ตอนที่ 1 เด็กกำพร้า
หลังจากสายฝนที่โปรยปรายลงมาได้หยุดลง ภายในบ้านสองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ตามสไตล์ชนบท กรรวีกำลังนอนเอาหมอนนุ่มปิดหูทั้งสองข้างของตัวเองเพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงลุงกับป้าทะเลาะกัน แต่ถึงกระนั้นเสียงก็ยังเล็ดลอดเข้ามาให้เธอได้ยินอยู่ดี
นับตั้งแต่จำความได้จนตอนนี้เธออายุย่างเข้าสิบเก้าปีแล้วลุงกับป้าก็ยังทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน และเธอเองก็ไม่เคยชินกับเหตุการณ์นี้เสียที มันทำให้เธอเสียสุขภาพจิตเป็นอย่างมาก เคยคิดอยากจะหนีออกจากบ้านไปให้ไกลที่สุดแต่ด้วยความที่เป็นเด็กต่างจังหวัด จึงไม่รู้จะหนีไปไหน เงินติดตัวก็ไม่มีสักบาท
“เมื่อไหร่พี่จะเลิกเล่นการพนันซะที เมื่อไหร่จะมาช่วยฉันหาเงินบ้าง ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะ รู้มั้ยว่าเสี่ยซ้งเขาให้คนมาทวงหนี้ฉันถึงบ้าน พี่ไปกู้เงินเขามาอีกแล้วใช่มั้ย” ชวนชมพูดขึ้นเสียงดัง โมโหที่สามีไปยืมเงินกับเสี่ยซ้งไปเพื่อไปเล่นการพนันจนหมดตัว ลำพังที่เธอไปขอกู้เสี่ยซ้งมาเพื่อส่งให้ลูกสาวที่เรียนอยู่กรุงเทพฯก็มากพออยู่แล้ว
“โธ่เว้ย ก็หาช่วยอยู่นี่ไงครั้งนี้ไม่ได้ ครั้งหน้ามันก็ต้องได้แหละน่า เอ็งก็ใจเย็นๆ ก่อนสิวะ” ทรงชัยบอกภรรยาอย่างหัวเสียเช่นกัน วันนี้เล่นการพนันเสียแล้วยังต้องกลับมาโดนเมียที่บ้านด่าอีก
“ใจเย็นอะไรล่ะพี่ ตอนนี้เราเป็นหนี้เขาเกือบล้านแล้วนะ เงินที่จะส่งเป็นค่าเทอมให้ยัยรินฉันก็ยังไม่มีเลย พี่ไปยืมเขามาก่อนแบบนี้แล้วฉันจะไปหาที่ไหนมาให้ลูกล่ะ” น้ำใสๆ เริ่มไหลออกมาจากหน่วยตาทั้งสองข้าง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอต้องแบกภาระภายในบ้านเองทุกอย่าง ดีที่มีหลานสาวอย่างกรรวีคอยช่วยรับจ้างหาเงินมาให้เธอส่งเสียลูกสาวเรียน
“เหอะน่า มันต้องมีทางออกสิ ขอฉันคิดก่อน” ทรงชัยเสียงอ่อนลงบอกกับภรรยา ชวนชมเหนื่อยใจกับสามีไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีเขาก็ยังไม่เคยเปลี่ยน ทั้งดื่มเหล้าทั้งเล่นการพนัน หลายครั้งที่ทั้งสองทะเลาะกันรุนแรงจนเกือบจะเลิกกันแต่สุดท้ายเมื่อทรงชัยได้เงินจากเล่นการพนันมาง้อขอคืนดี ชวนชมก็ยอมใจอ่อนกลับไปทุกที
กรรวีเองก็จนใจเพราะเงินจำนวนมากขนาดนั้นเธอคงไม่มีปัญญาไปหามาให้ป้าเธออย่างแน่นอน แค่ช่วยรับจ้างตัดอ้อยทุกวันนี้ก็เหนื่อยสายตัวแทบขาด ไหนจะต้องมารับผิดชอบงานบ้านงานเรือนอีก เด็กอายุแค่นี้รับผิดชอบได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว เงินที่ได้มาทุกบาทก็ให้ป้าหมด ถ้าไม่ติดคำว่าบุญคุณเงินที่ได้จากการรับจ้างก็พอจะถูๆ ไถๆ ส่งตัวเองเรียนได้
แม่เธอจากไปตั้งแต่เธออายุได้เพียงเก้าขวบด้วยโรคร้ายเธอก็อาศัยอยู่กับลุงกับป้ามาโดยตลอด ส่วนชัชรินทร์ลูกสาวคนเดียวของลุงกับป้านั้นไปเรียนที่กรุงเทพฯ นานๆ จะกลับมาเยี่ยมบ้านสักที
ส่วนมากจะโทรมาเฉพาะเวลาขอเงินพ่อกับแม่เท่านั้น พ่อกับแม่จะมีเงินให้หรือไม่นั้นไม่เคยสนใจแต่ขอเมื่อไหร่ก็ต้องได้ ไม่เคยรับรู้ว่าแม่ไปหยิบยืมเงินจากเสี่ยซ้งมาส่งเสียตัวเองเรียนมากมายแค่ไหน นอกนั้นก็ไม่เคยกลับมาดูแลพ่อกับแม่เลย พ่อกับแม่ก็ตามใจทุกอย่างยกเว้นหลานที่กำพร้าทั้งพ่อและแม่อย่างเธอ
กรรวียังไม่รู้ชะตาชีวิตของตัวเองเลยด้วยซ้ำว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป เรียนจบแค่มัธยมปลายแต่ลุงกับป้าก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะให้เธอเรียนต่อ ทั้งที่เธอสอบได้ทุนเรียนดีแต่ป้าของเธอกลับให้เธอปฏิเสธเพราะกลัวไม่มีคนใช้งานและไม่มีคนคอยหาเงินให้หล่อน อีกทั้งไม่อยากซัพพอร์ตหลานสาวหากเงินทุนที่กรรวีได้รับมานั้นไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายตลอดเวลาที่เธอศึกษาอยู่
มือบางจับสร้อยเงินเส้นเล็กที่มีจี้รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวล้อมรอบพระจันทร์เต็มดวงเรืองแสงสีฟ้าอยู่ด้านในอีกทีที่คอตัวของเองขึ้นมาดู มันเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายและชิ้นเดียวที่แม่ให้ไว้ก่อนตาย ยามท้อก็แอบจินตนาการว่าอยากให้มีปาฏิหาริย์ให้พ่อตัวเองรวยๆ แล้วมารับไปอยู่ด้วย เธอจะได้เรียนหนังสือเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ บ้าง แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความฝัน เพราะไม่มีใครบอกเธอได้ว่าพ่อของเธอคือใคร และเหตุใดพ่อของเธอถึงไม่อยู่กับแม่
แต่กรรวีเองก็ไม่เคยโทษใครเพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นทุกคนก็คงล้วนต้องมีเหตุผลเสมอ เพราะแม่ของเธอเองก็ยังไม่ยอมบอกว่าพ่อของเธอเป็นใครและทำไมท่านทั้งสองถึงไม่ได้อยู่ด้วยกัน ดวงเดือนยอมเก็บความลับไว้จนวาระสุดท้าย พอรู้ว่าตัวเองจะต้องจากไปแบบไม่มีวันกลับและเห็นว่าลูกไม่มีที่พึ่งอื่นแล้ว จะหวังพึ่งพี่สาวและพี่เขยไปตลอดก็คงไม่ได้ เธอจึงตัดสินใจมอบสร้อยเส้นนี้ให้กับลูกสาว
‘ถ้าใบหม่อนเรียนจบมอปลายแล้วให้ไปถามหาคนคนนี้กับป้าแดงนะลูก’
ดวงเดือนบอกกับลูกสาวในวันนั้นเพื่อให้ลูกบรรลุนิติภาวะก่อน กรรวีเหม่อมองชื่อแม่ของตัวเองและใครอีกคนที่สลักอยู่บนจี้สร้อยพระจันทร์เสี้ยวนั้น
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงเสียงลุงกับป้าของเธอก็เงียบลง หลังจากทั้งสองทะเลาะกันจนพอใจก็มานอนปรึกษากันบนเตียงนอน ช่างเป็นคู่ที่ศีลเสมอกันเหลือเกิน
“ทำไมแกไม่ใช้หลานสาวแกให้เป็นประโยชน์วะ” ทรงชัยพูดขึ้นมาเมื่อมองไม่เห็นช่องทางที่จะหาเงินมาให้ภรรยาได้
“พี่หมายความว่ายังไง” ชวนชมหันไปมองหน้าสามีแล้วทำคิ้วขมวดมุ่น
“ก็ให้ใบหม่อนมันไปทำงานที่บ้านเสี่ยซ้งอย่างถาวรเลยสิ” ชวนชมทำท่าทางครุ่นคิด เพราะทุกวันนี้ช่วงที่ไม่มีอ้อยตัดเธอก็ให้หลานสาวไปเป็นแม่บ้านที่บ้านเสี่ยซ้งเหมือนกับดวงเดือนน้องสาวของเธอที่เคยทำงานเป็นแม่บ้านที่บ้านเสี่ยซ้งเจ้าของลานอ้อยหลายแห่งในจังหวัดนี้
“แล้วมันจะยอมไปเหรอ ใบหม่อนมันก็ไม่ใช่คนหัวอ่อนนะ”
“เอ็งก็อย่าบอกมันสิวะ เรื่องแบบนี้เอ็งเก่งจะตาย” สามีออกความเห็นเหมือนเตือนสติภรรยา
“เออ จริงด้วยว่ะ ฉันทำไมคิดไม่ได้วะ ใบหม่อนมันก็โตเป็นสาวแล้วหน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร เสี่ยซ้งคงไม่ปฏิเสธถ้าจะรับมันไว้เป็นเมียอีกคน”
“ทำไมพี่ถึงฉลาดแบบนี้เนี่ย” สองสามีภรรยายิ้มให้กันอย่างพอใจแววตาแฝงไปด้วยความหวัง
เช้าวันต่อมาที่บ้านเสี่ยซ้ง
“เสี่ยครับ คุณชวนชมมาขอพบครับ” ลูกน้องเสี่ยซ้งเอ่ยบอกผู้เป็นนาย