ตอนที่ 3 โดนหลอกเข้าถ้ำเสือ

1321 คำ
ภายในบ้านหลังใหญ่ใกล้เขตโรงงานน้ำตาลประกายฤกษ์ วสุกำลังยืนรอเจ้านายหนุ่มเพื่อออกไปดูแปลงปลูกอ้อยทดลองของบริษัท วสุเป็นทั้งนักวิชาการเกษตรผู้เชี่ยวชาญและเป็นทั้งทีปรึกษาและผู้ช่วยมือขวาของน่านฟ้าลูกชายคนรองของเจ้าของบริษัทน้ำตาลประกายฤกษ์ “คุณน่านจะไปดูกี่แปลงดีครับ” ชายหนุ่มวัยสี่สิบหกเอ่ยถามเจ้านายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขาตั้งสิบเจ็ดปี วสุทำงานกับบริษัทนี้มาเกือบยี่สิบปี พอน่านฟ้าเรียนจบก็ได้มาทำงานช่วยครอบครัว เขาก็ได้วสุเป็นคนคอยสอนงานและเป็นคนติดสอยห้อยตามน่านฟ้าไปเกือบทุกที่ จนทั้งสองสนิทสนมกันมาจนถึงทุกวันนี้ “ก็ดูไปเรื่อยๆ ครับ ก่อนกลับกรุงเทพฯผมกะว่าจะเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด” ช่วงนี้เป็นช่วงต้นฤดูฝน เขามีเวลาอยู่ที่นี่แค่สองวันต้องรีบกลับไปเคลียร์งานที่กรุงเทพฯต่อ จึงอยากไปดูแปลงอ้อยที่ปลูกทดลองไว้หลายที่รวมๆ แล้วก็ห้าร้อยกว่าไร่ และยังไม่นับรวมจากชาวไร่อ้อยคู่สัญญาของบริษัทอีก เพราะปีหนึ่งๆ บริษัทประกายฤกษ์หีบอ้อยมากว่าร้อยล้านตัน ชาวไร่อ้อยคู่สัญญาก็จะไปกว้านซื้อกับชาวไร่อ้อยขนาดเล็กอีกที บริษัทน้ำตาลประกายฤกษ์มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพฯ ส่วนแปลงปลูกอ้อยและโรงงานนั้นจะอยู่ต่างจังหวัด ซึ่งกัมปนาทเจ้าของบริษัทนี้จะหมุนเวียนให้ลูกชายทั้งสองมาคอยดูแลหน้างานตลอด น่านฟ้าลูกชายคนรองดูแลโรงงานน้ำตาลทางฝั่งตะวันตก ม่านหมอกลูกชายคนโตนั้นดูแลฝั่งอีสาน ส่วนมนชิตาลูกสาวคนเล็กนั้นให้ตรวจสอบด้านบัญชีและการเงินช่วยแม่กับพ่ออยู่ที่สำนักงานใหญ่ “งั้นเราออกเดินทางกันเถอะครับ ช่วงเย็นเผื่อฝนตกเราอาจจะได้รีบกลับ” วสุบอกเจ้านายหนุ่มแล้วทั้งคู่ก็ก้าวขาขึ้นรถกระบะสี่ประตูสีดำทันที วันนี้วสุขออาสาเป็นคนขับรถให้เขาเอง ไม่ต้องเรียกใช้คนขับที่โรงงานให้ยุ่งยาก เพราะเขาก็คุ้นชินกับพื้นที่ดีอยู่แล้ว ถึงจะไม่ได้มาเกือบสิบปีแล้วก็ตาม ชวนชมขับรถมาส่งหลานสาวที่บ้านเสี่ยซ้ง ก่อนกลับจึงเข้าไปกอดหลานสาวทั้งที่ไม่เคยทำกับเธอแบบนี้มาก่อน กรรวีทำท่างุนงงกับป้าตัวเอง ร้อยวันพันปีไม่เคยจะกอดเธอสักครั้ง เท่าที่จำได้กอดแค่ครั้งเดียวตอนงานศพแม่ของเธอก็แค่นั้น “โชคดีนะใบหม่อน ฉันกลับแล้วนะ” “ค่ะป้า กลับวันไหนเดี๋ยวหม่อนโทรบอกนะคะ” กรรวีบอกป้าด้วยท่าทางใสซื่อ “อือ” พยักหน้าให้หลานแล้วก็ขับรถออกไป กรรวีสงสัยกับการกระทำของป้าแต่ไม่ได้เอะใจอะไร เดินเข้าไปในบ้านเสี่ยซ้งโดยไม่ได้คิดอะไรต่อ แต่พอเดินเข้าไปเจอป้าแม่บ้านก็อดแปลกใจไม่ได้ “อ้าวป้าแดงสวัสดีค่ะ ป้าแดงไม่ได้ลาป่วยเหรอคะ” กรรวีพนมมือไหว้แล้วเอ่ยถามป้าแม่บ้านอย่างสงสัย “ไม่นี่ ป้าไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อยป้าจะลาป่วยทำไม” กรรวีขมวดคิ้วสงสัยกับสิ่งที่ป้าแดงบอก งั้นแสดงว่าป้าของเธอโกหก แล้วป้าเธอมีเหตุผลอะไรถึงจะต้องโกหก ทั้งสองกำลังยืนนิ่ง ลูกน้องมือขวาของเสี่ยซ้งก็เดินออกมาพอดี “คุณใบหม่อนครับเสี่ยซ้งให้ขึ้นไปพบบนห้องครับ” ได้ยินดังนั้นกรรวีหันขวบไปมองหน้าป้าแดงทันควัน แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรกันต่อป้าแดงก็ส่งสายตาให้เธอทำตามที่ลูกน้องเสี่ยซ้งสั่งทันที กรรวีวางสัมภาระไว้ที่โซฟาห้องรับแขกแล้วเดินตามหลังชายร่างสูงหุ่นล่ำผิวสีเข้มมาอย่างเงียบๆ ในใจตอนนี้กระวนกระวายไปหมดไม่รู้ว่าป้าของเธอกับเสี่ยซ้งกำลังคิดแผนทำอะไรกันอยู่ ถึงเธอจะเป็นเด็กแต่ก็ไม่ได้โง่ที่จะเดาไม่ออกว่าคนอย่างเสี่ยซ้งต้องการอะไร หญิงสาวหลายคนที่เคยเรียนด้วยกันกับเธอก็เลือกที่จะเป็นบ้านเล็กบ้านน้อยของเสี่ยซ้งอย่างเปิดเผย ป้าแดงมองตามร่างบางแล้วถอนหายใจ เพราะรู้ว่าถ้าเสี่ยซ้งได้เรียกขึ้นไปพบบนห้องแล้วก็คงมีอยู่แค่เรื่องเดียว ลูกน้องเสี่ยซ้งเคาะประตูแล้วเปิดให้เธอเข้าไปเพียงคนเดียวแล้วมือหนาก็ปิดประตูลงตามเดิม เจ้าของร่างสูงยังคงยืนทอดสายตาออกไปด้านนอกหน้าต่างบานกระจกนิ่ง ใช่ เขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาหล่อถึงรูปร่างจะเริ่มอวบขึ้นตามอายุ แต่ผิวที่ขาวสะอาดก็ทำให้เขาดูไม่ค่อยแก่มากนัก แต่ถึงกระนั้นผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใช่คนที่เธอจะยอมร่วมหอลงโลงด้วยอย่างแน่นอน “สวัสดีค่ะเสี่ย” กรรวีเอ่ยออกมาเสียงเบา คิดว่าตัวเองคงเก็บความสั่นและตื่นเต้นไว้ได้ เขาจะได้ไม่รู้ว่าเธอกำลังกลัวเขามากแค่ไหน หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกมาข้างนอก เสี่ยซ้งได้ยินเสียงเล็กหวานจึงหันหน้ากลับมามองใบหน้าเนียนใสของเด็กรุ่นลูกอย่างพอใจ “รู้ใช่มั้ยว่าฉันเรียกหนูขึ้นมาทำไม” สายตาโลมเลียมองเธออย่างหิวกระหายจนคนตัวเล็กรู้สึกชาวาบไปตามแนวสันหลัง “ไม่ทราบค่ะ” เธอตอบออกมาด้วยความใสซื่อ แต่คิดถึงคำพูดและท่าทางแปลกๆ ของผู้เป็นป้าเมื่อเช้า ก็พอจะประติดประต่อเรื่องราวได้ไม่ยากนัก แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมป้าของเธอถึงคิดทำเรื่องแบบนี้ได้ เสี่ยซ้งวางใบหน้าเรียบเฉยไม่แปลกใจกับคำพูดของเด็กสาว เพราะเขากับชวนชมต้องการให้เรื่องนี้เป็นความลับ แล้วเขาจะเป็นคนเกลี้ยกล่อมเธอเอง เพราะยังไงก้าวขาเข้ามาในบ้านหลังนี้แล้วยังไงเธอไม่มีทางไปไหนรอดแน่ “ป้าของหนูอยากให้หนูมาอยู่รับใช้ฉันเป็นการส่วนตัว” เสี่ยซ้งกล่าวเสียงเรียบ กรรวีพยายามข่มใจตัวเองไม่ให้แสดงความกลัวออกมา มือเล็กทั้งสองข้างที่ประสานอยู่ด้านหน้าบีบกันแน่น “นานแค่ไหนคะ” เธอทำเป็นใจดีสู้เสือกลั้นใจถามออกไป “ตลอดไป…หรือไม่ก็จนกว่าฉันจะเบื่อ” สายตาเธอสลดวูบลงเมื่อได้รับคำตอบจากหนุ่มใหญ่รุ่นพ่อหรือไม่ก็คงเป็นรุ่นลุง “แลกกับเงินเท่าไหร่คะ” เธอรู้ดีว่าป้าของเธอหน้าเลือด แค่อยากจะรู้ว่าคนอย่างเธอมีค่ามากแค่ไหนสำหรับป้าของเธอ “สามล้าน” “สามล้าน!” กรรวีร้องขึ้นมาเสียงสูงทำตาโตแล้วเอามือป้องปาก ไม่คิดว่าป้าเธอจะได้เงินไปเยอะถึงเพียงนี้ ลำพังไม่ถึงล้านเธอยังไม่มีปัญญาจะหามาใช้หนี้ให้เสี่ยซ้ง นี่ตั้งสามล้านแล้วเธอจะไปหาเงินจากไหนมาไถ่ตัวเอง หากไม่ยอมรับข้อเสนอของเสี่ยซ้ง หรืออีกทางก็คือยอมเป็นบ้านเล็กของเสี่ยซ้งไปตลอด ‘ไม่นะ ทุกอย่างมันจะมาจบแบบนี้ไม่ได้’ “แล้วหนูจะได้อะไรจากเสี่ยบ้างคะ” เธอกลั้นใจพูดดีถามหนุ่มรุ่นพ่อตรงหน้าออกไป ทั้งที่ในหัวตอนนี้กำลังคิดว่าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร และจะหนีไปไหนถึงจะมีชีวิตรอดได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม