกลับหมดความอดทนเมื่อจู่ๆ ร่างสูงใหญ่ก็แทรกตัวเข้ามาในห้องพักของเธอทันทีที่มันถูกเปิดแต่แทนที่จะสำนึกเขากลับตอบกลับกันหน้าตาย            “ก็ฉันไม่ได้จองห้องพักเอาไว้แล้วเธอจะให้ฉันไปพักที่ไหน”            “ถ้างั้นรอสักครู่นะคะเดี๋ยวแก้วจัดการให้” หญิงสาวตัดบทสรุป ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมให้เขาเข้ามายุ่งวุ่นวายกับความเป็นส่วนตัวของเธออีก เพราะว่าเขาไม่มีสิทธิ์ ไม่เคยมีและจะไม่มีวันมี!!            “ไม่ต้อง! คืนนี้ฉันจะนอนที่นี่”            “แต่นี่มันห้องของแก้วนะคะ” แก้วกานดายังไงไม่ยอมแพ้ นี่เขาไปกินอะไรผิดสำแดงมารึไงจู่ๆ ถึงได้อยากจะมานอนห้องนี้กับเธอ ทีเมื่อก่อนไม่ว่าเธอจะพยายามเข้าหาแค่ไหน เขาก็เอาแต่วิ่งหนีกันไป            “แล้วยังไง ทีเธอยังแบกหน้าไปนอนที่เรือนหอของฉันได้เลยแล้วทำไมฉันจะนอนที่ห้องนี้ของเธอบ้างไม่ไห้! หลีก! จะไปอาบน้ำ เอ๊าะ โทรสั่งข้าวมาให้ด้วยฉันหิว!” คนเอาแต่ใจสั่งก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ไม่ได้รอให้เจ้าของห้องได้ทันเอ่ยอนุญาตหรือปฏิเสธ            “คนบ้า! จะเอาแต่ใจตัวเองไปถึงไหนนะ” แก้วกานดาเอ่ยประท้วงไล่ตามหลัง หญิงสาวลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นจะมาไม้ไหนกับเธออีก ก็ไหนเขาไม่อยากที่จะเห็นหน้ากัน ทำไมจู่ๆ ถึงได้ตามเธอมาถึงที่นี่  เพราะเรื่องเด็กในท้องงั้นเหรอ            เหตุผลนั้นจริงๆ ใช่ไหมที่ทำให้เขาฝืนใจกลับมาเจอหน้ากัน            เหนือตะวันเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่ทั้งตัวมีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอวสอบเอาไว้อย่างหลวมๆ ก่อนจะพบว่ากระเป๋าเดินทางของเขานั้นถูกย้ายนำมาไว้ในห้อง ซึ่งหากเดาไม่ผิดคนที่เผ็นคนจัดการทั้งหมดนี้ให้ก็คงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาจัดอาหารให้เขาอยู่ในห้องรับแขก ภาพนั้นทำให้เขาต้องหยุดมอง            ไม่เจอกันเพียงสองเดือนไม่นึกเลยว่าแก้วกานดาจะเปลี่ยนไปมาก ไม่ว่าจะรูปร่างที่ดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลขึ้น หรือแม้แต่นิสัยที่กล้าต่อปากต่อคำกับเขา ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนแค่มองหน้ากันตรงๆ เธอยังไม่กล้า  มันเหมือนกับว่าเธอกำลังพยายามถอยห่างกันออกไป            “ทำไมจัดแค่จานเดียว” คนเรื่องมากเอ่ยถามหลังจากทิ้งตัวลงนั่งแล้วพบว่าจานข้าวที่อีกคนจัดเตรียมเอาไว้ให้นั้นมีแค่จานเดียว            “แก้วยังไม่ค่อยหิวค่ะ เชิญพี่เหนือตามสบาย”            “ไม่หิวก็ต้องกิน!” ให้ตายเถอะแม่คนนี้ หล่อนไม่หิวแล้วคิดว่าลูกของเขาในท้องจะไม่หิวบ้างเลยหรือยังไงกัน ชายหนุ่มสบถต่อในใจก่อนจะชะงักงันเมื่อคำบางคำดันหลุดหายเข้าไปในความคิด ‘คำว่าลูก’ ลูกที่เขาไม่เคยคิดจะมี ยิ่งแม่ของลูกยิ่งไม่เคยอยู่ในสายตาเลยสักครั้ง มันจึงไม่แปลกที่เขาจะเสียศูนย์เมื่อได้รู้ความจริง และที่น่าหงุดหงิดที่สุดคือรู้เป็นคนสุดท้าย หนำซ้ำยังรู้มันจากปากคนอื่นอีก “แก้วยังไม่ค่อยหิวจริงๆ ค่ะ” เสียงร้องตอบของคนดื้อเงียบทำให้อารมณ์หงุดหงิดของเหนือตะวันพลุกพล่านขึ้นอย่างหนักหน่วง            “จะนั่งลงกินข้าวกับฉันดีๆ ไหมแก้วกานดา!”            “พี่เหนือ…”            “นั่งลง! เดี๋ยวนี้!!” แก้วกานดาเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นก่อนจะยอมทิ้งตัวลงนั่งตามคำสั่งของคนเผด็จการแต่โดยดีอย่างไม่กล้าขัดขืน เหนือตะวันจ้องมองคนข้างตัวอย่างคาดโทษก่อนจะลุกขึ้น    เดินไปหยิบจานมาจัดแจงข้าวเย็นให้กับเธอและลูกด้วยตัวเอง “แล้วนี่ไปฝากท้องมาแล้วรึยัง” เหนือตะวันตัดสินใจเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งหลังปล่อยเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ เขาพยายามเป็นอย่างมากจะปรับน้ำเสียงให้อ่อนลงกว่าเดิมเล็กน้อย เพื่อไม่ให้อีกคนตกใจ            “คุณน้าพาไปมาแล้วค่ะ” ซึ่งเมื่อเขาดีมาแก้วกานดาก็พร้อมที่จะดีตอบกลับไป เธอตอบไปตามความจริง แต่สิ่งที่ไม่คิดจะเอ่ยถึงคือการต้องเผชิญหน้ากับคำถามที่ตอบไม่ได้ว่าใครคือพ่อของเด็ก นั่นคือสิ่งที่หลายๆ คนต่างพากันอยากรู้ แต่ไม่ว่าใครจะถามยังไง เธอก็ตอบไม่ได้อยู่ดี เพราะคำตอบของเธอมันไม่ได้ทำลายแค่เธอเท่านั้น แต่มันยังทำลายคนตรงหน้าคนนี้ด้วยหากความจริงทั้งหมดนั้นถูกเปิดเผยไป ความจริงที่เขาเองก็คงไม่ได้อยากจะมีส่วนร่วมสักเท่าไหร่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม